“เชษฐ์” เดินทางมอบเงินบริจาคกว่า 13ล้านบาท จากชาวภาคตะวันออกให้ตูนถึงมือ

วรเชษฐ์ เอมเปีย” หรือ “เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล่” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอเป็นส่วนหนึ่งในการทำความดีเพื่อสังคม ด้วยการช่วย “หนุ่มตูน บอดี้สแลม” วิ่งในส่วนที่ตูนวิ่งไม่ถึง คือ ในพื้นที่เขตภาคตะวันออก โดยวรเชษฐ์พร้อมกับทีมงาน “ก้าวให้ถึงอย่างพอเพียง” ได้เริ่มวิ่งขอรับเงินบริจาคจากชาวบ้าน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 60 – 24 ธ.ค. 60 ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดระยะเส้นทางการวิ่ง ก็ได้รับน้ำใจจากชาวบ้านรวมถึงหน่วยงานต่างๆอย่างท่วมท้น จนทำให้มียอดเงินบริจาครวมสูงถึง 13,429,908.75 บาท

ล่าสุด ในวันนี้ (22 ธ.ค. 60) วรเชษฐ์พร้อมทีมงานก้าวให้ถึงอย่างพอเพียง เป็นตัวแทน ของชาวภาคตะวันออก นำสลิปเงินที่โอนเข้า โครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” ไปแล้ว จำนวน 13,429,908.75 บาท มามอบให้กับหนุ่มตูน ที่ จ.ลำปาง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น

ทั้งนี้ วรเชษฐ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เจอกันแล้วนะครับกับพี่ตูน…กับภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ของผม ที่เป็นตัวแทน ชาว ภาคตะวันออก นำเงินร่วมบุญเข้าโครงการ ก้าวคนละก้าว กับพี่ตูน บอดี้แสลม 13,429,908.75บาท และผมรีบกลับไปวิ่งต่ออีก3อำเภอ2จังหวัด..ขอบคุณ คุณตูน คุณก้อย และทีมงาน ก้าวคนละก้าว ทุกๆท่านมากๆๆๆๆคร้าบ ที่ให้เกียรติผมมากๆเลยครับ ระหว่างทางยังได้ฟัง เพลง ดีเกินไป จากเสียงใสๆของคุณก้อย ร้องให้ฟัง เพราะมากๆครับ ซาบซึ้งใจมากๆครับ ผมจะเก็บทุกๆภาพแห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ไปตลอดชีวิตครับ..ขอบคุณครับ…”

ขอขอบคุณที่มาและภาพจาก : วรเชษฐ์ เอมเปีย / ahakorn

นักวิจัยชี้!! คนไม่ชอบอาบน้ำ ‘ผิวพรรณดีกว่า’ คนที่อาบน้ำเป็นประจำ ซะอีก!!

ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กกับการที่คนเราต้องอาบน้ำวันละสองรอบ คือเช้าและเย็น นั่นอาจจะเป็นเพราะสภาวะของอากาศที่ร้อนในเมืองไทย และด้วยการใช้ชีวิตที่ต้องตากแดดอยู่เป็นประจำทำให้มีเหงื่อไหลออกมาเสมอ แต่ในตางประเทศเขาได้มีการวิจัยและทดสอบกันอย่างจริงจังในเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้ก็เหลือเชื่อซะจริงๆ ซึ่งจะเป็นอย่างไรต้องตาม  ไปดูด่วนๆ จ้า

Dr.Casey Carlos ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนัง จากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย บอกว่าการอาบน้ำทุกวัน และครั้งละนานๆ ไม่ส่งผลดีกับร่างกายคนเราเพราะปกติแล้วผิวหนังของคนเราสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว และการที่เราถูสบู่เพราะเชื่อว่ามันทำให้ร่างกายสะอาดขึ้นนั้น แท้จริงแล้วมันคือตัวทำลายน้ำมันในชั้นผิวหนังของเราต่างหาก

แถมการอาบน้ำบ่อยๆ ยังทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง และเจ้าสบู่ก้อนยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ด้วย ที่สำคัญคือเมื่อเราถูสบู่บนผิวหนังของเรา สบู่ยังไปทำลายแบคทีเรียดีๆ ที่มีไว้ปกป้องผิวของเราโดยธรรมชาติอีกด้วย

ซึ่งเราจะสังเกตุได้เมื่อหลังอาบน้ำจะรู้สึกคันที่ผิวหนัง ก็เพราะผิวหนังของเราเริ่มแตก และนั่นแหละมันคือการเปิดทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และอาจเกิดการติดเชื้อได้มากกว่าเดิม

แต่อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศบ้านเราก็ยังคงไม่เอื้อำนวยให้อยู่แบบไม่อาบน้ำได้ ก็เพราะแค่เดินออกไปหน้าประตูบ้าน แดดก็เร่งเหงื่อให้ออกมาเต็มตัวแล้ว แต่จะว่าไปหากนำมาใช้ในหน้าหนาวก็คงจะไม่เป็นอะไรมากหรอกมั่งเนอะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : buzzfeed.com

เปิดใจ”เอ้ ชุติมา”คบแฟนเด็ก อายุห่าง 31ปีแล้วไง เมินใครแซวเป็นป้า-แม่ ก็ไม่แคร์

สำหรับอดีตนางสาวไทยเอ้ ชุติมา ที่ได้มีการเปิดตัวคบหากับหนุ่มฟรองซ์ เด็กหนุ่มหน้าใสวัย19ปี ซึ่งทั้งคู่อายุห่างกัน31ปี จนกลายเป็นกระแสข่าวโด่งดังมาแล้วนั้น ล่าสุด เอ้ ชุติมา ก็ได้ออกมาสัมภาษณ์เปิดใจในรายการแฉ ที่เผยแพร่ทาง ช่องGMM25 พิธีกรได้มีการถามเอ้ในรายการว่า ตอนที่แฟนแนะนำให้แฟนรู้จักกับแม่ของเค้านั้นแนะนำว่ายังไง แนะนำว่าแม่อันนี้พี่เอ้แฟนผมงี้หรอ? พี่เอ้ก็ตอบว่าใช่แนะนำอย่างงี้เลย เอ้เล่าว่าน้องเด็กกว่า31ปี น้อง19 พี่50 นี่เรื่องจริง

