รู้ยัง..กรมขนส่งเปิดอบรม สอบใบขับขี่วันเสาร์-อาทิตย์ฟรี ถ้าสอบผ่านได้ใบขับขี่ทันที

กรมการขนส่งทางบก เพิ่มทางเลือก แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์นอกเวลาราชการ จับมือภาคเอกชน จัดอบรมเสริมความรู้ก่อนขอรับใบอนุญาตขับรถในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นประจำทุกเดือน รุ่นต่อไปอบรมวันที่ 24-25 มีนาคมนี้
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ตระหนักถึงภารกิจในการเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะการปลูกจิตสำนึกการขับขี่ที่ปลอดภัย และวินัยจราจรเพื่อผลิตนักขับรถที่มีคุณภาพสู่ท้องถนน ทั้งนี้ได้ร่วมกับภาคเอกชนจัดโครงการอบรมเสริมความรู้ให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ ในวันเสาร์และอาทิตย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการสมัครและอบรม โดยผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับใบอนุญาตขับรถภายใต้การควบคุมกำกับดูแลการอบรมทดสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานและระเบียบเดียวกับการขอรับใบอนุญาตขับรถในวันเวลาราชการ

ซึ่งในวันเสาร์จะได้รับการอบรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ 5 ชั่วโมง ด้านกฎหมายจราจร มารยาทและเทคนิคในการขับขี่อย่างปลอดภัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุตามหลักสูตรอบรม ก่อนเข้ารับการทดสอบข้อเขียนระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-exam) และทดสอบขับรถในสนามทดสอบในวันอาทิตย์ ทั้งนี้ในเดือนมีนาคม จัดอบรมวันที่ 24-25 มีนาคม 2561 ร่วมกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด โทร.0-2129-7426 รุ่นต่อไปอบรม วันที่ 28-29 เมษายน 2561 ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โทร.0-2537-1655 และวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2561 ร่วมกับ บริษัท บริดจสโตน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร.0-2636-1505 ถึง 32 ต่อ 3295

ผู้สนใจศึกษารายละเอียดและตารางอบรมเพิ่มเติม และสมัครได้ที่ส่วนใบอนุญาตขับรถ อาคาร 4 ชั้น 2 กรมการขนส่งทางบก โทร. 0-2271-8888 ต่อ 4202-3 หรือภาคเอกชนที่จัดอบรมในรุ่นนั้น


รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น กรมการขนส่งทางบกยังได้ทำความตกลงกับสถาบันการศึกษาของรัฐเพื่อทำหน้าที่อบรมภาคทฤษฎีในหลักสูตรเดียวกันกับกรมการขนส่งทางบก โดยผู้ผ่านการอบรมกับสถาบันการศึกษาของรัฐสามารถนำใบรับรองมาแสดงเป็นหลักฐาน เพื่อขอเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพ ทางร่างกาย ทดสอบข้อเขียน (E-exam) และทดสอบขับรถ

โดยขณะนี้ ในกรุงเทพฯ มีสถาบันที่เปิดอบรมหลักสูตรดังกล่าว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โทร.0-2470-9630-4, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โทร.0-2613-3820-25, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร.0-2241-6543-6,มหาวิทยาลัยรามคำแหง โทร.0-2397-6308,มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โทร. 0 2160 1312, วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร โทร. 08 7917 1347เป็นต้น ส่วนภูมิภาคสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถเลือกเรียน และอบรมกับโรงเรียนสอนขับรถเอกชนที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ทั้งหมดนี้ กรมการขนส่งทางบกมุ่งเน้นให้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถมีความรู้ ในการขับขี่อย่างปลอดภัยเพื่อช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ขอขอบคุณที่มา : siamstations.com

6 ข้อดีของการ “แกล้งโง่” อยากรู้ต้องอ่าน แค่ 3 นาทีเท่านั้น รู้เรื่อง

6 ข้อดีของการ “แกล้งโง่” คงไม่มีใครอยากดูเป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น แต่การพยายามทำตัวฉลาด ทั้งที่ฉลาดไม่จริง หรือแม้จะฉลาดจริงก็ตาม มักส่งผลในแง่ลบมากกว่าแง่บวก ในขณะที่การแกล้งโง่ ที่ดูเหมือนเป็นแง่ลบนั้นกลับได้ประโยชน์มากกว่า

1. แกล้งโง่ ทำให้มีเวลามากขึ้น

คนอวดฉลาด ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็มักต้องทำงานมากกว่าคนอื่นหากอยู่ที่ทำงาน ไม่เพียงงานของตนเองจะมากกว่าเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ยังมักต้องคอยช่วยเหลืองานคนอื่น จนกลายเป็น “เจเนรัลเบ๊”ของที่ทำงานไปโดยปริยาย เมื่ออยู่บ้าน แทนที่จะได้พักผ่อน ก็กลับต้องทำโน่นทำนี่ จนกลายร่างเป็น “คุณแจ๋ว” ไม่ต่างจากตอนอยู่ที่ทำงาน ตรงกันข้ามกับคนที่ถูกมองว่าโง่ หรือทำอะไรไม่เป็น ก็จะได้ทำแต่หน้าที่ของตนเองเท่านั้น เมื่อไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับงานของคนอื่น จึงมีเวลามากพอสำหรับทำเรื่องที่จำเป็นมากกว่า อย่างการวางแผนเพื่อเดินตามความฝัน

2.แกล้งโง่ ทำให้ชีวิตสบายขึ้น

ผู้หญิงที่ทำกับข้าวเก่ง ทำงานบ้านเก่ง ก็มีแนวโน้มว่า เมื่อแต่งงานไปแล้วจะต้องเป็นคนดูแลงานบ้านทุกอย่าง แม้ว่าจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วยก็ตาม แต่ผู้หญิงที่ทำงานบ้านไม่เป็นหรือแสดงออกว่าทำงานบ้านไม่เก่ง จะสามารถหลีกเลี่ยงงานน่าเบื่อนี้ไปได้

3.แกล้งโง่ ทำให้ฉลาดขึ้น

อัญชุลี คิดว่าเธอเป็นคนฉลาด และเธออยากให้คนอื่นเชื่อเช่นนั้นด้วย เธอจึงพยายามทำตัวเป็นคนฉลาด แน่นอน เธอจะไม่ยอมถามคำถามอะไรเด็ดขาด เพราะคนฉลาดย่อมรอบรู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว เธอจึงไม่เคยกำจัดความสงสัย หรือความไม่รู้ทิ้งไปได้เลย

