8 ศัตรูของมะเร็ง ที่รู้แล้วชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน!


วันนี้DPSNewsจะมานำเสนอเกี่ยสกับมะเร็ง มะเร็ง หรือ เนื้องอกร้าย มีสาเหตุของโรคที่ค่อนข้างหลากหลาย วันนี้เราแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ “ศัตรูของมะเร็ง” อีกหนึ่งวิธีป้องกันการเกิดมะเร็งที่คุณเองก็สามารถทำได้ เพียงแค่รับประทานอาหารต่อไปนี้…

1. ศัตรูของมะเร็งกระเพาะอาหารคือ กระเทียม

2. ศัตรูของมะเร็งตับคือ เห็ด 

3. ศัตรูของมะเร็งตับอ่อนคือ บร็อคโคลี่ 

 

4. ศัตรูของมะเร็งปอดคือ ผักโขม 

5. ศัตรูของมะเร็งลำไส้คือ หน่อไม้น้ำ

6. ศัตรูของมะเร็งเต้านมคือ สาหร่ายทะเล 

7. ศัตรูของมะเร็งผิวหนังคือ หน่อไม้ฝรั่ง 

8. ศัตรูของมะเร็งปากมดลูกคือ ถั่วเหลือง

15 ข้อควรปฏิบัติ ช่วยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง!!

1. ดื่มน้ำที่สะอาดและเพียงพอ เพื่อลดสารก่อโรคมะเร็งวิธีหนึ่ง มีศึกษาที่เพิ่มค้นพบใหม่จากสถิติของสถาบันมะเร็งพบว่า การดื่มน้ำสะอาดจากเครื่องกรองจะดีกว่าการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน และจากการศึกษาของสมาคมสิ่งแวดล้อมพบว่าการเก็บรักษาน้ำในเหยือกแก้ว หรือภาชนะสเตนเลส จะดีกว่าการเก็บรักษาในภาชนะพลาสติก และไม่ลืมที่จะดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างพอเพียงสามารถลดความเข้มข้นของการขับถ่ายปัสสาวะได้ และลดมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือให้ปริมาณปัสสาวะมีสีเจือจางเมื่อขับถ่ายทุกครั้ง

2. ไม่ควรสูดดมหรือสัมผัสก๊าซขณะเติมน้ำมันรถ เพราะสารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถเข้าสู่ปอด และหากกระเด็นสู่ผิวหนังอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

3. ลดการกินอาหารปิ้ง-ย่าง โดยเฉพาะเนื้อแดง การกินอาหารประเภทปิ้งย่างนั้น หากมีการไหม้จะก่อสารมะเร็ง หรือมีเศษสีดำของการเผาของถ่านติดอยู่ก็จะทำให้เกิดมะเร็งได้ แนะนำให้มีการหมักเนื้อสัตว์ก่อนการปรุงอาหารด้วยสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ เช่น พริกไทย โรสแมรี่ ใบออริกาโน่ ฯลฯ งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Kansas พบว่าการหมักเนื้อสัตว์เหล่านั้นก่อนการปิ้งย่างอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมงสามารถลดสารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่างเผาได้ถึง

4. รับประทานผักผลไม้สีเขียวให้มาก เพราะสารแมกนีเซียมจากพืช ผักสีเขียวช่วยลดมะเร็งลำไส้ได้ ซึ่งดีต่อผู้หญิงเป็นอย่างมาก อีกทั้งการได้รับสารแมกนีเซียมที่เพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานอย่างปกติ การรับประทานผักขมครึ่งถ้วยต่อวันให้ปริมาณแมกนิเซียม 75 มิลลิกรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย

5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารจำพวกยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซิน เนื่องจากเต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายที่เกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็ง ง่ายๆ ด้วยการจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้ในบ้าน หรือที่ทำงาน ย่อมเป็นการลดโอกาสในการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งได้

6. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ซึ่งไม่เพียงช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยที่ไม่ตั้งใจ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก เชื่อกันว่าประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุมาจาก Human Papillomavirus (HPV) ที่สำคัญเชื้อ HPV นี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ทวารหนักและอวัยวะเพศอีกด้วย แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนชนิดใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ HPV ได้ในระดับหนึ่ง โดยต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์

7. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแข็งแรง เป็นที่รู้กันดีว่าการออกกำลังกายช่วยส่งเสริมให้อวัยวะในร่างกายได้พัฒนา และแข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย และต่อสู้กับอนุมูลอิสระหรือเชื้อโรคต่างๆ อย่างได้ผล อีกทั้งออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายโดยการเดินเร็วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 18%

8. ลดการส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง จากการวิจัยของ National Academies of Science เมื่อต้นปี 2010 ระบุว่าการซักแห้งหรือซักน้ำมันโดยสาร perc (perchloroethylene) จะมีผลให้เกิดการก่อสารมะเร็งต่อปอด ไตและตับได้เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นการใช้สารซักแห้ง ซักน้ำมันที่ทำให้ผ้าเรียบอาจไม่ปลอดภัยจนเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งร้ายได้

9. หลีกเลี่ยงการผ่านสารรังสีโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงตรวจดูมะเร็งเต้านมประจำปี การทำแมมโมแกรม เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว การตรวจมะเร็งโดยใช้วิธีคลำหา และไม่ผ่านรังสีอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะการเกิดมะเร็งได้ดีกว่า

10. ไม่ใช้ควรโทรศัพท์มือถือแนบหูเป็นเวลานานๆ เนื่องจากมีการพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มีคลื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้โทรศัพท์นานๆ โดยมีอุปกรณ์เสริมจะลดผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้

11. กินอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่ปนเปื้อนสารปฏิชีวนะและฮอร์โมน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นที่น่าสงสัยว่า จะมีส่วนก่อให้เกิดปัญหาต่อมไร้ท่อรวมทั้งโรคมะเร็งอีกด้วย รวมถึงผักผลไม้ที่มีสารกำจัดศัตรูพืช แม้จะเป็นการหลีกเลี่ยงได้ยาก แนะนำให้เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ไว้วางใจ และต้องล้างพืชผักทุกครั้งก่อนบริโภค

12. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดอันรุนแรง  เพราะแสงยูวีจากแสงอาทิตย์มีทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนัง แดดที่ควรเลี่ยงคือช่วงเวลา 10.00-16.00 น. โดยประมาณ แต่หากว่าจำเป็นต้องเผชิญแสงแดดเวลาดังกล่าวนั้น ควรสวมเสื้อผ้าปกปิด และทาโลชั่นกันแดดเสมอ

13. เลือกรับประทานอาหารจำพวกธัญพืชให้มากขึ้น อาหารประเภทแป้งควรเลือกทานจำพวกขัดสีน้อย ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ฯลฯ แป้งข้าวสาลีดีกว่าขนมปังขาวทั่วๆ ไป และทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ด้วยมีสารอาหารวิตามินที่มีประโยชน์อยู่ในส่วนที่เป็นกาก และใยอาหารที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ช่วยให้อิ่มง่ายและขับถ่ายได้สะดวก มีการศึกษาพบว่าอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงจะทำให้การเพิ่มน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่-ทวาร ได้

14. ใส่ใจกับความเจ็บปวดต่างๆ อาการเจ็บป่วยต่างๆ ไม่ว่าจะอาการมากหรือน้อย หากเป็นบ่อยๆ เป็นเรื้อรัง ไม่ว่าจะท้องอืด ปวดบริเวณช่องท้อง ปวดหัว หรือภาวะเร่งด่วนเกี่ยวกับการขับปัสสาวะ ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์หาสาเหตุและรักษาให้หายขาด เพราะอาการเหล่านี้อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับมะเร็ง หรือก่อให้เกิดมะเร็งได้

15. ไม่สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ ทำให้เกิดการตายจากมะเร็งปอดได้ถึง 87% ซึ่งมะเร็งปอดนั้นจัดว่าเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญจากโรคมะเร็งทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เพราะในบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากมาย อันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งตามอวัยวะที่ควันบุหรี่ผ่านด้วย เช่น มะเร็งกล่องเสียง, มะเร็งช่องปาก, มะเร็งคอหอย, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งไต, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเม็ดเลือดขาว และไม่ได้ส่งผลเพียงแค่คนที่สูบบุหรี่เท่านั้น ยังส่งผลต่อผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ เพียงแต่สูดดมควันพิษจากบุหรี่เข้าไปก็เสี่ยงต่อมะเร็งได้เช่นกัน

ที่มา https://goo.gl/6h8LQR