พิธีกร(มดดำ) ก็ได้ถามว่า นึกยังไงเอาเด็ก19มาทำผัว ด้านเอ้ก็ตอบว่า อร๊ายตายแล้วเธอ(พร้อมทำเสียงสูง)ฉันก็มีแฟนอายุยังงี้อยู่แล้ว แล้วฉันนี่นะคบกับน้องมาสองปีแล้ว จริงๆอยากจะบอกพวกที่สาระแนทั้งหลายอีที่เม้าท์ทั้งหลาย อีพวกหน้าปลวกทั้งหลายที่มาลงว่าพี่ในเฟซทั้งหลาย อันนี้ขอด่านิดนึงนะ พี่อ่ะลงในเฟซส่วนตัวพี่ แล้วพี่กับแฟนคบกันมาสองปีไม่เคยออกสื่อเลย ปิดมาเงียบมาตลอดเพราะรู้ว่าวงการบันเทิงเป็นยังไง วันนึงพอจะครบสองปีแฟนบอกว่าจะครบสองปีแล้วนะตัวเองลงรูปคู่สักสองรูปได้มั้ย ลงในเฟซแฟน พิธีกรก็ถามว่าแฟนขอหรือเธอขอ เอ้ก็ตอบว่า ผู้ชายขอ และรูปที่ลงก็ไม่ได้ลงหน้าเกียจ เพราะมีเด็กและเยาวชนดูเยอะ แฟนคลับเยอะ ลงรูปข้างๆกัน แล้วก็รูปกอดคอแค่เนี้ยะ รูปหอมรูปจูบไม่มีเพราะเยาวชนจะตาม ถูกป่ะ ฉันไม่ได้ลงรูปอะไรโจ่งครึ้ม

ด้านพิธีกรก็หยอกล้อว่าเหมือนลงรูปคู่กับพี่แม่หน่ะหรอ ด้านเอ้ก็ตอบว่า พี่แม่แกหน่พสิ พร้อมกับพากันหัวเราะสนุกสนาน ด้านเจ้าตัวก็บอกว่าใครจะเรียกป้า จะเรียกพี่แม่อะไรก็ตาม ฉันบอกเลยฉันไม่แคร์ เพราะเวลาฉันอยู่ ฉันอยู่กันสองคน ด้านเอ้ก็เล่าอีกว่า เอ้คบแฟนเด็กมาตลอด ตั้งแต่เข้าวงการ มีเสี่ยจะเลี้ยงก็ไม่เอา ด้านมดดำก็เสริมว่าถูก เสี่ยจะเลี้ยงก็จะตีีเขา พิธีกรถามว่าแล้วแบบมีคนแก่กว่ามาจีบอ่ะ เอ้ก็ตอบว่าเยอะมาก แต่ไม่ชอบ สมัยเป็นางสาวไทยมีแฟนเด็กป่ะ เอ้ก็ตอบมี และยังเล่าว่ามีแฟนเด็กอายุ19แบบนี้มาตลอด

ด้านพิธีกรถามว่ามี16 17 บ้างมั้ย เอ้ตอบไม่มีๆ มีแต่19 20 อะไรแบบนี้ พร้อมพูดตดตลกว่าไม่อยากไอคุกๆ คบแฟนคนแรกเนี้ยะคบอายุ19 ถึง28 คบมา9ปี คนที่สองก็คบอายุ19 คบมา7ปี อ่ะลองนับไปดู คนนี้ก็สองปีแล้ว ไม่ใช่คนเละเทะ ชีวิตเราไม่ใช่แบบนั้น และบอกด้วยว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขขอให้เค้าเข้าใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องเอาเงินไปซื้อถูกป่ะ มันคือความสุข ไม่ต้องเปย์ใคร เคยโดนหลอกกับคนเก่าโน้น แล้วก็จำ พธีกรก็ถามว่าคิดยังไงกับการที่คนส่วนใหญ่มองว่าคบแฟนเด็กกลัวเด็กจะมาหลอกเราหรือเปล่า เอ้เลยเล่าว่า น้องเป็นนักแสดงสังกัดค่ายหนึ่ง แล้วก็กำลังเป็นสมาร์ทบอยที่โน่น เผอิญไปเจอเค้าเดินแบบกันในกลุ่มน้องๆเดินแบบ ไอ้เราก็เห็นว่าถูกสเปกที่สุด น่ารักมากเลยเด็กคนนี้ ดูมีราศรี ชอบนิสัยเค้าเค้าเรียบร้อย เป็นเด็กพูดน้อย