ส่วนวิชชุดา เธอเป็นคนประเภทตรงกันข้ามกับอัญชุลี เธอคิดว่าตนเองไม่ฉลาด ซึ่งมันก็ส่งผลให้เธอไม่กังวลว่าใครจะมองเธอว่าโง่ เมื่อมีปัญหา หรือมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ เธอกล้าที่จะถาม และขอคำแนะนำจากคนอื่น ทำให้ความสงสัยถูกกำจัดทิ้งไป และถูกแทนที่ด้วยความรู้ วิชชุดาจึงรู้มากขึ้น ในขณะที่อัญชุลียังคงไม่รู้อยู่เหมือนเดิมด้วยความที่คนอวดฉลาด ต้องการสร้างภาพลักษณ์ว่าตนเป็นคนฉลาด จึงทำให้ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนไม่มีความรู้เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นมองว่าตนเองโง่ หารู้ไม่ว่า การไม่ถามหรือการพยายามทำตัวฉลาดนี่ล่ะ ตัวการสำคัญที่ทำให้เขากลายเป็นคนโง่

หากกล้ายอมรับว่าตนเองไม่รู้ และเอ่ยปากถามออกไป ไม่นานก็จะได้คำตอบที่ช่วยคลายความสงสัยได้ และความโง่ก็จะหายไป แต่หากไม่กล้าถาม ความสงสัย และความไม่รู้ก็จะยังอยู่ตรงนั้น ความโง่ก็ด้วย

การถามคำถามที่ไม่เข้าใจออกไป จึงเป็นการโง่เพียงวินาทีเดียว แต่การแกล้งทำตัวฉลาด ไม่ยอมถามทั้งที่ไม่รู้ จึงเหมือนเป็นการผูกตัวเองไว้กับความโง่ไปตลอดชีวิต

 

4.แกล้งโง่ ทำให้พัฒนาตนเองได้มากขึ้น

คนอวดฉลาดที่หลงลำพองในตัวเอง มองว่าตัวเองรอบรู้ทุกด้าน และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว จะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้อีก เหมือนกับอึ่งอ่างที่พองตัวอยู่ในกะลาแคบๆ จนไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้

ตรงกันข้ามกับคนแกล้งโง่ ที่จะทำตัวเล็กลีบอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าอยู่ที่ใด จึงไม่คับแคบ และยังสามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่เจอทางตัน เพราะพวกเขาคิดว่า ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก จึงทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาตนเอง และก้าวหน้าต่อไปได้อีก ในขณะที่คนอวดฉลาดจะยังคงอยู่ที่เดิม ซึ่งนับวัน ก็ยิ่งจะถอยหลังเข้าคลองไปทุกที

 

5.แกล้งโง่ ทำให้รู้ข้อมูลมากขึ้น

อนันตชัยถูกใจผู้หญิงคนหนึ่งที่พบกันที่บาร์เขาจึงเข้าไปคุยกับเธอ และแกล้งโง่เออออตามเธอทุกอย่าง เธอจึงคุยอะไรต่อมิอะไรให้เขาฟังมากมาย ตั้งแต่เรื่องหน้าที่การงานว่าเธอทำงานอะไร มีปัญหากับเจ้านายอย่างไร มีเพื่อนสนิทกี่คน ครอบครัวมีใครบ้าง เธอเคยมีแฟนมาแล้วเท่าไร ทำไมจึงเลิกกัน เธอชอบอะไร ไม่ชอบอะไรตลอดจนเธอไปศัลยกรรมจมูกที่ไหน

บรรดาสายลับในหนัง เมื่อต้องปลอมตัวไปสืบข้อมูลต่างๆ ก็มักแกล้งทำเป็นคนซื่อๆ เหมือนคนที่ไม่รู้รื่องราว และไมมี่พิษภัยอะไรหรือพูดง่ายๆ คือแกล้งโง่นั่นเอง ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาสามารถสืบข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เพราะคนอื่นๆ ตายใจจนไม่ทันได้ระวังตัวคุณสมบัติในการเป็นผู้ฟังที่ดีของคนแกล้งโง่ สามารถล้วงความลับของใครต่อใครได้มากมาย เพราะเมื่อคนอื่นมองว่า คุณเป็นคนโง่คนหนึ่ง ที่ไม่มีพิษสงอะไร จะทำให้เขาระวังตัวน้อยลง และกล้าเปิดปากพูดอะไรมากขึ้น คุณจึงสามารถรู้ข้อมูลทุกเรื่องที่อยากรู้ได้เพียงแกล้งโง่เท่านั้น

6.แกล้งโง่ ทำให้มีประสบการณ์ และได้เรียนรู้มากขึ้น

คนอวดฉลาดมักทำอะไรอยู่ในกรอบความฉลาดของตนเองและจะไม่ยอมทำอะไรเสี่ยงๆ หรือทำสิ่งที่ตนเอง หรือคนอื่นมองว่าเป็นเรื่องโง่ๆ เด็ดขาด ทำให้พวกเขาหมดโอกาสที่จะได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
ถ้าไม่ยอมแกล้งโง่ เปิดใจรับฟังบรรดาพนักงานขายทางโทรศัพท์ ก็คงไม่มีโอกาสรู้ว่า มีโปรโมชั่นบัตรเครดิตดีๆ ที่อาจช่วยให้การใช้จ่ายในแต่ละเดือนคล่องตัวขึ้น

ถ้าไม่ยอมแกล้งโง่ ออกไปท่องเที่ยวโดยไม่วางแผนดูบ้าง ก็คงไม่เคยมีประสบการณ์สนุกๆ
ถ้าไม่ยอมแกล้งโง่ ทำเรื่องที่น่าเสี่ยงดูบ้าง ก็คงไม่มีทางรู้ว่า ความล้มเหลวเป็นอย่างไร เพื่อไม่รู้จักความล้มเหลว ก็คงทำความรู้จักความสำเร็จได้ยาก

“คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดเป็นเหยื่อของคนแกล้งโง่”

ขอบคุณที่มา : socialasian.info

สูตรกำจัดผมขาวก่อนวัย ผมขาดร่วง สาเหตุหัวล้าน พร้อมวิธีทำ ไม่ต้องมานั่งย้อมผมอีกต่อไป

ไม่ต้องมานั่งย้อมผมอีกต่อไป สูตรกำจัดผมขาวก่อนวัย ผมขาดร่วง สาเหตุหัวล้าน พร้อมวิธีท วันนี้เรามีสูตรการใช้ สมุนไพรแก้ผมหงอก มาแนะนำให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้นำไปใช้กันดู แต่ละวิธีก็ใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายๆ รอบตัวเอานี่เอง ขึ้นชื่อว่าสมุนไพรก็ค่อนข้างจะปลอดภัยมากกว่าการปิดผมขาวด้วยน้ำยาย้อมผมแบบสารเคมี จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

