11 สิ่ง “ในวัยทำงาน” ที่คุณควรต้องเรียนรู้ ก่อนอายุ 30

โดยส่วนตัวแล้วผมมีความเชื่อที่ว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราควรเสี่ยงคือก่อนอายุ 30 – เพราะอะไรหรอครับ???
ประสบการณ์จริงจากคนรอบตัวและสังเกตคนโดยส่วนใหญ่แล้วมักมีภาระที่เพิ่มขึ้นอย่างมากก็คือช่วงที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในวัยตัวเลข 30+- ซึ่งไหนจะต้องเก็บเงินสำหรับแต่งงานเพื่อสร้างฐานะและความมั่นคง, ซื้อรถ ซื้อบ้าน ค่าเลี้ยงดูลูก เลี้ยงดูพ่อแม่ เงินเก็บฉุกเฉินยามเจ็บไข้ได้ป่วย และอีกหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งล้วนต้องใช้เงินทั้งหมดทั้งสิ้น ทำให้เราตัดสินใจได้ยากและมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านี้จึงเป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์  วางแผนและลงมือทำสร้างรากฐานให้มีความมั่งคงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เราลองไปดูกันนะครับว่า 11 สิ่งที่ควรเรียนรู้ “ชีวิตในวัยทำงาน” ก่อนอายุ 30 มีอะไรกันบ้าง

1.    ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เจอบ่อยมากกว่าความสำเร็จ
คนที่สำเร็จมักเคยเจอปัญหาและอุปสรรคมากกว่าคนทั่วไปอยู่มาก ฉะนั้นอย่ามัวแต่เสียใจจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพราะความล้มเหลวเป็นเพียงบททดสอบในชีวิต หากคุณแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าฝันมันได้ ความสำเร็จก็รอคุณอยู่ข้างหน้า

2.    “ความไม่มี”ไม่เคยทำให้ใครจน แต่คนจะจนมักเกิดจาก “ความอยากมี”
ยิ่งคุณหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่หากไม่รู้จักเก็บออมและยับยั้งความอยากได้อยากมีตามกระแสเหมือนคนอื่น เมื่อนั้นคุณก็จะจนลงอยู่วันยันค่ำ

3.    รู้จักมองไปข้างหน้าและวางแผนชีวิต
บางคนใช้ชีวิตไปวันๆ บางคนก็มัวจมอยู่แต่กับอดีตจนมองลืมไปว่าหนทางข้างหน้านั้นยังอีกยาวไกล การวางแผนชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนการมีเข็มทิศใช้ในการนำทาง หากคุณเตรียมตัวให้ดีแล้วความสำเร็จก็จะไม่คาดเคลื่อนตามที่คุณหวังเอาไว้

4.    อย่าโลกสวย เพราะโลกไม่เคยหมุนตามเรา
หลายๆครั้งสิ่งที่เราคิดว่าดีมักจะแสดงผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าที่คิดเสมอโดยเฉพาะ “การทำธุรกิจ” จงเผื่อใจและเตรียมแผนสำรองเสมอในกรณีที่ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ (ผิดคาดขึ้นบ่อยมากกกก)

5.    หากคุณภาระยังน้อย ให้ถือซะว่าเป็นโชคดี
เพราะใครอีกหลายๆคนไม่ได้มีโอกาสแบบนั้น ดังนั้นจงอย่าเอาความโชคดีนี้มาทำร้ายตัวเองด้วยการหยุดนิ่ง (บางคน Slow life เป็นเต่ากัดยางเลยก็ว่าได้) หากวันใดคุณเกิดโชคร้ายหรือมีภาระถาโถมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อนั้นคุณจะยิ่งกลัวและไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรอีกเลย

6.    จงคาดหวังและให้น้ำหนัก “เฉพาะ” กับสิ่งที่จับต้องได้
ด้วยวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน มักมีคำสอนที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนจะคาดหวังหรือบนบานจากสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งไม่รู้ว่าผลจะเกิดเมื่อไหร่?? แต่ในทางกลับกันสิ่งที่สามารถพิสูจน์และเห็นผลได้เร็วที่สุดคือ “การลงมือทำ” (แต่ถ้าสบายใจก็ทำต่อไปเถอะครับ)

7.    จงอ้างให้น้อย แต่ทำให้มาก
อย่ามัวแต่หาข้ออ้างมาเป็นข้อจำกัดในความก้าวหน้าของตัวเรา โดยเฉพาะคำว่า เดี๋ยวก่อน, ยังไม่พร้อม, ไม่มีเวลา, ไม่มีเงิน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วไม่เคยมีใครพร้อมและมั่นใจ 100% หากแต่อาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงลองผิดลองถูก ถึงแม้โอกาสสำเร็จจะน้อยแต่ก็ “ยังมี” แต่หากไม่กล้าลงมือทำแล้วยังไงซะความสำเร็จก็เป็น “ศูนย์” แน่นอน

8.    เงินหมื่นมาจากแรงงาน เงินล้านมาจากความคิด
เพราะการใช้แรงงานเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถทำได้หากมีประสบการณ์และความชำนาญที่มากพอ แต่เรื่องของความคิดเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าและไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ ยิ่งคุณมีความคิดและความสามารถที่ดีกว่าคนอื่นมากเท่าไรก็จะช่วยย่นระยะทางสู่ความสำเร็จของคุณให้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
**หมายเหตุ** : ไม่ใช่ว่าการใช้แรงงานไม่ดีนะครับ เพียงแต่ว่าถ้าเราใส่ความคิดดีๆเข้าไปด้วยแล้วจะช่วยให้เราก้าวหน้าเร็วขึ้นเป็นทวีคูณเลยครับ

9.    ใช้อารมณ์ให้น้อย มีเหตุผลให้มาก
เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงานและตัดสินใจ เพราะในบางครั้งคุณอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สองแล้วก็เป็นได้ (เรื่องความรักก็เช่นกัน….จริงๆนะ)

10.    เรียนรู้วิธีหารายได้ให้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตอาชีพที่เราทำอยู่นั้นจะมั่นคงได้ตลอดไปมากน้อยแค่ไหน หรือในบางครั้งอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เช่น อุบัติเหตุ, โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งที่เราควบคุมได้ ถ้าหากว่าตอนนี้เรายังมีแรงมีเวลาก็จงใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมองหาลู่ทางทำธุรกิจ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรือความถนัดของแต่ละคนที่สามารถสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อมาลดความเสี่ยงตรงนั้นให้น้อยลงและปูทางสู่อิสรภาพทางการเงินในอนาคตได้อีกด้วย

11.    ระวัง “ดาบสองคม” เพราะคำพูด
โดยเฉพาะการทำงานไม่ว่าคุณจะสนิทกับคนนั้นมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่ จงดูความเหมาะสมคิดก่อนพูดให้มากเพราะในบางเวลาคำพูดเพียงไม่กี่คำอาจทำลายความสัมพันธ์อันดีหรือส่งผลต่อหน้าที่การงานก็เป็นได้

ขอบคุณที่มาจาก https://pantip.com/topic/34508026