ด้านพิธีกรถามว่าเคล็ดลับของพี่คืออะไร เอ้ตอบว่าเราไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเด็กผู้หญิงทั่วไป เราเอานิสัยเรา คุยกันเอาใจใส่ น้องเค้าก็บอกพี่เป็นคนตลกนะ อยู่กับพี่แล้วไม่เครียดเลยอ่ะ และเล่าเพิ่มว่าตนเองนั้นมีเด็กมาจีบตลอด ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เข้าวงการก็คบเด็กตลอด ท่านผู้ชมหลายๆท่านอาจจะไม่เข้าใจเอ้ต้องบอกก่อนว่า อายุมันต่างกันอ่ะใช่ แต่วันหนึ่งที่เราอายุมากขึ้นเรื่อยๆเค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น เราจะรู้กำหนดตัวเองว่าเราคงจะไม่ได้อยู่กับเค้าตลอดชีวิต เราก็จะบอกเค้าว่า ถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะมีครอบครัว จะบอกแฟนตรงๆอ่ะค่ะ ว่าเค้าจะต้องมีครอบครัว เค้าจะต้องมีผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกได้ เค้าต้องไปจากเรานะ เจ็บนะแต่เราต้องเข้าใจ และต้องทำให้ได้ค่ะ การที่เราคบเด็กต้องทำใจห้าสิบห้าสิบแล้วว่า เค้าจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน เค้ายังจะรักเราอยู่มั้ย ผู้หญิงทุกวันนี้ก็สวยหมดเลยเห็นป่ะ การคบมา7 8 ปีมันผูกพัน แต่เราไม่สมควรไปดึงเค้าไว้กับเราจนเราแก่เรื่อยๆ เหมือนกับน้องฟรองซ์เนี้ยะ เราก็พูดเลยนะ ว่า ฟรองซ์ตัวเอง ถ้าตัวเอง19 เค้า50 วันหนึ่งพอเค้าอายุ60 70 อีกยี่สิบปี ตัวเองก็เท่าไหร่แล้วหล่ะ ตัวเองก็สามสิบกว่าแล้ว ตัวเองควรจะมีครอบครัว มีแม่ของลูก ซึ่งเค้ามีลูกให้ตัวเองไม่ได้ แต่งงานกับตัวเองก็ไม่ได้ ด้วยวัยขนาดพี่แต่งงานไปลุกออกมาก็เอ่อถูกป่ะ เราต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก เอาง่ายๆคือเข้าใจสัจธรรมของชีวิต

เรื่องจริงมันเป็นยังไง คือคนเราอ่ะต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าวันหนึ่งอ่ะ เด็กเค้าจะไปจะมีชีวิตของเค้าอ่ะ เค้าก็ต้องมีชีวิตที่ดี เราจะให้เค้ามาอยู่แก่ตายกับเราเราก็สงสาร เรารู้ว่าเราเจ็บ แต่เราก็ต้องทำให้เค้ามีอนาคต ถ้าเรารักเค้าจริง เราต้องทำให้แฟนเรามีความสุข ซึ่งเป็นส่งที่พี่บอกกับแฟนตั้งแต่วันแรกที่คบกัน ทั้งนี้ด้านพิธีกร(มดดำ)ก็ได้มีการถามทิ้งท้ายรายการว่า การจะมีแฟนเด็กทำยังไงถึงจะมีความสุข เอ้ตอบว่า 1.มันอยู่ที่คนสองคน 2.ต้องเข้าใจกัน ให้อภัย อย่าไปจุกจิก อย่าไปเอาโทรศัพท์เค้ามาเล่น มาจับผิดทุกอย่างไม่ดี รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา สมมติวันนี้น้องเค้าจะมีโลกส่วนตัวของเค้าจะเที่ยวกับเพื่อนเค้า เราต้องมีวันให้เค้าเที่ยว ไม่โทรตามนะ เชื่อใจกัน เข้าใจกัน ไว้ใจกันมีไรให้บอก บอกกันตรงๆ อย่าโกหก จริงๆความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุนะ อายุเป็นเพียงตัวเลข ต้อง ถ้าเข้าใจกัน อายุก็ลืมไปได้เลย และที่สำคัญอย่าลืมดูแลตัวเอง และฝากบอกพวกนักเลงคีย์บอร์ดที่เข้ามาด่ามาว่าด้วยว่า ดาราก็คนจะไม่ทนอีกแล้วนะ ใครด่ามาด่ากลับทันที

(นาทีที่16:00 เป็นต้นไป)

ขอขอบคุณที่มาและภาพจาก : siamstations.com

งานเข้า!! สาวแบงค์ LIVE สด แฉแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทนายดังเผย เจ้าหน้าที่คนนี้ ต้องถูกไล่ออกพร้อมดำเนินคดี(คลิป)

จากกรณีที่มีสาวแบงค์คนหนึ่งใน จ.ราชบุรี แชร์สนั่น!!สาวแบงค์ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกโอนเงิน…พีคหนักโดนหลอกกลับเจอล้วงข้อมูลครบถ้วน! งานนี้เงิบหนัก ทำฮาทั้งโซเชียล? ซึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงว่า บัญชีธนาคารของเธอมีปัญหา และพัวพันกับการกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ภาคเหนือ พร้อมบอกให้โอนเงินเพื่อทำการตรวจสอบเลขที่ธนบัตร ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยสาวแบงค์คนดังกล่าว ได้ตัดสินใจไลฟ์สดบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อแฉพฤติกรรมของแก๊งดังกล่าว ป้องกันไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ถูกหลอกลวง เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบทราบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวคือ น.ส.มารีนา แสงฉาย พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีสาขาในห้างสรรพสินค้าชื่อดังเมืองราชบุรี เธอเผยว่า ตนเองไม่เคยกู้เงินจากธนาคาร ดังนั้นเมื่อมีโทรศัทพ์ติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูล และยังกล่าวอ้างถึงสารวัตรตำรวจนายหนึ่ง จึงเชื่อว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินอย่างแน่นอน จึงรวบรวมสติเพื่อหลอกขอหมายเลขบัญชีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะให้โอนเงิน ก่อนทำทีเดินไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ได้นำข้อมูลทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามจับกุมแก๊งดังกล่าวแล้ว และอยากฝากเตือนประชาชนว่า หากเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ให้มีสติ และควรพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ

ล่าสุดวานนี้ 30 พ.ย. ว่าที่ ร.ต.รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน ได้ถ่ายทอดสดกับ ทนายชื่อดัง รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ในประเด็นดังกล่าว โดยทนายบอกว่า ธนาคารเป็นผู้ให้บริการอยู่ภายใต้กฎหมายของการธนาคารแห่งประเทศไทย ควบคุมกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลัง และมีประกาศของธนาคารชัดเจนในเรื่องความลับของลูกค้า คนที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ ต้องเป็นคำสั่งศาลเท่านั้น หรือทางเจ้าหน้าที่ราชการทำหนังสือมา กรณีนี้ สาวแบงค์ต้องถูกไล่ออกและถูกดำเนินคดี แม้จะเป็นการหวังดี แต่ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ความลับของลูกค้า จะเปิดเผยได้ต้องมีคำสั่งศาลให้เปิดเผย จะอาศัยสิทธิ์ความเป็นพนักงานธนาคารไม่ได้ ผิดจริยธรรมและกฎหมายภายใน ธนาคารต้องไล่ออกอย่างเดียว เอาไว้ไม่ได้

การเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ไม่ใช่หน้าที่ของสาวแบงค์ ที่จะต้องมาตีแผ่ข้อมูลลูกค้าต่อหน้าสาธารณะ แบบนี้จะทำให้นายจ้างเสียหาย เพราะเปิดเผยข้อมูลลูกค้าออกไป ส่วนถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรเข้ามา ก็ให้บันทึกเสียงไว้ และทำใจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายเอาผิด เมื่อความเสียหายยังไม่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ทนาย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ยังโพสต์ข้อความเสริมไว้ว่า

พ.ร.บ ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 มาตรา154-155 ห้ามมิให้บุคคลผู้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของลูกค้าโดยเหตุที่เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการหรือเป็นพนักงาน และเปิดเผยความลับนั้น เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า หรือเข้ากรณียกเว้นอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น เปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือพิจารณาคดี เปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการให้สินเชื่อ เปิดเผยให้แก่บริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเดียวกัน เป็นต้น

ขอบคุณที่มา http://rakaball.com/n/197

เจอของจริง! แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกเงินสาวแบงค์ ทนคุยจนได้ชื่อ-ที่อยู่ไปแจ้งความ

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 60 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “NaNa Nana Knc” ได้โพสต์คลิป ขณะกำลังพูดคุยกับแก๊งค์คอลเซนเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์ โดยอ้างว่าเป็นหน่วยงานจากกองกับการการกระทำความผิด ได้อ้างว่าเหยื่อรายดังกล่าว ได้ไปกู้เงินจำนวน 100,000 บาท ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขา เซ็นทรัลเชียงราย โดยทางแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ได้พูดว่า ยุ่งอยู่มั้ยขออนุญาติสอบปากคำนิดหนึ่ง พร้อมแจ้งข้อปฏิบัติที่อ้างว่าเหยื่อต้องปฏิบัติตาม ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อ 1.ต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริงเท่านั้น และให้ตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เท่านั้น 2.ระหว่างสอบปากคำกับผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกเสียง อย่าให้มีเสียงของบุคคลที่ 3 เพราะว่าการบันทึกเสียงในครั้งนี้ จะถูกนำไปลงบันทึกประจำวันและนำไปยื่นให้กับทางอัยการ 3.คดีความนี้ เป็นคดีที่อยู่ระหว่างขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมได้ 1 ราย และเป็นความลับของทางราชการ พร้อมกับอ้างว่าจากการตรวจสอบเลขบัญชีนี้ เป็นบัญชีที่ใช้ในการฟอกเงิน

จากนั้นได้มีชายอีกหนึ่งคน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นสารวัตรสอบสวน ได้โทรศัพท์มาสอบถามรายละเอียดต่างๆกับเธอ และแจ้งว่าเหยื่ออาจเป็นผู้เสียหาย ถูกปลอมแปลงเอกสาร จึงต้องอายัดบัญชีของเหยื่อไว้ทำการตรวจสอบก่อน แต่ถ้าเหยื่อไม่ต้องการให้อายัดบัญชี ทางเราก็จะช่วยโดยการ เหยื่อต้องแสดงทรัพย์สิน ว่าในแต่ละบัญชีมีเงินอยู่เท่าไหร่บ้าง และให้เหยื่อโอนเงินไปให้อีกบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีของแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ซึ่งหญิงสาวที่คุยกับแกงค์คอลเซนเตอร์ บอกว่าที่ต้องคุย เพราะต้องการทราบเลขที่บัญชีปลายทางที่ต้องการให้โอนเงินไปให้ เพื่อที่จะนำไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้เมื่อเรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปชาวเน็ตก็ต่างพากันวิพากย์วจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยต่างชื่นชมหญิงสาวที่มีไหวพริบดี โดยหญิงสาวนั้นเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี และเรื่องราวนี้ ทำให้ชาวเน็ตได้เห็นพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

ชมคลิป

ความคิดเห็นชาวเน็ต

ขอขอบคุณ
ที่มา และคลิปจาก : NaNa Nana Knc

“วิธีทำปุ๋ยหมักมูลวัว ปุ๋ยคอกหมัก สูตรง่ายๆใส่ปุ๋ยให้พืชผักสวนครัว”

การทำปุ๋ยหมักมูลวัว หรือปุ๋ยคอกหมัก

นับจากวันที่ผมเริ่มทำการเกษตรมา สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นอย่างมากในการทำเกษตร นั่นก็คือ ปุ๋ย แต่สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี้ ผมให้คำจำกัดความมันว่า ต้องปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและจนส่งถึงมือผู้บริโภค ผลผลิตที่เราปลูก เราต้องทานได้เช่นกัน และผมพบกับคำว่า เกษตรอินทรีย์ ซึ่งมันตอบโจทย์ในความหมายในแบบที่ผมต้องการ