การรักษาผมหงอกด้วยสมุนไพร
นั้นมามีแต่ช้านาน และบางวิธีอาจถูกลืมเลือนไป การทำก็ไม่ยากและช่วยแก้ผมหงอกให้คุณได้แน่นอนจ้า การแก้ผมหงอกด้วยสมุนไพรมีการคิดค้นขึ้นมาทั่วโลก จึงทำให้มีหลายสูตรและใช้สมุนไพรตามท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาค อย่างสมุนไพรไทยของเราก็มีหลายอย่างที่ใช้แก้ผมหงอกได้ เชื่อเลยว่าบางทีวัตถุดิบเหล่านี้อาจจะอยู่ใกล้ตัวคุณ แต่ถูกมองข้ามไป วันนี้เราจะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ทราบเองค่ะ ว่ามีสมุนไพรอะไรบ้าที่สามารถใช้ขจัดปัญหาผมหงอกได้ เมื่อทราบวิธีการต่างๆ แล้ว ก็อย่าลืมแชร์ไปแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ของคุณบ้างนะคะ จะได้มีเส้นผมดำเงางามดั่งใจกันทุกคน

สมุนไพรแก้ผมหงอกมีอะไรบ้างใช้งานยังไงมาดูกัน

สูตรกระเทียมกับน้ำมันมะกอก

วิธีนี้เป็นการใช้ประโยชน์สมุนไพรแก้ผมหงอกที่หลายคนยังไม่ทราบ วิธีการคือเอากระเทียมมา 4 หัว ปอกเปลือกออกแล้วตำให้ละเอียด หาขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มหมดแล้ว นำมาล้างให้สะอาด เอากระเทียมที่ตำละเอียดนี้ใส่เข้าไป เติมน้ำมันมะกอกลงไปอีก 8 ช้อนโต๊ะ ปิดฝาขวดทิ้งไว้ 2 วัน จึงเอามาใช้หมักผมของเราให้ทั่ว เอาผ้าขนหนูมาพันรอบศีรษะทั้งหมด ทิ้งไว้ 45 นาทีจึงล้างออกและสระผมตามปกติ ทำวิธีนี้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำเรื่อยๆ ต่อเนื่องสัก 2 เดือน จะเห็นว่าผมที่ขึ้นมาใหม่จะไม่ค่อยเป็นหงอกเยอะแล้ว และช่วยให้รากผมแข็งแรงอีกด้วยค่ะ

น้ำมันสมุนไพรแก้ผมหงอก

สูตรนี้เราจะเอาเถาพอระเพ็ดสดๆ มาหั่นเป็นชิ้นๆ ให้ได้ 3 กิโลกรัม จากนั้นเอามาผสมกับมะพร้าวขูด(ซื้อได้จากตลาด) 1 กิโลกรัม และน้ำสะอาดอีก 1 ลิตร เอาใส่เครื่องปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียด จึงเอามากรองด้วยผ้าขาวบาง เราก็จะได้น้ำสมุนไพรมาแล้วค่ะ ให้เอามาเคี่ยวด้วยไฟปานกลางไปเรื่อยๆ ซึ่งน้ำจะค่อยๆ ระเหยออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่น้ำมันเท่านั้น ซึ่งเราสามารถเก็บใส่กระปุกหรือภาชนะที่มีฝาปิดไว้ใช้ได้นาน วิธีแก้ผมหงอกด้วยสมุนไพรก็คือ ให้เอามาทาเส้นผมให้ทั่ว แล้วหมักทิ้งไว้ 20 นาที จึงสระผมล้างออก ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะช่วยขจัดผมหงอก ทำให้เส้นผมค่อยๆ ดำขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

ใช้ว่านหางจระเข้ บอระเพ็ด มะกรูด

อันดับแรกให้เพื่อนๆ เอาเถาบอระเพ็ดสดๆ มาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตวงให้ได้ 1 ถ้วย จากนั้นเอาผลมะกรูดสดมา 3 ลูก ฝานเป็นแผ่นๆ แล้วแคะเมล็ดออกทิ้ง เอาทั้ง 2 อย่างนี้ใส่หม้อต้ม โดยใส่น้ำสะอาดลงไป 1 ถ้วยใหญ่ ใช้ไฟปานกลางต้มไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 นาที เสร็จแล้วก็รอให้เย็น กรองเอาเฉพาะน้ำ ช่วงที่รอนี้ให้เอาว่านหางจระเข้มาแกะเอาเฉพาะวุ้น 1 ถ้วย จากนั้นก็เอาใส่เครื่องปั่นพร้อมกับน้ำบอระเพ็ดต้มจนเป็นเนื้อเดียวกัน เวลาใช้ก็เอามาหมักผมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำจะช่วยแก้ปัญหาผมร่วงและผมหงอกก่อนวัยให้กับคุณได้

สูตรแก้ปัญหาผมหงอก ช่วยให้เส้นผมเงางาม

วิธีนี้ง่ายมาก แค่คุณเอาน้ำมันมะกอกมาทาและนวดเส้นผมพร้อมทั้งหนังศีรษะ แล้วหาผ้าขนหนูมาพันรอบๆ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้ให้คุณเอาผลมะกรูดมาเผาไฟให้สุก แล้วเอามาขยำในน้ำสะอาด เมื่อครบ 1 ชั่วโมงแล้วก็เอาน้ำมะกรูดที่ได้มาใช้สระผม ทำเป็นประจำจะช่วยขจัดปัญหาผมหงอก ช่วยให้เส้นผมดำเงางามมากยิ่งขึ้น

สูตรน้ำมันมะพร้าว + ใบบัวบกสด

ก่อนอื่นให้เพื่อนๆ เอาใบบัวบกมา 1 กิโลกรัม ล้างให้สะอาด แล้วเอาใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสะอาดลงไปด้วย 1 ลิตร ปั่นให้ละเอียด จากนั้นเอามากรองด้วยผ้าขาวบาง เอาน้ำที่ได้มาใส่กระทะแล้วตั้งบนไฟอ่อนๆ เติมน้ำมันมะพร้าวลงไปผสมด้วย 1 แก้ว ค่อยๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ให้น้ำระเหยออกไปจนหมด เราก็จะได้น้ำมันชโลมเส้นผมแล้วหล่ะ สามารถเก็บใส่ภาชนะไว้ใช้หลายๆ ครั้งได้ วิธีใช้ก็เอามาชโลมเส้นผมของเราให้ทั่ว แล้วหมักไว้ 15 – 20 นาที เสร็จแล้วก็สระผมทำความสะอาดให้เรียบร้อย ทำวิธีนี้สัปดาห์ละ 4 ครั้งขึ้นไป จะช่วยรักษาปัญหาผมหงอกได้


ดอกอัญชัน + น้ำมันมะกอก

วิธีนี้เพื่อนๆ สามารถทำได้ไม่ยาก แค่เอาดอกอัญชันสดๆ มา 15 ดอก ล้างให้สะอาดแล้วเอาใส่เครื่องปั่นให้ละเอียด จากนั้นคั้นแล้วกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำมันมะกอกใส่เข้าไปอีก 1 ช้อนชาแล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ก่อนใช้ให้เพื่อนๆ สระผมให้สะอาดเช็ดจนแห้งเรียบร้อย แล้วเอาน้ำมันดอกอัญชันของเรามาชโลมเส้นผมและหนังศีรษะให้ทั่ว พอกไว้ 30 นาที จึงล้างออกให้สะอาด ทำวิธีนี้ 2 ครั้งต้อสัปดาห์ จะช่วยแก้ผมหงอกให้กลับมาดำเงางามมีน้ำหนักอีกครั้ง

