“จั๊กจั่น อคัมย์สิริ”น้ำตาคลอ! เปิดใจครั้งแรกหลังไม่ต่อสัญญาช่อง 7(ดูคลิป)


หลังจากที่ทางช่อง 7  ร่อนจดหมายด่วน ระบุว่านางเอกสาว  “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข”  ได้สิ้นสุดสัญญาการเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 แล้ว ซึ่งกลายเป็นข่าวฮือฮา  ล่าสุด   “จั๊กจั่น อคัมย์สิริ ” ออกมาเปิดใจครั้งแรก  ผ่านรายการ “สนามบันเทิง ” ซึ่งบรรยากาศในห้องส่งวันนั้น พี่น้องนักข่าวมารวมตัวกันมากมาย โดยเฉพาะรายการเส้นทางบันเทิง ทีมกล้องและพีอาร์ หลั่งน้ำตามาบอกลากันเป็นครั้งสุดท้าย 

โดยผู้จัดการส่วนตัวสาวจั๊กจั่นเผยว่า คนดูทางบ้านอาจจะงงว่าทำไมจั๊กจั่นตาแดงก่ำ ตาบวมตอนให้สัมภาษณ์ แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องส่งสตูฯ7วันนี้คงเข้าใจดี เริ่มตั้งแต่ทีมงานแจ้งว่าจะเตรียมสถานที่ให้จั่นเปิดใจพร้อมทำแบคดร็อปไว้ให้ น้องๆเส้นทางบันเทิงบอกจะตั้งแถวรอคุณแม่จั่นกัน จนตอนเช้าตรู่ที่พาจั่นไปนั่งแต่งหน้าทำผมที่ตึก 1 หลายคนแวะเข้ามาจั่นในห้องแต่งตัวแต่เช้า เดินโอบเดินจูงจั่นไปเข้ารายการที่สตู7 ทีมงานมายืนรอกันจริงๆ มากันทั้งแผนกแม้กระทั่งหัวหน้าอย่างพี่จุ๋ม พี่ยุ้ยปาป้าก็มา มาโอบมากอดบอกลาจั่น แบบนี้ใครมันจะทนได้ล่ะ? สารภาพจากใจว่า รู้ว่าเรารักกัน แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ประทับใจและซาบซึ้งใจได้ขนาดนี้ ขอบคุณทุกความรู้สึกดีๆ ทุกความเป็นครอบครัวที่ชาว 7 สีมีให้ชะนีน้อยนะคะ ประทับใจมากจริงๆ❤️❤️ อาติดแท็กไม่ครบก็ช่วยๆกันแปะนะ ขอบอกลาก้อย แก้ว โตโต้ด้วยนะคะ วันนี้ไม่ได้เจอกัน …. #จนกว่าจะพบกันใหม่

ทั้งนี้จั๊กจั่น เผยเหตุผลของการไม่ต่อสัญญาว่า  “อยู่ในวงการมา 15 ปี  ทำงานที่ช่อง7 เกือบ10 ปีแล้ว   อาชีนักแสดง ต้องมีอาชีพเสริมควบคู่ เพราะอาชีพนักแสดง เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เลยมาทำธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งทำมา2 ปีแล้ว ธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจที่ช่วยทำการตลาด ช่วยโปรโมทสินค้า ออกสื่อพรีเซ้นท์สินค้าที่รับมา โดยต้องออกโปรโมทตามช่องต่างๆ  ด้วยความที่เป็นนักแสดงช่อง7 และโลโก้ดาราช่อง7 ค่อนข้างชัด ก็เลยเกรงใจช่อง7 หากต้องไปโปรโมทสินค้าที่ช่องอื่น  และที่สำคัญช่องอื่นๆ ก็ไม่สะดวกใจที่จะให้ดาราช่อง7 เข้าไปโปรโมท ก็โดนปฏิเสธมาหลายครั้ง การตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับช่อง7 เป็นเหตุผลทางธุรกิจ ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรในใจแน่นอน  ยังจำวันแรกที่มาทำงานที่ช่อง7  ได้ตอนนั้น เรื่องแรก สู่แสงตะวัน ยังจำบรรยากาศเก่าๆได้   จั่นไม่เซ็นต์กับช่องไหนแล้ว ถ้าไม่ใช่ช่อง7 เป็นนักแสดงอิสระ ต้องขอบคุณผู้จัดละครหลากหลายค่ายที่ติดต่อมาหลังจากมีข่าวว่าตนไม่ต่อสัญญาเผยแพร่ไป ถ้าช่อง7 มีงานอะไรให้รับใช้ ติดต่อมาจะพิจารณาช่อง7เป็นที่แรก “