ปุ๋ย คำ ๆ นี้ก็คือ อาหารของพืช ที่เมื่อพืชได้รับไปแล้ว จะทำให้พืชผักผลไม้เจริญงอกงามนั่นเอง การทำเกษตรอินทรีย์ก็ต้องใช้ปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นเช่นกันครับ ต้องเป็นปุ๋ยที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยขี้ไก่ ปุ๋ยขี้หมู หรือแม้กระทั้งปุ๋ยน้ำที่หมักจากเศษใบไม้ เศษพืชผักผลไม้ และปุ๋ยที่หมักจากเศษปลาหรือหอยเชอรี่ แต่ปุ๋ยที่หาได้ง่ายในชุมชนของเราก็คือ ปุ๋ยคอก(ปุ๋ยขี้วัว) นี่เอง

และหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า เมื่อได้ปุ๋ยคอกมาแล้ว ก็นำไปใส่พืชเลย ทั้งที่ยังเปียกหรือสดอยู่ ไม่ผิดครับ แต่กว่าที่ปุ๋ยคอกจะย่อยสลายต้องใช้เวลานาน กว่าที่พืชจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วัน

ทั้งนี้ปุ๋ยคอกสด ๆ ที่นำไปใช้โดยที่ยังไม่ผ่านกระบวนการย่อยสลาย มีธาตุอาหารมากก็จริง แต่พืชจะยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจากจุลินทรีย์ในดินจะดึงไนโตรเจนจากพืชมาช่วยในการย่อยสลายปุ๋ยคอก จึงทำให้พืชขาดไนโตรเจนในช่วงนั้น จนเป็นสาเหตุให้ใบเหลืองซีดครับ

การทำปุ๋ยคอกหมัก

เพราะเหตุนี้เอง เราจึงจำเป็นต้องทำปุ๋ยคอกหมัก เพื่อให้ผ่านกระบวนการย่อยสลาย และพืชก็จะสามารถนำสารอาหารในปุ๋ยคอกหมักไปใช้ได้เลย ทราบไหมครับว่า ตอนที่ผมทำปุ๋ยคอกหมักแล้วตักใส่กระสอบทิ้งไว้วันแรก ๆ เป็นยังไง ตัวปุ๋ยคอกหมักเองมันร้อนมากเลยครับ

เนื่องจากตอนนี้เองมันจะเกิดกระบวนการย่อยสลาย และถ้าเราไม่หมักก่อน นี่ก็จะเป็นสิ่งที่พืชจะได้รับ แทนที่จะได้ประโยชน์ อาจจะกลายเป็นโทษแทนก็ได้นะครับ

ทั้งนี้ลองสังเกตจากที่เราเคยทำมาได้ครับ เรานำปุ๋ยคอกมาใหม่ ๆ อยากให้พืชเจริญเติบโตดี จัดเต็ม ใส่ไม่ยั้ง หวังว่าพืชจะงอกงาม แต่สุดท้ายใบเหลืองเฉยเลย ทั้งที่เราก็เข้าใจว่าเราใส่ปุ๋ยดี ๆ ให้กับพืชแล้ว

เพราะฉะนั้น ก่อนใช้เราจึงควรหมักปุ๋ยคอกหรือนำไปตากให้แห้งก่อน เพื่อที่พืชจะสามารถนำธาตุอาหารที่อยู่ในปุ๋ยคอกหมักไปใช้ได้เลย การปลูกพืชถ้าเราใส่ใจเขา ดูแลเขาดี ๆ เขาก็จะเจริญเติบโตงอกงามมาให้เราได้ชื่นชมครับ ขอเพียงเข้าใจหลักการของธรรมชาติเท่านั้นก็พอ

   การทำปุ่ยคอกหมัก ที่ผมจะมาแนะนำสำหรับวันนี้ ก็เพื่อที่จะให้เราสามารถนำไปใช้กับพืชเกษตรของเรา ถ้าใครมีปุ๋ยคอกมาก ก็สามารถนำไปใช้ได้กับพืชไร่ก็ได้ครับ หรือจะหมักไว้ใช้เองกับพืชผักสวนครัวของเราก็ได้เช่นกัน

และผมก็ได้สรุปออกมาเป็นขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ทำง่าย ประหยัดเวลาของคุณ ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกเอง เพราะตอนนี้ผมได้คัดเฉพาะ ลองถูก มาไว้ให้แล้ว ว่าแล้วมาเริ่มกันเลยครับ

ส่วนประกอบของ การทำปุ๋ยคอกหมัก

1.ปุ๋ยคอก          1 ส่วน (1 กระสอบ)

2.แกลบ            1 ส่วน (1 กระสอบ)

3.รำ                1 ส่วน (1 กระสอบ)

4.น้ำ EM ขยาย   1 ลิตร วิธีทำน้ำ EM ขยาย

5.กากน้ำตาล      1 ลิตร

6.น้ำสะอาด       25 ลิตรหรือมากกว่า ซึ่งจะอธิบายในขั้นตอนการทำ

เริ่มกันเลยครับ

ขั้นแรก นำปุ๋ยคอกที่ได้มาตากแดดให้แห้ง

 

เกลี่ยให้โดนแดดทิ้งไว้ 1-2 แดด ถ้าปุ๋ยคอกที่ได้มาแห้งแล้วก็ไม่ต้องตากนะครับ

เมื่อปุ๋ยคอกแห้งแล้ว ก็เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ปุ๋ยคอก ,รำ ,ข้าวเปลือก = 1:1:1