มะขามป้อมกับน้ำมันมะพร้าว

ให้เอามะขามป้อมสดมาผ่าเอาเมล็ดออกให้หมด เอาเนื้อมะขามป้อมมาชั่งน้ำหนักให้ได้ 1 กิโลกรัม แล้วเอาผสมน้ำสะอาด 1 ลิตร แล้วเอาใส่เครื่องปั่นให้ละเอียด เอามากรองด้วยผ้าขาวบาง นำน้ำมันมะพร้าวมา 1 แก้ว ผสมลงไปในน้ำมะขามป้อมที่ได้ จากนั้นเอามาใส่หม้อตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเหลือแต่น้ำมัน เราก็จะได้น้ำมันสูตรมะขามป้อมไว้ใช้แก้ผมหงอกแล้วหล่ะ โดยให้เอามาทาเส้นผมให้ทั่วทิ้งไว้ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำจะช่วยรักษาผมหงอกให้กับคุณได้

นี่คือสูตรสมุนไพรแก้ผมหงอกที่เราได้รวบรวมมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพื่อจะได้เอาไปใช้กับตัวเองในเวลาที่มีปัญหาผมหงอกมาเยือน เพราะเมื่ออายุเราล่วงเลยไปจนถึงจุดหนึ่ง ย่อมมีเส้นผมสีขาวขึ้นมาแทน บางคนแม้อายุจะน้อย ก็ยังมีปัญหาผมหงอกมาเยือน ลองเอาวิธีแนวสุมนไพรธรรมชาติไปลองใช้กันดู บางทีอาจจะใช้ได้ผลดี การแก้ผมหงอกด้วยสมุนไพรจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ฉะนั้นต้องใจเย็นนิดนึง
ขอขอบคุณ : socialasian.info

**หมายเหตุ ในบางกรณี เป็นสื่อกลางในการรวบรวมบทความ และนำเสนอข้อมูลที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป

10 อันดับ “บริษัทและองค์กร” เงินเดือนสูง สวัสดิการดี ที่คนไทยอยากทำงานมากด้วยที่สุด!!

พูดถึงเป้าหมายในการทำงานหลังเรียนจบของน้องๆ นักศึกษา หรือแม้แต่วัยทำงาน ก็คงอยากทำงานในบริษัทที่ให้ความก้าวหน้า ความมั่นคง และได้ค่าตอบแทนที่แสนคุ้มค่า และผลสำรวจ 10 อันดับ บริษัท/องค์กรที่คนอยากเข้าทำงานมากที่สุดในประเทศไทย พบว่าทั้ง 10 องค์กรที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนชาวไทยใฝ่ฝัน มีทั้งบริษัทสัญชาติไทยและบริษัทต่างประเทศ เหล่านี้

1. บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม

 

ถือเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงเป็นอันดับต้นของประเทศไทย สังเกตได้จากผลประกอบการณ์ในแต่ละปี และราคาหุ้นที่ขึ้นสูงตลอรดเวลา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมนุษย์เงินเดือน

2. บริษัทปูนซีเมนต์ไทย SCG

 

อีกหนึ่งบริษัทที่มีความมั่นคงและอัตราค่าตอบแทนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอัตราเงินเดือนของปริญญาตรีจบใหม่ เริ่มต้นที่ 19,000-22,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการขึ้นเงินเดือนให้ทุกปี โดยเฉลี่ยปีละ 6%เป็นขั้นต่ำ โบนัสประจำปี วัดจากสถิติตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 เท่าของเงินเดือน

3. บริษัทการบินไทย

 

บริษัทที่มีความมั่นคงซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน เนื่องจากมีค่าตอบแทนมากพอสมควร และมีชั่วโมงการทำงานที่ไม่มากนัก ประกอบกับได้สิทธิและสวัสดิการต่างๆ ชนิดที่เรียกว่าคุ้มค่าแบบหาที่ไหนไม่ได้

4. บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์

 

องค์กรสื่อที่คนรุ่นใหม่ต้องรู้จักและอยากร่วมงานด้วย เพราะหลายปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการที่ดีและมีรูปแบบการทำงานที่น่าสนใจและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ดี

5. บริษัทโตโยต้า (ประเทศไทย)

 

แม้อัตราค่าตอบแทนพื้นฐานค่อนข้างน้อย แต่มีค่าคอมมิชชั่นสูง เป็นบริษัทที่จ่ายโบนัสสูงมากอีกบริษัทหนึ่งเลยทีเดียว (มีโบนัสประจำปี 2 รอบ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 6-8 เท่าของเงินเดือน) และมีสวัสดิการที่ที่โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ

6. บริษัทไมโครซอฟต์ (ประเทศไทย)

 

บริษัทต่างชาติระดับโลกอีกแห่งที่มีความมั่นคงสูง แต่ไม่กำหนดคุณสมบัติพนักงานที่ต้องการรับแบบตายตัว เน้นควาชำนาญในด้านคอมพิวเตอร์และโปรแกรมเป็นหลัก ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีคนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด โดยอัตราค่าตอบแทนของบริษัทนี้ค่อนข้างสูง และมีชั่วโมงการทำงานที่ไม่กำหนดไว้ตายตัว พนักงานทุกคนจะได้รับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคนละ 1 เครื่อง เพื่อใช้ในการทำงานตามสถานที่ต่างๆได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่เน้นการรูดบัตร หรือแสกนนิ้วมือเพื่อเข้าทำงานเช่นบริษัทอื่นๆ

7. บริษัทไอบีเอ็ม (ประเทศไทย)

 

บริษัทนี้มีการคัดเลือกอย่างยุติธรรมโดยการสอบข้อเขียนตามความถนัด เพื่อพิจารณาในด้านต่างๆ เช่นสภาวะอารมณ์ ,ระดับไอคิว,และความรับผิดชอบต่างๆ ซึ่งแต่ละปีจะรับพนักงานเพียงปีละราว 10 กว่าคนเท่านั้น หากผ่านเข้าเป็นพนักงานของ IBM แล้ว ทางบริษัทตะจัดคอร์สอบรมยาวถึงสามเดือน โดยให้พนักงานได้ทดลองงานในแผนกต่างๆ เพื่อคัดเลือกความสามารถตามความถนัดของแต่ละคน โดยมีจุดมุ่งหมายให้พนักงานทำงานด้วยความสุข

8. บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

 

 

เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หลายๆ คนให้ความสนใจ เกณฑ์การพิจารณาใกล้เคียงกับบริษัทเวิร์คพอยท์ เน้นความถนัดตามสายงานที่เปิดรับเป็นช่วงๆ และไม่มีเกณฑ์ตายตัว เน้นประสบการณ์ และความถนัดเป็นหลัก

9. บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์

 

บริษัทที่ไม่เน้นรับผู้มีประสบการณ์ เปิดโอกาสให้กับเด็กจบใหม่ และไม่จำเป็นต้องเป็นสายตรง เกรดเฉลี่ยไม่แยกสถาบัน แต่มีเกณฑ์เปิดรับพิจารณาที่ 2.5 ขึ้นไป

10. บริษัท ลีโอ เบอร์เน็ทท์ (ประเทศไทย) จำกัด (LEO BURNETT)

 

บริษัทบริษัทเอเยนซี่โฆษณาระดับอินเตอร์และติดTop 5 ในเมืองไทย ที่มีประวัติความเป็นมาและผลงานที่โดดเด่นเป็นที่ยอมรับ บริษัทนี้มีอัตราเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่ ถือว่าสูงกว่าบริษัททั่วไปเกือบ 1 เท่าตัว มีสวัสดิการที่ดี และอัตราวันลาที่เริ่มต้นสูงกว่าที่อื่นๆ มีการอบรมและสัมนาตลอดปีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในองค์กร

ที่มา maewmongna.com

“หม้อหุงข้าว” ใช้นานจะสกปรก หุงสุกช้า เปลืองไฟ เพียงแค่ขัดเบาๆแบบนี้ ก็กลับมาดีเหมือนเดิม!

“หม้อหุงข้าว” หากใช้นานแล้วจะเกิดเป็นคราบดำๆที่ก้นหม้อ ทั้งหุงข้าวสุกช้ามากและเปลืองไฟด้วย ทำอย่างไงดีนะ? วันนี้เราจึงขอแนะนำวิธีทำความสะอาดหม้อหุงข้าวแบบง่ายๆมาฝาก ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัวเลย

ขั้นตอนแรก เตรียมวัสดุอุปกรณ์ดังนี้

1. ฟองน้ำล้างจาน

2. น้ำส้มสายชู 1 ขวด

3. กระดาษทิชชู่ม้วนหนา

ลองดูหม้อหุงข้าวที่บ้าน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ทำความสะอาด คงดำมากเลยใช่ไหม? อย่ารอช้ามาดูขั้นตอนการทำความสะอาดกันเลย

ขั้นตอนแรก เทน้ำส้มสายชูลงบนฟองน้ำล้างจาน จากนั้นก็ขัดๆถูๆบริเวณที่ดำสกปรก ขึ้นสนิม หรือที่มีคราบความมัน เมื่อขัดได้ที่จนคราบหลุดออกแล้ว

ขั้นตอนต่อไป ก็ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดให้สะอาด หากพบว่ายังมีคราบสกปรกเหลืออยู่ก็ให้ล้างฟองน้ำล้างจานให้สะอาดแล้ว บิดให้แห้ง เทน้ำส้มสายชูลงไปบนฟองน้ำเพื่อขัดอีกรอบ

แค่นี้บริเวณก้นหม้อที่เป็นจุดทำความร้อนก็จะสะอาด หมดจด เหมือนได้หม้อใหม่ก็ไม่ปาน

วิธีง่ายๆแค่นี้ ไม่เพียงแต่จะได้หม้อใหม่เท่านั้น แต่ยังทำให้หุงข้าวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังประหยัดไฟได้อีกด้ว

ใครที่อ่านจบแล้วจะลองนำไปทำดู อันนี้แอดก็ไม่หวงนะ

ขอขอบคุณ : liekr

เคยเห็นยัง! ยกน้ำข้ามถนน โครงการสะพานน้ำจากพระราชดำริของในหลวง ร. 9

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์รูปภาพของสะพานน้ำแห่งหนึ่ง โดยหลายคนเกิดความสงสัยว่ามันมีจริงหรือแล้วมันสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง จากการตรวจสอบแล้วพบว่าแท้ที่จริงแล้วสะพานน้ำดังกล่าวเป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากแนวทางพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ รวมถึงปัญหาการจราจร ซึ่งสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับประเทศ


สะพานน้ำยกระดับ ที่มีความยาวมากที่สุดแห่งแรกของประเทศไทย ได้ถูกสร้างขึ้นจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อปี 2546 ที่พระราชทานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ บางแห่งเป็นพื้นที่แอ่งท้องกระทะ และการขยายตัวของเมือง ทำให้พื้นที่รับน้ำลดลง และการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยทำได้ยากขึ้น


รัฐบาลจึงได้จัดตั้งโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรรภูมิขึ้น และเริ่มลงมือก่อสร้างสะพานยกน้ำตั้งแต่ปี 2548 แล้วเสร็จเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2553 สะพานน้ำยกระดับ มีความยาวกว่า 10 กิโลเมตร มีลักษณะคล้ายคลองระบายน้ำ ที่ถูกสร้างเป็นสะพานน้ำยกสูงจากถนนสุขุมวิทถึง 6 เมตร เป็นรูปตัวยู ข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิท


โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือ
1.เพื่อเป็นคลองระบายน้ำสายหลักของพื้นที่บริเวณโดยรอบสนามบิน โดยการเร่งระบายน้ำจากคลองสำโรงไปยังชายทะเลและสูบระบายออกสู่ทะเลโดยตรง ทำให้สามารถลดสภาวะน้ำท่วมและความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิผล
2.เพื่อสามารถติดตามสภาพน้ำหลากและการทำงานของเครื่องสูบน้ำในการบริหารจัดการน้ำหลากทั้งระบบลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง
3. เพื่อเป็นถนนเชื่อมโยงถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ทำให้สามารถช่วยลดปัญหาการจราจรของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาค่อนข้างมาก และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ
4. เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้บางส่วน สำหรับทำการเกษตรหรือกิจกรรมอื่นบริเวณใกล้เคียง
5.เพื่อช่วยเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและระบบนิเวศของจังหวัดสมุทรปราการ
การทำงานของ สะพานน้ำยกระดับ จะมี อาคารสะพานน้ำยกระดับและอาคารทิ้งน้ำเป็นอาคารรับน้ำจากสถานีสูบน้ำ โดยยกระดับให้น้ำไหลไปตามสะพานน้ำ อัตราการไหล 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ข้ามคลองชายทะเลและถนนสุขุมวิท ให้ลงสู่ทะเลโดยตรง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กยกระดับ รูปตัวยู ท้องคลองกว้าง 25 เมตร กำแพงสูงข้างละ 3.15 เมตร สูงจากถนนสุขุมวิทประมาณ 6 เมตร