ชมคลิป

ข้อมูลจาก : http://www.thaijobsgov.com/jobs/137550 

เรียบเรียงโดย DPSNews

เลี้ยงปูนา แบบง่ายๆสบายรายได้ดี วิธีการเลี้ยงปูนาในบ่อปูน


ปูนาเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับเราคนไทยมาช้านานน่ะค่ะ เพราะว่าปูนาหาง่ายในสมัยก่อน และในปัจจุบันเมนูของปูนาก็มีมากมายที่หลายๆท่านนำมาทำเป็นอาหาร ทั้งต้ม,ปี้ง,ย่าง หรือเมนูที่ผู้เขียนโปรดปรานก็จะเป็นยำปูนาใส่มะม่วงรสแซ่บๆเผ็ดๆพูดมาแล้วน้ำลายไหลเลยค่ะ ปูนาทุกวันนี้ไม่ได้อยู่แต่ในนาเหมือนชื่อแล้วล่ะค่ะ ทุกวันนี้มีการเพาะเลี้ยงปูนาไว้เป็นอาหารและก็ทำเป็นอาชีพกันมากมาย ผู้เขียนก็เลยมีเคล็ดลับและวิธีการเลี้ยงปูนาแบบง่ายๆ วิธีการเลี้ยงปูนาในบ่อปูน หรือเลี้ยงปูนาในบ่อดิน เลี้ยงในบ้านที่มีพื้นที่น้อยๆมาฝากกันครับ

ในอดีตตั้งแต่สมัยยังเด็กๆของผู้เขียนหรือผู้อ่านหลายท่านที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด จะคุ้นเคยกับปูนาตัวเล็กๆที่พ่อแม่เก็บมาจากไร่จากสวนจากทุ่งนามาฝาก เอามาปี้งย่างหรือเอามาดองเก็บไว้ใส่ส้มตำก็แซ่บน้ำตาไหลเลยล่ะค่ะ คิดถึงแล้วก็นึกถึงวันวาน

ในปัจจุบันปูนาที่อยู่ในท้องนาจริงๆก็ยังมีให้เห็นน่ะค่ะ แต่ว่าจะน้อยกว่าแต่ก่อนนิดหน่อยเพราะว่าเจอสารเคมีจากปุ๋ยหรือเจอยาปราบศัตรูพืชบ่อยๆก็ลดน้อยถอยลงไปบ้าง ปัจจุบันก็มีชาวบ้านหรือเกษตรกรที่มีพื้นที่ได้ปรับพื้นที่ทำการเพาะพันธ์ุเลี้ยงปูนาเพื่อจำหน่าย และราคาะปูนาก็น่าสนค่ะ เพราะปูนาเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องจึงไม่เป็นที่น่าห่วงสำหรับผุ้เพาะเลี้ยงว่าจะไม่มีตลาดรองรับ ทั้งขายแบบปูนาเป็นๆ หรือจะดองเป็นปูดองไปขายก็ได้ราคาเพิ่มขึ้่นอีก


สำหรับท่านที่มีพื้นที่น้อย หรืออยากลงทุนเลี้ยงปูนาแบบไม่ใช้ต้นทุนสูงมากนักและทำให้การดูแลรักษาง่ายอีกด้วยค่ะ การเลี้ยงปูนามีวิธีการเลี้ยงได้หลายวิธีด้วยกันค่ะ
การเลี้ยงปูนาในบ่อซีเมนต์เลี้ยงได้ทั้งในบ่อกลมและบ่อสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ข้อดีของการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ก็คือ ดูแลง่ายปูนาไม่ไต่หนีใช้พื้นที่ไม่มากมีแค่พื้นที่เล็กๆ ก็สามารถเพาะเลี้ยงได้แล้ว

การเลี้ยงปูนาในบ่อดิน

สำหรับการเลี้ยงปูนาในบ่อดิน ค่าใช้จ่ายจะมากกว่าการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์และก็ต้องมีพื้นที่เพื่อที่จะขุดบ่อเพราะพื้นที่ในการเลี้ยงปูนาแบบบ่อดินนั้น ต้องมีอวนมุ้งตาถี่ล้อมรอบบ่อเพื่อป้องกันปูนาไต่หนี แต่ข้อสำคัญของบ่อเลี้ยงปูนาแบบในบ่อดินคือ ประมาณ 3ใน4 ของพื้นที่ของบ่อดินควรเป็นดินสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้ปูนาได้ขุดรูอยู่ด้วยค่ะ ส่วนที่เป็นพื้นที่ดินนี้จะลาดเข้าหาอีกส่วนหนึ่งที่เป็นน้ำ

มาดูเคล็ดลับการเลี้ยงกันเลยน่ะค่ะ การเตรียมบ่อเลี้ยงปูนา แบบเลี้ยงในบ่อปูนกลมหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า