เทส่วนผสมทั้งหมดลงพื้น

ใช้จอบเกลี่ยคลุกเคล้าให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาพอสมควรครับ

เมื่อเข้ากันแล้ว จะได้ตามภาพด้านล่าง

เติมน้ำ EM ขยาย และกากน้ำตาลที่เตรียมไว้ ผสมน้ำให้เข้ากัน

นำไปรดที่กองปุ๋ยคอกที่เตรียมไว้ ถ้าไม่มีบัวรดน้ำใช้ขันตักไปก็ได้ครับ

จากนั้นใช้จอบคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใช้เวลาพอสมควรครับ ลองใช้มือบีบดู ไม่แห้งหรือไม่เปียกเกินไป

อย่างที่บอกตอนต้น ถ้ายังแห้งอยู่ เพิ่มน้ำอีกได้เลยโดยไม่จำเป็นต้อง 25 ลิตรเป๊ะ แล้วใช้จอบเกลี่ยไปด้วยเรื่อย ๆ

เสร็จแล้วตักใส่ไว้ในกระสอบ ตั้งไว้ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ในวันแรกผมปิดปากถุง ปรากฎว่าปุ๋ยคอกร้อนมาก เราจึงจำเป็นต้องเปิดปากกระสอบให้ความร้อนของตัวปุ๋ยระบายออกครับ

ผ่านไป 2 วัน เริ่มหายร้อนแล้ว ตัวปุ๋ยเองเริ่มมีการย่อยสลาย สังเกตจากมีฝ้าขาว ๆ อยู่ทั่วไปครับ

ผ่านไป 3 วัน บางส่วนเริ่มย่อยสลายแล้ว

ผ่านไป 5 วัน ลองใช้มือขยำดูรู้สึกว่าจะเป็นขุย ๆ แล้วครับ

ผ่านไป 7 วัน จับขึ้นมาขย้ำดู สังเกตดูว่าฝุ่นคลุ้งเลยครับ

หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ก็สามารถนำไปใช้กับผลผลิตของเราได้แล้วครับ

ตอนนี้ผมนำกระสอบมาเทนะครับ ที่เป็นก้อนก็ใช้มือขย้ำให้แตก รู้สึกว่าจะแตกง่าย ๆ เลยครับ

ตอนนี้ก็สามารถนำไปใส่ผลผลิตของเราได้แล้ว ของผมจะเป็นกล้วยหอมทอง และพืชผักสวนครับ

ส่วนนี่พืชผัก หรือสตอเบอรี่ก็ใส่ได้ครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับการทำและใช้ปุ๋ยคอกหมัก ถ้าเพื่อน ๆ มีข้อสงสัยอะไรเข้าไปสอบถามใน Fanpage ได้นะครับ แล้วเรามาร่วมกันสร้างสังคมที่ยั่งยืน ให้เป็นสังคมเกษตรอินทรีย์ ซึ่งปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคกันนะครับ

และขอให้ทุก ๆ คนมีความสุขกับการทำเกษตรและการทำในสิ่งที่รักนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.organicfarmthailand.com/

แชร์เก็บไว้!! สูตรน้ำดอกอัญชัน ดื่มทุกวัน”รักษาภูมิแพ้”ภายใน 6 เดือน

โรคภูมิแพ้เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไวต่อโปรตีน หรือสารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม ซึ่งปกติแล้ว สารเหล่านี้จะไม่มีผลอันตราย ต่อผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะไวต่อ ฝุ่น, เชื้อราในอากาศ, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้ หรือแม้แต่อาหารที่ทานเป็นประจำ โรคภูมิแพ้จัดอยู่ในโรคที่พบบ่อยมากที่สุด ในประเทศไทย เรียกได้ว่าประชากรเกือบครึ่งหนึ่ง ของประเทศจะมีปัญหาโรคภูมิแพ้

ในปัจจุบันมีประชาชนคนไทยเป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนในเขตเมือง เนื่องจากมลภาวะที่ไม่บริสุทธิ์ ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก เช่น เชื้อโรค สารเคมี ฝุ่นละออง ขนสัตว์ ฯลฯ มีการตอบสนองมากขึ้นหรือเกินกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นนั่นเอง

อาการของโรคภูมิแพ้
มีอากรคัดจมูก คันจมูก จามบ่อย เสมหะ (เป็นมากในตอนเช้า)
ไอมาก ตอนกลางคืน
เป็นหวัดบ่อย เป็นหวัดเรื้อรัง
ไอหลังจากออกกำลังกาย

ดอกอัญชัน (ใส่มากเท่าไหร่ก็ได้ ตามความเข้มข้นที่เราต้องการ)
ใบเตย (เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ไม่เหม็นเขียว)
น้ำประมาณ 3 ลิตร
มาดูวิธีทำกัน

นำน้ำเปล่าใส่หม้อพร้อมกับใบเตย จุดไฟและต้มจนเดือด
ใส่ดอกอัญชัน ลงไปในน้ำเดือด
คนให้เข้ากัน จนน้ำในหมอเริ่มออกสีของดอกอัญชัน
ดับไฟ ปิดฝาหม้อและตั้งทิ้งไว้ 1 ช.ม. ให้น้ำดอกอัญชันเย็นตัวกรอกใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม

เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำดอกอัญชันหอมหวานรสชาติสดชื่นพร้อมรับประทานได้ทุกช่วงเวลา ซึ่งคุณอุ่น เจ้าของสูตรและวิธีการทำได้รับประกันเลยว่า อาการภูมิแพ้ดีขึ้นแน่นอนภายใน 6 เดือน หากดื่มทุกวัน
ลดอาการของโรคภูมิแพ้
แก้ความดันสูง
แก้เบาหวาน