ประสิทธิภาพของการใช้งาน ช่วยระบายน้ำต่อจากคลองสำโรงได้สูงสุด 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมีเครื่องสูบระบายน้ำ 4 เครื่อง ผลักดันออกทะเล ซึ่งในช่วงอุทกภัยปี 2554 โครงการนี้ถือว่าเป็นจุดหลักที่ช่วยระบายน้ำได้มากถึง 560 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่ากว่าครึ่งหนึ่งของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ
1. ลดพื้นที่น้ำท่วมลง 140 ตารางกิโลเมตร และ ช่วยลดความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหาน้ำหลากและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จาก 10 วันเหลือ 2 วัน โดยพิจารณาจากปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบ 25 ปี ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533
2. มีการสร้างถนนคันคลอง และสะพานสำหรับรถยนต์เชื่อมจากถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ไปจนถึงบางนาตราดจำนวน 2 ช่องจราจร เพื่อเตรียมไว้รองรับการขยายถนน เป็น 4 ช่องจราจรในอนาคต ซึ่งช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณพื้นที่โครงการและจังหวัดสมุทรปราการ
3. เป็นแหล่งน้ำจืดสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้ง เพื่อการเกษตรกรรมประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร
4.การบริหารจัดการน้ำหลากมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน ไม่เพียงเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยให้เร็วขึ้นเท่านั้น ยังใช้เป็นพื้นที่กักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้งทำการเกษตร และกิจกรรมอื่น ๆ รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการด้วย

คลิป

ขอบคุณที่มา:beautybejoyful.com

สร้างบ้านราคาประหยัด!! ด้วยงบ 50,000 บาท ปลูกท้ายสวน ท่ามกลางธรรมชาติ

วันนี้เราจะนำเสนอแบบบ้านกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ทุ่งนา เชื่อว่าเป็นความฝันของใครหลายคนที่อยากจะมีบ้านกลางทุ่งนา หลีกหนีปัญหาต่างๆในเมืองกรุง แล้วมาปลูกพืชผักสวนครัว มีความสุขในบ้านหลังเล็กๆ ที่ลงมือสร้างกันเองในครอบครัวของ คุณนิชนันท์ Nichanan Thammajai ที่ซื้อบ้านไม้เก่ามาบิ้วใหม่ในงบประมาณไม่เกิน 5 หมื่น ออกมาสวยงาม น่าอยู่มาก สวยเกินราคา สะกดทุกสายตาจริงๆ

แต่เดิมทีคือเริ่มจากซื้อบ้านไม้เก่ามา 1 หมื่นบาท เอาทุกอย่างที่มีมาสรรสร้าง ด้วยแรงมือแรงใจของครอบครัว เน้นย้ำๆ ไม่จ้างทำเองขึ้นโครง มุงหลังคา ทาสี บลาๆ ถึงจะเสร็จช้า สรุปค่าเสียหายประมาณไม่เกิน 5หมื่น ค่อยๆต่อเติมนิดๆ หน่อยๆ ใช้เวลาเกือบปีแต่มันน่าภูมิใจแทนมาๆ มาดูกันดีกว่าว่าสวยขนาดไหน

ซึ่งเป็นบ้านขนาดไม่ใหญ่ สามารถอยู่ได้ 2 คน สบายๆ ไม่คับแคบ ถ้าได้ดูแล้วจะติดใจ โดยลักษณะบ้าน มีดังนี้

– เป็นบ้านไม้ยกพึ้นสูงประมาณ 1 เมตร หลังคาจั่ว
– ขนาดของตัวบ้านประมาณ 6×6 เมตร
– ขนาด 1 ห้องนอน
– จะแบ่งส่วนของระเบียสำหรับพักผ่อนและนั่งรับลม ชมวิวสวนด้วย
– บ้านหลังนี้สร้างในงบประมาณ 5 หมื่นบ้าน (* โดยทางเจ้าของบ้านได้ซื้อไม้จากบ้านเก่า 1 หมื่นบ้าน ทำให้งบประมาณในสวนนี้ลดลงด้วย)

ใครชอบและสนใจลองดูเป็นไอเดียกันเลยครับ


แบบบ้านหลังเล็กยกพื้นเล็กน้อย มีบันได และมุมระเบียงไว้พักผ่อน รับลมบรรยากาศสวนชิลๆ

 

การตกแต่ภายในทันสมัย แฝงความหรูในราคางบประหยัด ได้เกินราคา

 

ห้องนอนน่านอนมาก สีสวยสะดุดตาเหมือนรีสอร์ทเลย

 

วิวสวนสวยๆ รับอากาศดีๆบรรยากาศแสนอบอุ่น

 

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับบ้านที่เรานำมาฝากในวันนี้หวังว่าจะเป็นแนวทางการสร้างบ้านของใครหลายคน ที่มีงบประมาณจำกัด แถมยังสวยถูกใจ มีพื้นที่ใช้สอยอีกด้วยค่ะ

ขอบคุณข้อมูจาก : Sanook home

รีบหามาปลูกเลย!! ต้นไม้ 3 ชนิดนี้ จะช่วยให้โรคภูมิแพ้ก็หายไป จมูกโล่ง หายใจคล่อง

โรคภูมิแพ้ เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไวต่อโปรตีน หรือสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งปกติแล้ว สารเหล่านี้จะไม่มีผลอันตราย ต่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะไวต่อ ฝุ่น, เชื้อราในอากาศ, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้ หรือแม้แต่อาหารที่ทานเป็นประจำ โรคภูมิแพ้จัดอยู่ในโรคที่พบบ่อยมากที่สุด ในประเทศไทย เรียกได้ว่าประชากรเกือบครึ่งหนึ่ง ของประเทศจะมีปัญหาโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้มีสาเหตุมาจากอะไร

1. กรรมพันธุ์ ถ้าในครอบครัว มีคนเป็นภูมิแพ้ 2 ใน 4 คนนั่นหมายถึงว่า อัตราเสี่ยงของรุ่นต่อไปก็จะมีเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าพ่อ หรือแม่เป็น ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นไปด้วย ในเด็กผู้ชายจะเป็นมากกว่าเด็กผู้หญิง

2. สิ่งแวดล้อม สารก่อภูมิแพ้ มักจะเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราเป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนมักจะเป็นภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อมมากกว่า ไม่ว่าจะที่เข้าโดยการหายใจ หรือจากการรับประทาน หรือจากการสัมผัส สารก่อภูมิแพ้บางอย่างสังเกตได้ง่าย เช่น อาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่มีคนแพ้มากที่สุด คนที่แพ้อาจมีผื่นลมพิษทันที ภายในครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หรือการทำงานบ้าน ที่ต้องเจอกับฝุ่น การออกไปนอกนอกบ้านที่ต้องเจอกับควัน และมลพิษ การแฟ้ขนของแมว หรือสุนัข ล้วนแต่เป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ได้ทั้งสิ้น

นอกจากนี้อาจจะมีปัจจัยอื่นร่วม ที่ทำให้อาการกำเริบ หรือเป็นรุนแรงขึ้น เช่น อากาศที่หนาวเย็นจนเกินไป หรืออากาศเปลี่ยนกระทันหัน