สำหรับท่านที่เลี้ยงในบ่อปูนกลมหรือสี่เหลี่ยมที่มีความกว้าง 2เมตรยาว 3 เมตร สูง 1 เมตร ให้หาท่อพีวีซี จำนวน 2 ท่อ มาใส่ไว้ในบ่อเพื่อทำเป็นที่ระบายน้ำออกจากบ่อด้วยน่ะค่ะ
ในกรณีที่ทำบ่อใหม่ให้ใส่น้ำลงไปเพื่อลดความเค็มจากปูนซีเมนต์ในบ่อแช่น้ำไว้ประมาณ 1-2 วันแล้วถ่ายน้ำออก ใส่ต้นกล้วยลงไปแช่น้ำในบ่อทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน ใส่เกลือสินเทาลงไปในบ่อด้วยก็ได้ค่ะ หรือน้ำส้มสายชูประมาณ 2-3 ถ้วย แล้วถ่ายน้ำทิ้ง
หลังจากนั้นให้นำดินมาใส่ลงไปในบ่อปูนให้มีความสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร หรือใส่ได้ตามปริมาณของบ่อหรือสภาพพื้นที่ค่ะ
ควรตั้งบ่อไว้ในที่ร่มเพราะปูนาไม่ชอบอากาศที่ร้อน ถ้าอากาศร้อนมากๆจะทำให้ปูตายได้แต่ถ้าไม่มีที่ร่มก็ให้ทำตาข่ายพรางแสงหรือหลังคาใส่ตรงบ่อ
ใส่ท่อหรือแผ่นกระเบื้อง,อิฐบล๊อคเพื่อให้ปูจะได้มีแหล่งที่ซ่อนตัวและหลบภัยเพราะว่าปูนานั้นมีนิสัยชอบทำร้ายกันเอง
ทำตาข่ายปิดปากบ่อเพื่อป้องกันไม่ให้ปูปีนหนี

วิธีเลี้ยงปูนา

สำหรับบ่อใหม่ให้แช่ต้นกล้วยและเกลือ20-30 วันจะเป็นการลดความเค็มของปูน(เทคนิคคล้ายๆกับการเลี้ยงกุ้งฝอย)

ใส่ดินโคลนและวางท่อหรืออิฐไว้ให้ปูได้หลบซ่อนตัว
สำหรับการเตรียมบ่อเลี้ยงปูนาในบ่อดิน
หากท่านใดมีบ่อเก่าที่เคยใช้งานมาก่อนแล้วเช่นเคยขุดบ่อเลี้ยงกบหรือเลี้ยงปลาก่อนหน้านั้นก็สามารถนำมาเลี้ยงปูนาได้โดยไม่ต้องขุดบ่อใหม่ จัดการบ่อให้มีสภาพแวดล้อมเลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด เช่นปลูกข้าว,ผักบุ้ง,หญ้า,จอกแหน,สาหร่าย ปูนาจะได้มีแหล่งอาหารทางธรรมชาติและก็จะได้เป็นที่หลบซ่อนของปูได้อีกด้วย
ใส่น้ำที่ใส่ดินโคลนลงไปแล้วประมาณ 30 เซนติเมตร

วิธีเลี้ยงปูนา

บ่อนี้เป็นบ่อเดิมที่เคยใช้งานก็ทำความสะอาดแล้วก็ใส่ดินแล้วก็ปลูกพืชน้ำใส่เลียนแบบธรรมชาติก็สามารถเลี้ยงปูนาได้แล้ว

ปลูกพืชน้ำใส่เพื่อเป็นอาหารของปูและเป้นที่หลบซ่อนให้ปูนาไปในตัว
 เคล็ดลับการดูแลและวิธีการเลี้ยงปูนา

สำหรับท่านที่ต้องการคัดพ่อพันธ์ุแม่พันธ์ุปูนา ให้นำปูนาที่ได้มาจากแหล่งแม่น้ำธรรมชาติโดยเลือกขนาดความยาวของปูนาที่มีลำตัวประมาณ 4 เซนติเมตร คัดเอาแต่ตัวที่แข็งแรงและมีขาที่ครบสมบูรณ์มาปล่อยลงในบ่อที่เตรียมไว้ ให้ใช้ปูนาตัวผู้ 25 ตัวและปูนาตัวเมีย 25 ตัวต่อบ่อ
การให้อาหารปูนา ให้อาหารสัปดาห์ละ 3 ครั้งอาหารที่ใช้เลี้ยงปูนาได้แก่ ข้าวสุกจะเป็นข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็ได้ ปลาให้สับเป็นชิ้นเล็กๆกุ้งฝอย,ผักสดเช่นผักบุ้งหรือผักกาด
ไม่ควรให้อาหารปูมากเกินไปและต้องคอยหมั่นสังเกตุดูว่าให้อาหารแค่ไหนปูถึงจะกินหมดเพราะถ้ามีอาหารเหลือก็จะทำให้อาหารเน่าเสียได้ หากอาหารเหลือให้เก็บออกอย่าทิ้งไว้ให้เน่าคาบ่อเพราะจะทำให้ปูไม่แข็งแรงทำให้เป็นโรคได้
การระบายน้ำนั้นต้องระบายน้ำออกจากบ่อและเปลี่ยนน้ำใหม่ประมาณ 2-3 ครั้งต่อเดือน