ดื่ม 1 แก้วในตอนเช้า
ระหว่างวันดื่มให้หมด 1 กระบอก
ดื่มก่อนนอนอีก 1 แก้ว

สำหรับใครที่สนใจวิธีการทำแบบละเอียดสามารถรับชมคลิปนี้ได้เลยนะ

เเชร์เลย! ทำไงให้มะละกอออกลูกดก! ต้นเตี้ยไม่ต้องปลูกใหม่

เทคนิคในการทำสาวมะละกอให้ได้ผลผลิตหลายปี

หลายคนยังไม่ทราบว่าในการทำสาวต้นมะละกอมีข้อดีหลายประการ อาทิ ได้ลักษณะและคุณภาพผลเหมือนต้นแม่พันธุ์เดิม ไม่ต้องปลูกมะละกอใหม่ทุกปี ช่วยให้เก็บผลผลิตได้ง่าย เนื่องจากต้นมะละกอจะเตี้ยเหมือนกับเริ่มต้นปลูกใหม่ซึ่งจะส่งผลในเรื่องการจัดการแปลง มีส่วนลดการระบาดของโรคและแมลงได้ เกษตรกรตัดต้นมะละกอทำสาวทุกปีจะตัดวงจรโรคและแมลงได้, ที่สำคัญพบว่าต้นมะละกอที่มีการทำสาวทุกปีจะมีการติดดกเหมือนกับต้นมะละกอปลูกใหม่ซึ่งผิดกับต้นมะละกอที่ไม่เคยทำสาวเลยจะมีการออกดอกและติดผลน้อยลง สำหรับเกษตรกรที่ปลูกมะละกอในเชิงพาณิชย์ จะสามารถกำหนดการให้ผลผลิตด้วยวิธีการทำสาวกำหนดให้ต้นมะละกอมีผลผลิตขายได้ในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่อยมาจนถึงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งราคามะละกอดิบเพื่อใช้ส้มตำในช่วงเวลาดังกล่าวจะเฉลี่ยสูงถึงกิโลกรัมละ 8-15 บาท

 

คุณสนอง เศษโม้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร จากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.มหาสารคาม (พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) บอกว่าหลังจากที่เกษตรกรได้เก็บผลผลิตมะละกอรุ่นแรกไปแล้ว (คอแรก) ควรจะทำสาวด้วยการตัดต้นมะละกอแล้วเลี้ยงยอดใหม่ ซึ่งหลังจากตัดต้นไปแล้วเพียง 3 เดือน ยอดใหม่ที่แตกออกมาจะเริ่มออกดอกและติดผลตรงตามสายพันธุ์เดิมและเก็บผลมะละกอดิบได้ในเดือนที่ 4 หลังจากตัดต้น เทคนิคในการทำสาวคุณสนองแนะนำให้ตัดต้นมะละกอให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร (เผื่อลำต้นมะละกอจะต้องผุเปื่อยเน่าลงมาอีกประมาณ 1 คืบ)

 

มีเกษตรกรหลายรายมักจะเข้าใจผิดด้วยการเอาถุงพลาสติกมาครอบต้นส่วนที่ตัดเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นเน่า คุณสนองได้บอกว่าวิธีการนี้ไม่ถูกต้องการเอาถุงพลาสติกมาคลุมรอยแผลที่ตัดจะมีผลทำให้ลำต้นเน่ามากกว่า  เนื่องจากน้ำที่ระเหยจากลำต้นจะไปเกาะติดที่พลาสติกจนขังเต็มอยู่ในลำต้น ไม่มีที่ระบายน้ำออกส่งผลให้ลำต้นเน่าในที่สุด แต่ถ้าปล่อยไว้ตามธรรมชาติถึงแม้จะมีฝนตกจนมีน้ำขัง น้ำจะแห้งหรือระเหยไปเองเพราะแผลจะโดนแดดโดยตรง แต่เกษตรกรจะต้องช่วยเจาะรูให้น้ำมีทางระบายออกจากลำต้นด้วย ในการทำสาวเพื่อจะให้มีการแตกยอดใหม่ที่ดีควรทำในช่วงฤดูฝน หลังจากตัดต้นมะละกอเสร็จแล้ว คุณสนองบอกว่าไม่จำเป็นจะต้องทายาเชื้อราหรือปูนแดงบริเวณรอยแผล เนื่องจากธรรมชาติส่วนที่เป็นรอยแผลจะผุเปื่อยไปจนถึงบริเวณที่ยอดตาใหม่จะแตกออกมา

หลังจากตัดต้นมะละกอเพื่อทำสาวเสร็จเกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 16-16-16 หรือสูตรตัวหน้าสูง เช่น 32-10-10 และใส่ปุ๋ยคอกเก่าร่วมด้วย มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นจะมียอดมะละกอแตกออกมาใหม่หลายยอดให้คัดเลือกยอดที่สมบูรณ์ที่สุดเหลือไว้เพียงยอดเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้ยอดเจริญแข่งกัน เทคนิคในการทำสาวต้นมะละกอของคุณสนอง ทำมาแล้ว 4 ปี ต้นมะละกอติดผลดกมากทุกปี

 

วิธีขั้นตอนการทำคร่าวๆ

ตัดต้นมะละกอที่เราจะทำสาว

 

จากนั้นเอาปูนแดงทางเพื่อป้องกันเชื้อรา

 

ปล่อยทิ้งไว้ ใส่ปุ๋ยบำรุง ก็จะมีกิ่งมะละกอใหม่ เกิดขึ้นมา ทำให้ลูกดกและต้นเตี้ย อย่างที่เห็น แค่นี้ก็ทำสาวมะละกอได้แล้ว ง่ายใช่ไหมล่ะคับ บ้านใครมีต้นมะละกอก็ลองไปทำดูที่บ้านนะ

 

 

 

ของจริง!! “ไม่ต้องพูดเยอะ”เว็บพนันต่างประเทศยกให้ “มารีญา” เป็นเต็งหนึ่ง คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2017 นาทีนี้ไม่ต้อง”งง”มงแน่นอน!!!