เราค้นพบแล้วว่า มีต้นไม้อยู่ 3 ประเภท ที่สามารถปรับหรือเพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคารได้ มีดังนี้

1. ปาล์มหมาก (Areca Palm)

 

เป็นต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วแปลงเป็นออกซิเจน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่ดี ควรปลูกปาล์มหมากที่มีความสูงขนาดเท่าหัวไหล่ผู้ใหญ่ จำนวน 4 ต้น/คน ยิ่งห้องนั้นมีคนอยู่มากก็ต้องเพิ่มต้นไม้มากขึ้นด้วย

วิธีการดูแล หมั่นเช็ดใบให้สะอาดอยู่เสมอ และนำต้นไม้ออกไปรับแดดกลางแจ้งทุก ๆ 3-4 เดือน

2. ลิ้นมังกร (Mother-in-law’s Tongue)

 

ต้นไม้ขนิดนี้มีประสิทธิภาพในการปรับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นออกซิเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืน ทำให้ต้นไม้ต้นนี้เหมาะกับการปลูกในห้องนอน เพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ยามพักผ่อน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่ดี ควรปลูกลิ้นมังกรที่มีความสูงเท่าเอว จำนวน 6-8 ต้น/คน ยิ่งห้องนั้นมีคนอยู่มากก็ต้องเพิ่มต้นไม้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

3. ต้นพลูด่าง (Epipremnum aureum)

 

ต้นไม้ชนิดนี้นอกจากปลูกเพื่อใช้เป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงามแล้ว พลูด่าง ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น ใช้ปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลเสริมสร้างบารมี และคุ้มครองให้คนในบ้านอยู่เย็นเป็นสุขตามศาสตร์ไม้มงคลของไทย

นอกจากนี้พลูด่างยังใช้ดูดสารพิษอย่าง “แอมโมเนีย” ที่มีมากในห้องน้ำหรือแม้แต่ในสำนักงานที่มีเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เขียว หรือมีการใช้น้ำยาทำความสะอาด ช่วยขจัด formaldehyde (ฟอร์มาลีน) และสารเคมีอื่นๆ ที่ระเหยง่ายได้ดี ด้วยเหตุนี้พลูด่างจึงยังคงเป็นที่นิยมมาหลายยุคหลายสมัยและไม่เคยหายไปจากสังคมไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก : postsod

ใบหน้าขาวกระจ่างใส ไร้สิว!! ด้วย 10 สูตรจากธรรมชาติ ..เสกผิวขาวเพียงข้ามคืน!!

สาวๆฟังทางนี้เลยนะ.. ในเรื่องของสมุนไพรไทย มีประโยชน์มากมายบำรุงสุขภาพ เป็นยารักษาและป้องกันโรค และยังมีประโยชน์ในเรื่องของความสวยความงามด้วย ซึ่งสาวๆ รู้หรือไม่ว่าสมุนไพรไทยนั้นสามารถทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญทำแล้วได้ผลดีมาก ๆ เป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูล สูตรความสวยด้วยสมุนไพรมากถึง 10 สูตร ให้สาวๆ ได้ลองนำไปใช้กันค่ะ

1. สูตรมะขามเปียก ขมิ้นสด และนมสด

 

ส่วนผสม : มะขามเปียก 1 กำมือ ขมิ้นสดบด 3 ช้อนโต๊ะ นมสด 1 แก้ว

วิธีทำ : นำมะขามเปียกแช่น้ำไว้ 3-4 ชม. จนนิ่ม ผสมขมิ้นและนมสดลงไปขยำให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำส่วนผสมที่ได้มาขัดผิวให้ทั่วทั้งตัว โดยให้ขัดนวดวนๆ อย่างเบามือ เมื่อขัดเสร็จแล้วให้พอกตัวทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที แล้วค่อยล้างออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวของคุณจะค่อยๆ กระจ่างใส และขาวเนียนนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

2. สูตรขมิ้น

 

ส่วนผสม : ขมิ้นสด

วิธีทำ : นำขมิ้นสดบดให้เป็นเนื้อละเอียด ใช้ขัดผิว และพอกทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที ทำได้บ่อยๆ จะช่วยทำให้ผิวพรรณขาวผ่อง และดูสดใสมีน้ำมีนวล

3. สูตรน้ำมะนาว ขมิ้น และน้ำผึ้ง

 

ส่วนผสม : ขมิ้นสด น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว อย่างละ 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ : นำส่วนผสมมาผสมคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำมาขัดผิวให้ทั่วตัว พร้อมกับพอกทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที แล้วค่อยล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวจะขาวเปล่งปลั่งขึ้น จนเห็นได้ชัด

4. สูตรน้ำมะนาวและเบคกิ้งโซดา

 

ส่วนผสม : มะนาว 2-4 ลูก เบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ : นำมะนาวสด ๆ มาผ่าครึ่ง (จะกี่ลูกก็ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดตัวของแต่ละคน) เมื่อผ่าครึ่งแล้วให้บีบน้ำมะนาวใส่ถ้วยผสมเบกกิ้งโซดา จากนั้นให้นำเปลือกมะนาวด้านในไปชุบกับส่วนผสมนั้นแล้วนำมาขัดๆ ถูๆ บนผิว เสร็จแล้วให้ล้างออกให้สะอาด เน้นผิวบริเวณศอก หัวเข่า ขาหนีบ ช่วยให้ผิวของคุณจะขาวขึ้นทันที ขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก

5. สูตรแตงกวาและโยเกิร์ต

 

ส่วนผสม : แตงกวา 1ผล โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วิธีทำ : นำแตงกวามาปอกเปลือกแล้วนำไปปั่น ผสมโยเกิร์ต แล้วนำไปแช่เย็นไว้สักพัก จากนั้นให้นำมาขัดผิวให้ทั่วตัว พอกทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวของคุณจะขาวและเนียนนุ่มขึ้น ไม่มีแห้งกร้าน

6. สูตรว่านนางคำ ขมิ้น ว่านไพร และดินสอพอง

 

ส่วนผสม : ว่านนางคำ ขมิ้น ว่านไพร และดินสอพอง

วิธีทำ : นำว่านนางคำ ขมิ้น และว่านไพร มาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียด เมื่อจะขัดตัวให้นำดินสอพองมาละลายน้ำและใส่ส่วนผสมที่บดไว้ลงไปคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำมาขัดตัว และพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยล้างออก จะช่วยให้ผิวพรรณขาวผ่องสดใส และเนียนนุ่มขึ้นได้

7. สูตรมะกรูด น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยว

 

ส่วนผสม : มะกรูด 1-2 ลูก น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ และนมเปรี้ยว 1 ถ้วย

วิธีทำ : นำมะกรูด 1 ลูก มาผ่าครึ่ง คั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นให้นำน้ำมะกรูดมาผสมกับนมเปรี้ยวและน้ำผึ้งคนให้เข้ากัน แล้วใช้เปลือกมะกรูดจุ่มส่วนผสมนั้นนำมาขัดผิวให้ทั่วตัว เสร็จแล้วให้พอกทิ้งไว้อีกประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและหมองคล้ำให้หลุดออก เผยให้เห็นผิวขาวกระจ่างใส