วิธีการเลี้ยงและดูแลปูนาที่อยู่วัยเจริญพันธ์ุและลูกปู

ปูนาจะผสมพันธ์ุกันในช่วงฤดูฝน แม่ปู 1 ตัวจะมีไข่ประมาณ 500-700 ฟอง ดังนั้นปูนา 1 ตัวจะออกลูกได้ประมาณ 500-700 ตัว
การเจริญพันธ์ุปูนาจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนจึงจะโตเต็มที่
กรณีที่ลูกปูเริ่มตั้งแต่นำเลี้ยงใส่ในบ่อ ให้อาหารโดยลูกปูที่มีช่วง 15 วันแรกควรให้ไรแดง,หนอนแดง,เทา หรือไข่ตุ๋น กินเป็นอาหาร
หลัง 15 วันให้ปลาสับหรือกุ้งฝอย,อาหารเม็ดที่ใช้เลี้ยงลูกปลาดุก
เมื่อลูกปูมีอายุได้ 30 วันก็สามารถนำไปปล่อยเลี้ยงในบ่อดินหรือบ่อปูนเพื่อให้มีขนาดโตเต็มวัย
ถ้ามีเนื้อที่ ที่ทำเป็นบ่อดินหรือบ่อปูนที่มีขนาดใหญ่สามารถปล่อยลงเลี้ยงได้ทีละปริมาณ 10,000 ตัวต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร
ปูนามีการลอกคราบเหมือนสัตว์น้ำชนิดเดียวกันเหมือนกับกับสัตว์จำพวกกุ้งหรือปูชนิดอื่น หลังจากฟักเป็นตัวแล้วปูนาจะทำการลอกคราบประมาณ 13-15 ครั้ง ก็จะโตเป็นปูนาเต็มวัย สามารถได้ขนาดตามที่ท้องตลาดต้องการระยะเวลาก็จะอยู่ประมาณ 6-8 เดือนขึ้นไป

วิธีเลี้ยงปูนา

แม่ปูกำลังมีไข่เต็มท้อง แม่ปูตัวหนึ่งสามารถมีลูกปูได้มากถึง 500-700 ตัว

วิธีเลี้ยงปูนา

ปูนาตามแหล่งธรรมชาติตัวเล็กตัวใหญ่สามารถคัดมาเลี้ยงตอนเป็นลูกปู ตัวใหญ่ก็คัดแยกมาเป็นแม่พันธ์ุได้
วิธีการสังเกตการลอกคราบของปูนา

ปูนาที่จะมีการลอกคราบให้เราสังเกตได้จากรอยต่อทางส่วนท้ายของกระดองจะกว้างมากกว่าปกติ เมื่อใกล้จะลอกคราบปูจะนิ่งและเหยียดขาออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นรอยต่อทางส่วนท้ายของกระดองก็จะเปิดออก
ส่วนท้ายพร้อมกับขาเดินคู่สุดท้ายของปูนาจะออกมาก่อนส่วนอื่นๆ ขาคู่ถัดมาจะค่อยๆโผล่ออกมาตามลำดับส่วนก้ามคู่แรกจะโผล่ออกมาเป็นอันดับสุดท้าย ปูนาจะใช้ระยะเวลาในการลอกคราบโดยประมาณ 1 ชั่วโมง

ขอบคุณที่มา: https://goo.gl/7cteH3 เรียบเรียงโดยDPSNews

R.I.P. “น้องโจ” นักเรียนไทย สละชีวิตช่วยเพื่อน…จนตัวเองเสียชีวิต ที่อเมริกา

ครอบครัวรับศพ "น้องโจ" นักเรียนไทยสละชีวิต ช่วยเพื่อนที่อเมริกาครอบครัวน้องโจ นักเรียนแลกเปลี่ยนโรตารี รับศพมาบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดพิษณุโลกหลังจาก เสียสละชีวิตช่วยเพื่อนจมน้ำ จนตัวเองต้องเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา 

(23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น ที่วัดธรรมจักร อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เดินทางมาร่วมพิธีและให้กำลังใจแก่ นายเจษฏา และนางวรวิจิตร จันทบุรานันท์ พ่อและแม่ของนายสิรวิชญ์ จันทบุรานันท์ หรือโจ อายุ 17 ปี เด็กนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนสโมสรโรตารี ที่เสียชีวิตหลังจากช่วยเหลือเพื่อนที่กำลังจะจมน้ำ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560