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งในปีนี้ มารีญา พูลเลิศลาภ สาวงามจากไทย ก็ได้เป็นตัวแทนเข้าไปประกวด โดยการประกวดได้เริ่มเปิดให้ร่วมโหวตกันแล้วทั่วโลก ซึ่งปีนี้กองเชียร์ชาวไทยต่างส่งกำลังใจให้สาวมารีญา คว้ามงกุฎมาครองให้ได้ เพราะเธอถือเป็นผู้เข้าประกวดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทุกประการ

ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการคิดไปเองของคนไทยแต่อย่างใด เพราะล่าสุดจากการสำรวจอัตราต่อรองของนางงามชาติต่าง ๆ ปรากฏว่า มารีญา ถูกยกให้มีโอกาสคว้ามงกุฎสูงมาก โดยเว็บพนันชื่อดังอย่างวิลเลี่ยมฮิลล์ ยกให้ มารีญา เป็นอันดับ 1 (อัตราแทง 1 จ่าย 4.5) แต่บางแห่งก็ลดหลั่นให้เป็นตัวเต็งอันดับที่ 2 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าปีนี้แฟนนางงามไทยมีสิทธิ์ได้เฮกันสุดเสียง

นอกจากนี้ ก็ยังมีนางงามจากอีกหลายชาติที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งอันดับต้น ๆ เช่นเดียวกัน ได้แก่ ลอร่า กอนซาเลซ (Laura Gonzalez) มิสโคลอมเบีย, คีย์ซี ซายาโก (Keysi Sayago) มิสเวเนซูเอล่า, ราเชล ปีเตอร์  (Rachel Peters) มิสฟิลิปปินส์ รวมถึง คาร่า แม็คคัลล็อก (Kara McCullough) มิสยูเอสเอ เจ้าภาพ เป็นต้น

ขอบคุณ  เฟซบุ๊ก Miss Universe 2017pinnacle.comwilliamhill.com.au , Kapook.com,TNews

เลิกเหล้าหันมาใช้ชีวิตที่พอเพียง ตามรอยพ่อ

สวัสดีจร้า วันนี้นายเกษตรเกร็ดความรู้ พามารู้จักกับการใช้ชีวิตของ นักร้องหมอลำชื่อดัง แน่นอนว่าหลายคนต้องรู้จักนักร้องดังและตลกชื่อดังอย่าง “ปอยฝ้าย มาลัยพร” ที่โด่งดังจากการเป็นตลกในคณะ “น้อน้อย อุไรพร” และบทเพลงที่สร้างชื่อเสียงให้อย่างมากคงหนีไม่พ้นบทเพลง “จังซี้มันต้องถอน” ทำให้ต้องยอมรับว่าเขามีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก นับได้ว่ารายได้เป็น 100 ล้านบาทเลยทีเดียว.

ออกมายอมรับว่าชีวิตก่อนหน้านี้ติดเหล้าอย่างหนัก จนทำให้เสียงานเสียการ งานหายรายได้หด เกือบเป็นคนหมดตัว แต่สุดท้ายกลับตัวกลับใจได้ทัน เลิกเหล้าได้สำเร็จ และตอนนี้ก็กำลังกลับมารับงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ปอยฝ้ายกำลังมีผลงานละครเรื่อง นายฮ้อยทมิฬ ทางช่อง 7 ที่กำลังออนแอร์อยู่

ละครเรื่อง นายฮ้อยทมิฬ

แต่อย่างที่รู้กันว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้หมอลำหรือคณะตลกมีคนจ้างงานน้อยลง จนตัวคุณป้อยฝ้ายเอง ต้องมาทำอาชีพเสริม เพื่อหารายได้เพิ่ม และเป็นการประหยัดปลูกผักสวนครัวกินเอง ไปในตัว ว่าแต่เขาทำอะไรบ้างนั้นไปดูกัน

ส่องเฟสบุ๊คปอยฝ้าย ได้ภาพธรรมชาติที่หลายคนยังไม่เคยเห็น

มะละกอลูกใหญ่ๆ

มะระปลูกเอง พอเพียงมาเลย

ลูกใหญ่มาก สนใจเเวะชิมได้น่ะ

มาดูผักสวนครัวที่ปลูกรอบๆบ้าน

มีบ่อน้ำเล็กๆในบ้าน

ผืชผักสวนครัวกินได้

ดอกแคม่วงกะเป็นตากิน

บรรยากาศงามหน้าอยู่

เต็มไปด้วยพืชพักสวนครัว ถือว่าใช้ชีวิตแบบพอเพียง

เพราะเป็นคนบ้านๆ ติดดิน งานนี้ปอยฝ้ายเลยเกิดไอเดีย เนรมิตพื้นที่ในบ้านหลังใหญ่ของตนเอง เอาไว้ปลูกพืชผักสวนครัวที่ชอบกินมากมายหลายสายพันธุ์ไว้เต็มไปหมด และล่าสุดปอยฝ้ายได้อวดผลงานการปลูกของตัวเองเป็นมะระขี้นกยักษ์ที่มีลูกใหญ่เท่าขวดน้ำให้แฟนๆ ได้ดูกัน งานนี้ถ้าไม่มีงานในวงการบันเทิง ก็สามารถผันตัวเองไปเป็นเกษตรกรได้สบายๆ อย่างแน่นอน เพราะปลูกอะไรก็งอกงามไปหมด

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐ
ขออนุญาตภาพจาก facebook ปอยฝ้าย มาลัยพร