8. สูตรใบย่านาง จมูกข้าวสาลี และน้ำมะนาว

 

ส่วนผสม : ใบย่านาง คั้นเอาเฉพาะน้ำ 5 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ : ผสมส่วนผสมให้เข้าด้วยกัน หลังจากอาบน้ำและเช็ดตัวให้แห้งแล้ว ใช้ส่วนผสมที่เตรียมไว้พอกให้ทั่วตัวทิ้งไว้ 30-45 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด

9. สูตรว่านหางจระข้

 

ส่วนผสม : ว่านหางจระเข้ใช้ใบสดๆ อวบๆ ใหญ่ๆ

วิธีทำ : ว่านหางจระเข้ปอกเปลือกเอาแต่วุ้น ล้างให้สะอาด นำไปบดหรือปั่น ใช้พอกผิว 30-45 นาที ช่วยสมานผิว เติมความชุ่มชื้นและผิวเต่งตึงดูสุขภาพดี

10. สูตรกล้วยน้ำว้า น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว

 

ส่วนผสม : กล้วยน้ำว้า 2 ผล น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเย็น 1 แก้ว

วิธีทำ : กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกปั่นรวมกับน้ำผึ้งและน้ำเย็น เอามาพอกใบหน้า และผิวพอกทิ้งไว้ 30-45 นาที แล้วใช้น้ำเย็นล้างออก ริ้วรอยบนใบหน้าของคุณจะลดลง ผิวคุณจะเนียนนุ่ม และขาวขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

การใช้สมุนไพรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

– มีความสะอาด

– สมุนไพรสดใหม่มีคุณภาพดี ไม่มีการระคายเคืองต่อผิวหนัง

– เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย ง่ายๆ ก็คืออะไรที่กินได้ (เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ) นั้นสามารถใช้บำรุงผิวได้

สูตรผิวสวยด้วยสมุนไพรที่เราแนะนำมา เชื่อว่าทุกคนจะหาวัตถุดิบได้ง่ายมาก มีขายในตลาด บางอย่างก็ปลูกไว้ที่บ้านเราเอง  สาวๆ ลองหยิบมาทำตามใช้บำรุง สครับผิวได้เลยค่ะ รับรองว่าปลอดภัย ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาก็สุดแสนจะถูก ได้ผลน่าประทับใจ

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : ไข่เจียว.com

แชร์เก็บไว้เลย! สมุนไพร “หญ้าปากควาย” ลดการอักเสบ เป็นยาแก้พิษที่ดีในร่างกาย

ต้นหญ้าชนิดหนึ่งเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าลำต้นกลมเป็นปล้องกลวง ใบเป็นแผ่นบาง รูปหอกแคบเรียวยาว 3-4 นิ้ว เหมือนหญ้าขน แต่ผิวเรียบไม่มีขน ดอกเล็กๆ สีขาวแซมเขียว แบนๆ ออกเรียงติดกันบนก้านดอกเป็นแท่งกว้างราว 3-5 มม. ยาวราว 1 นิ้ว หนาราว 3-5 มม.

ก้านดอกติดชนกันที่ปลายก้านช่อ 4 แท่ง ตั้งฉากต่อกัน เป็นสี่แฉก ก้านช่อกลมสีเขียวอ่อนตั้งตรงสูง เกิดตามที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป มักเกิดร่วมกับต้นหญ้าชนิดอื่นๆ
โดยทั่วไปเป็นอาหารของสัตว์กินใบไม้ใบหญ้า ที่ผู้คนมักจะไม่สนใจและเห็นว่าเป็นวัชพืชและถอนทิ้งไป แต่นั่นอาจเป็นเพราะว่าคุณยังไม่รู้ว่าหญ้าปากควาย ก็มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง อย่างน่าอัศจรรย์!!

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
หญ้าปากควาย เป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้ามีอายุปีเดียว ลำต้นเลื้อยทอดนอนไปตามพื้น แตกลำและรากที่ข้อแล้วตั้งตรงลำต้นกลมเป็นปล้องกลวง มีความกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร และมีความสูงของต้นประมาณ 15-50 เซนติเมตร
ใบหญ้าปากควาย เป็นรูปแถบ มีความยาวประมาณ 9.5-32 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบตัด ส่วนขอบใบมีขนยาวห่าง ลักษณะของแผ่นใบเกลี้ยง มีกาบใบสั้นหรือยาวกว่าปล้อง มีความยาวประมาณ 3.2-5.5 เซนติเมตร เกลี้ยง ขอบเกลี้ยง ส่วนลิ้นใบเป็นเยื่อ มีความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ส่วนปลายมีและมีขน

ดอกหญ้าปากควาย ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะ ช่อดอกแยกแขนงคล้ายรูปนิ้วมือ ออกที่ปลายกิ่ง ช่อย่อยมีประมาณ 3-5 ช่อ ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร แกนช่อเป็นเหลี่ยม ช่อดอกย่อยออกเดี่ยวๆ ติดที่แกนแขนงช่อดอกด้านเดียว แบบเรียงสลับ ไร้ก้าน ร่วงหรือกาบ

โดยช่อดอกย่อยมีลักษณะเป็นรูปไข่แบนด้านข้าง ส่วนดอกบนเป็นแบบสมบูรณ์เพศ กาบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน เนื้อบาง และกาบล่างจะยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร ปลายยาวคล้ายหาง มีขนขึ้นบริเวณขอบกาบ มีเส้นกาบ 3 เส้น โดยกาบบนยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ปลายแหลม มีขนขึ้นบริเวณเส้นกลางกาบและขอบกาบ มีเส้นกาบ 1 เส้น
ผลหญ้าปากควาย มีขนาดเล็ก มีลักษณะคล้ายรูปไตหรือกลม สีน้ำตาล ยาวประมาณ 1.1-1.2 มิลลิเมตร ผิวเป็นคลื่นสีน้ำตาลเข้ม ในผลหนึ่งๆ จะมีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่ใช้เป็นยา : ทั้งต้น

สรรพคุณทางสมุนไพรและวิธีการใช้

1. มีฤทธิ์เจริญธาตุไฟ ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย ยาช่วยดับพิษกาฬ แก้ไข้หวัดทุกชนิด แก้พิษไข้ แก้ไข้ตรีโทษ และไข้หัวทุกชนิด ช่วยในการย่อยอาหาร ยาขับปัสสาวะ ยาแก้พิษฝี นำทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มรับประทาน
2. อาการปวด บวม และอาการอักเสบ โดยนำทั้งต้นมาตำผสมกับเหล้าใช้พอกหรือทาแก้อาการปวดบวม และอาการอักเสบ

“สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน”
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : samunpaisecrete