จากนั้นเวลา 17.15 น. ขบวนเคลื่อนย้ายศพน้องโจที่เดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เดินทางมาถึงจังหวัดพิษณุโลก พ่อแม่ของน้องโจ พร้อมด้วยญาติ และเพื่อนๆ จากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม และสโมสรโรตารี 3360 พุทธชินราช พิษณุโลก ได้จัดขบวนรอต้อนรับศพของโจอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของน้องโจ ซึ่งเกิดจากความเสียสละที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนไม่ให้จมน้ำ แต่ตนเองกลับไม่สามารถขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

พ่อกับแม่ของน้องโจเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จะมีพิธีรดน้ำศพ พร้อมกับสวดพระอภิธรรมเป็นการส่วนตัวของคนในครอบครัวและญาติสนิทเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 24-30 มิถุนายน และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 1 กรกฏาคมนี้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทราบข่าวจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่สื่อท้องถิ่นรายงาน ด้านเพื่อนสนิทของน้องโจ บอกว่า โจเป็นคนที่ให้เพื่อนเต็มร้อย ไม่เคยทิ้งเพื่อน ทุกคนจึงภาคภูมิใจในตัวเขาและจะรักเขาตลอดไป

ส่วนเพื่อนที่น้องโจ ว่ายน้ำเข้าไปช่วยนั้น พ่อของน้องโจบอกว่า เด็กคนนั้นชื่อ แม็กซ์ เป็นชาวเบลเยี่ยม เป็นเพื่อนสนิทที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ซึ่งดูได้จากภาพถ่ายที่เพื่อนๆ ของโจที่สหรัฐอเมริกาได้รวบรวมทำอัลบั้มและส่งมาให้เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของน้องโจ

บรรยากาศภายในศาลาธรรมสังเวช วัดธรรมจักร ถูกตกแต่งด้วยรูปภาพของน้องโจที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ ล่าสุดพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ส่งพวงหรีดเป็นต้นปีบ มาร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องโจด้วย

ขอบคุณที่มมา http://news.sanook.com/2517910/ เรียบเรียงโดยDPSNews

8 ศัตรูของมะเร็ง ที่รู้แล้วชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน!


วันนี้DPSNewsจะมานำเสนอเกี่ยสกับมะเร็ง มะเร็ง หรือ เนื้องอกร้าย มีสาเหตุของโรคที่ค่อนข้างหลากหลาย วันนี้เราแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับ “ศัตรูของมะเร็ง” อีกหนึ่งวิธีป้องกันการเกิดมะเร็งที่คุณเองก็สามารถทำได้ เพียงแค่รับประทานอาหารต่อไปนี้…

1. ศัตรูของมะเร็งกระเพาะอาหารคือ กระเทียม

2. ศัตรูของมะเร็งตับคือ เห็ด 

3. ศัตรูของมะเร็งตับอ่อนคือ บร็อคโคลี่ 

 

4. ศัตรูของมะเร็งปอดคือ ผักโขม 

5. ศัตรูของมะเร็งลำไส้คือ หน่อไม้น้ำ

6. ศัตรูของมะเร็งเต้านมคือ สาหร่ายทะเล 

7. ศัตรูของมะเร็งผิวหนังคือ หน่อไม้ฝรั่ง 

8. ศัตรูของมะเร็งปากมดลูกคือ ถั่วเหลือง

15 ข้อควรปฏิบัติ ช่วยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง!!

1. ดื่มน้ำที่สะอาดและเพียงพอ เพื่อลดสารก่อโรคมะเร็งวิธีหนึ่ง มีศึกษาที่เพิ่มค้นพบใหม่จากสถิติของสถาบันมะเร็งพบว่า การดื่มน้ำสะอาดจากเครื่องกรองจะดีกว่าการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน และจากการศึกษาของสมาคมสิ่งแวดล้อมพบว่าการเก็บรักษาน้ำในเหยือกแก้ว หรือภาชนะสเตนเลส จะดีกว่าการเก็บรักษาในภาชนะพลาสติก และไม่ลืมที่จะดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างพอเพียงสามารถลดความเข้มข้นของการขับถ่ายปัสสาวะได้ และลดมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือให้ปริมาณปัสสาวะมีสีเจือจางเมื่อขับถ่ายทุกครั้ง

2. ไม่ควรสูดดมหรือสัมผัสก๊าซขณะเติมน้ำมันรถ เพราะสารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถเข้าสู่ปอด และหากกระเด็นสู่ผิวหนังอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งได้

3. ลดการกินอาหารปิ้ง-ย่าง โดยเฉพาะเนื้อแดง การกินอาหารประเภทปิ้งย่างนั้น หากมีการไหม้จะก่อสารมะเร็ง หรือมีเศษสีดำของการเผาของถ่านติดอยู่ก็จะทำให้เกิดมะเร็งได้ แนะนำให้มีการหมักเนื้อสัตว์ก่อนการปรุงอาหารด้วยสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ เช่น พริกไทย โรสแมรี่ ใบออริกาโน่ ฯลฯ งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Kansas พบว่าการหมักเนื้อสัตว์เหล่านั้นก่อนการปิ้งย่างอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมงสามารถลดสารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่างเผาได้ถึง

4. รับประทานผักผลไม้สีเขียวให้มาก เพราะสารแมกนีเซียมจากพืช ผักสีเขียวช่วยลดมะเร็งลำไส้ได้ ซึ่งดีต่อผู้หญิงเป็นอย่างมาก อีกทั้งการได้รับสารแมกนีเซียมที่เพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานอย่างปกติ การรับประทานผักขมครึ่งถ้วยต่อวันให้ปริมาณแมกนิเซียม 75 มิลลิกรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย

5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารจำพวกยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด น้ำมันเบนซิน เนื่องจากเต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายที่เกี่ยวโยงกับการเกิดมะเร็ง ง่ายๆ ด้วยการจำกัดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเหล่านี้ในบ้าน หรือที่ทำงาน ย่อมเป็นการลดโอกาสในการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งได้

6. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ซึ่งไม่เพียงช่วยป้องกันการตั้งครรภ์โดยที่ไม่ตั้งใจ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก เชื่อกันว่าประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุมาจาก Human Papillomavirus (HPV) ที่สำคัญเชื้อ HPV นี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ทวารหนักและอวัยวะเพศอีกด้วย แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนชนิดใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ HPV ได้ในระดับหนึ่ง โดยต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์

7. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแข็งแรง เป็นที่รู้กันดีว่าการออกกำลังกายช่วยส่งเสริมให้อวัยวะในร่างกายได้พัฒนา และแข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย และต่อสู้กับอนุมูลอิสระหรือเชื้อโรคต่างๆ อย่างได้ผล อีกทั้งออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายโดยการเดินเร็วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 18%

8. ลดการส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง จากการวิจัยของ National Academies of Science เมื่อต้นปี 2010 ระบุว่าการซักแห้งหรือซักน้ำมันโดยสาร perc (perchloroethylene) จะมีผลให้เกิดการก่อสารมะเร็งต่อปอด ไตและตับได้เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นการใช้สารซักแห้ง ซักน้ำมันที่ทำให้ผ้าเรียบอาจไม่ปลอดภัยจนเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งร้ายได้

9. หลีกเลี่ยงการผ่านสารรังสีโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงตรวจดูมะเร็งเต้านมประจำปี การทำแมมโมแกรม เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว การตรวจมะเร็งโดยใช้วิธีคลำหา และไม่ผ่านรังสีอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะการเกิดมะเร็งได้ดีกว่า

10. ไม่ใช้ควรโทรศัพท์มือถือแนบหูเป็นเวลานานๆ เนื่องจากมีการพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มีคลื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้โทรศัพท์นานๆ โดยมีอุปกรณ์เสริมจะลดผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้

11. กินอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่ปนเปื้อนสารปฏิชีวนะและฮอร์โมน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นที่น่าสงสัยว่า จะมีส่วนก่อให้เกิดปัญหาต่อมไร้ท่อรวมทั้งโรคมะเร็งอีกด้วย รวมถึงผักผลไม้ที่มีสารกำจัดศัตรูพืช แม้จะเป็นการหลีกเลี่ยงได้ยาก แนะนำให้เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ไว้วางใจ และต้องล้างพืชผักทุกครั้งก่อนบริโภค

12. หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดอันรุนแรง  เพราะแสงยูวีจากแสงอาทิตย์มีทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนัง แดดที่ควรเลี่ยงคือช่วงเวลา 10.00-16.00 น. โดยประมาณ แต่หากว่าจำเป็นต้องเผชิญแสงแดดเวลาดังกล่าวนั้น ควรสวมเสื้อผ้าปกปิด และทาโลชั่นกันแดดเสมอ

13. เลือกรับประทานอาหารจำพวกธัญพืชให้มากขึ้น อาหารประเภทแป้งควรเลือกทานจำพวกขัดสีน้อย ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ฯลฯ แป้งข้าวสาลีดีกว่าขนมปังขาวทั่วๆ ไป และทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ด้วยมีสารอาหารวิตามินที่มีประโยชน์อยู่ในส่วนที่เป็นกาก และใยอาหารที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาล ช่วยให้อิ่มง่ายและขับถ่ายได้สะดวก มีการศึกษาพบว่าอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงจะทำให้การเพิ่มน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่-ทวาร ได้

14. ใส่ใจกับความเจ็บปวดต่างๆ อาการเจ็บป่วยต่างๆ ไม่ว่าจะอาการมากหรือน้อย หากเป็นบ่อยๆ เป็นเรื้อรัง ไม่ว่าจะท้องอืด ปวดบริเวณช่องท้อง ปวดหัว หรือภาวะเร่งด่วนเกี่ยวกับการขับปัสสาวะ ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์หาสาเหตุและรักษาให้หายขาด เพราะอาการเหล่านี้อาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับมะเร็ง หรือก่อให้เกิดมะเร็งได้

15. ไม่สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ ทำให้เกิดการตายจากมะเร็งปอดได้ถึง 87% ซึ่งมะเร็งปอดนั้นจัดว่าเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญจากโรคมะเร็งทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย เพราะในบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากมาย อันเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งตามอวัยวะที่ควันบุหรี่ผ่านด้วย เช่น มะเร็งกล่องเสียง, มะเร็งช่องปาก, มะเร็งคอหอย, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งไต, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเม็ดเลือดขาว และไม่ได้ส่งผลเพียงแค่คนที่สูบบุหรี่เท่านั้น ยังส่งผลต่อผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ เพียงแต่สูดดมควันพิษจากบุหรี่เข้าไปก็เสี่ยงต่อมะเร็งได้เช่นกัน

ที่มา https://goo.gl/6h8LQR

รีบอ่าน!“สายเมา ขาดื่ม”เช็คตับตัวเองด่วน ว่าเราเป็นถึงขั้นไหนแล้ว (ระวังสายเกินแก้)


เรื่องของการดื่ม หากดื่มน้อย กินแต่พอดี ก็เป็นยาได้ แต่ถ้าหากว่ากินเยอะเกินไป กินเอาเมา แบบนั้นเรามีอาหารเสี่ยงเป็นโรคได้มากมายเลย แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เราจะเป็นหรือเปล่า

วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากทุกคนกันว่า อาการของโรคตับนั้น มันมีอะไรบ้าง เราจะได้เตรียมตัวถูก และถ้าให้ดี ก็ไม่ควรจะดื่มเลยจะดีกว่า ทั้งดีต่อสุขภาพ และประหยัดเงินเราอีกด้วย มาดูว่าตับเราถึงขั้นไหนแล้ว กับ 10 วิธีเช็คอาการของโรคตับ

ตับตั้งอยู่บนด้านขวาของหน้าท้องคุณ มันถูกคลุมด้วยซี่โครงของคุณมันเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ หน้าที่หลักของตับคือช่วยกำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ระบบของร่างกายเสียหาย

มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ครวจะรู้ถึงสัญญาณเริ่มของตับว่าเกิดปัญหาร้ายแรง

ในขณะที่ตับมีความเสี่ยงกับโรคต่างๆ มากกว่า 100 ชนิด และโรคของแต่ละคนอาจมีอาการแปลกๆ แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้มีผลต่อตับในลักษณะที่คล้ายกันในช่วงเริ่มต้น

โรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตับ ประกอบด้วย

โรคตับอักเสบ
โรคตับแข็ง
โรคไขมันในตับ
โรคตับจากแอลกอฮอล์

นี่คือ 12 อาการเริ่มต้นของความเสียหายของตับที่คุณควรระวัง

1.ปวดท้องบ่อย
เมื่อคุณเกิดอาการปวดท้องอยู่บ่อยๆ และมีอาการคลื่นไส้ ในบางครั้งมีการอาเจียนร่วมด้วยคุณควรออกไปตรวจร่างกายทันที เพราะอาการคลื่นไส้เป็นผลมาจากการสะสมสารพิษในร่างกายและยากที่จะกำจัดมันออกไป

2.เบื่ออาหาร

ตับผลิตน้ำดีที่ช่วยในการย่อยอาหาร เมื่อตับของคุณผิดปกติการผลิตน้ำดีจะลดลง และการเผาผลาญอาหารของคุณก็จะลดลงด้วย ดังนั้นคุณจะรู้สึกอิ่มอยู่ตลอดเวลาและทำให้คุณไม่อยากอาหาร

3.ร่างกายรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า และอ่อนเพลีย
เมื่อมีการสะสมสารพิษมากเกินไปในร่างกาย คุณจะรู้สึกเหนื่อยบ่อยขึ้นแม้หลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว เป็นเพราะสารพิษที่ตับได้รับอากาศมันจะแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและมีผลต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเช่น สมอง กล้ามเนื้อหัวใจ เนื้อเยื่อ และอวัยวะส่วนอื่นๆ

4.มีปัญหาในการย่อยอาหาร
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ตับผลิตน้ำดีที่ช่วยย่อยอาหารเมื่อมันอ่อนแอการผลิตน้ำดีก็จะลดลงและเป็นผลให้อาหารที่คุณกินเข้าไปไม่ถูกย่อยอย่างสมบรูณ์นำไปสู่ปัญหาท้องผูก

5.การเปลี่ยนแปลงในสีอุจจาระ
น้ำดีที่ผลิตโดยตับจะช่วยให้อุจจาระของคุณเป็นสีน้ำตาลเข้ม เมื่อคุณมีปัญหาเกี่ยวกับตับ จะทำให้ตับผลิตน้ำดีน้อยลง จะทำให้อุจจาระเหนียวและมีสีเทา สีซีด และสีเหลือง
ดับบิลิรูบินในกระแสเลือดของคุณ ซึ่งไตได้ผลิตออกมาจากนั้นตับจึงต้องขจัดออกไป

ปัสสาวะสีเข้มยังอาจเป็นสัญญาณของการใช้ยาปฏิชีวนะ การคายน้ำหรือการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินบี คุณจึงควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

7.มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโรคดีซ่าน
เมื่อบิลิรูบินอยู่ในกระแสเลือดของคุณเพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากการทำงานที่ล้มเหลวของตับที่ไม่สามารถกำจัดมันออกไป คุณจึงมีแนวโน้มที่จะตัวเหลืองซึ่งมักจะเกิดขึ้นที่ผิว ปลายนิ้ว ตา และลิ้นของคุณ

8.การกักเก็บของเหลว
เมื่อตับของคุณมีปัญหามันจะกักเก็บของเหลว เท้าและข้อเท้าของคุณจะขยายบวม คุณจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง

9.การเปลี่ยนแปลงในช่องท้องของคุณ
เมื่อตับมีปัญหาจะมีภาวะเกิดน้ำในช่องท้อง นี้เป็นอาการเริ่มต้นของความเสียหายในตับที่มีการสะสมของของเหลวในช่องท้อง จะทำให้ท้องป่อง

10.การระคายเคืองผิวเรื้อรัง
ผิวของคุณจะไวต่อสิ่งกระตุ้นเมื่อถูกสัมผัส และมีแนวโน้มที่จะเกิดสะเก็ดและอาการคัน รวมทั้งจะมองเห็นเส้นเลือดดำได้อย่างชัดเจน เมื่อตับของคุณมีปัญหา

11.โรคท้องร่วงและมีเลือดออกในลำไส้
เมื่อตับของคุณมีปัญหาจะมีอาการท้องผูกบ่อยขึ้น และจะมีอาการท้องเสียร่วมอยู่ด้วยหรือแม้กระทั่งมีเลือดออกในลำไส้ หากคุณพบอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ของคุณทันที

12.เป็นตะคริวบ่อยและมีอาการปวดท้อง

คุณจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณท้องด้านขวาบนของคุณ เมื่อตับมีปัญหาตับ เพราะบริเวณนี้จะไวต่อการสัมผัส

เมื่อคุณพบอาการต่างๆ เหล่านี้อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ของคุณทันที

ข้อมูลจาก teenee


สาวน้อยเงินล้าน! น้องธันย์ เหยื่อรถไฟฟ้าทับขาขาด ล่าสุดเงินเดือนเธอ 1,000,000 บาท เธอทำอะไรมาดูกัน!


จากกรณีที่น้องธันย์ ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ นักเรียนไทยที่เดินทางไปศึกษาด้านภาษาตอนช่วงปิดเทอม ฤดูร้อน เหยื่อรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับขา จนต้องตัดทิ้งทั้ง 2 ข้าง เมื่อปี 2554 จนทำให้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาลแต่อย่างไรก็ตามด้วยความรักจากครอบครัว และความคิดที่เป็นบวกของเธอทำให้ได้รับโอกาสจากสังคม

ล่าสุด น้องธันย์ ในวัย 20 ปี ได้ออกมาเผยเรื่องราวที่ทำให้คนไทยถึงกับยินดีไปด้วย เพราะเธอผู้ที่ได้รับตำแหน่ง “ผู้สำรวจความสุขคนไข้” เจ้าของเงินเดือนสูงถึงหนึ่งล้านบาท

โดยเธออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ค น้องธันย์ สาวน้อยคิดบวก ข้อความระบุว่า

24.06.60 : ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วนะคะ ธันย์รอวันที่รายการออนแอร์ก่อน ถึงจะออกมากล่าวขอบคุณได้อย่างเต็มปาก ที่ผ่านมาก็เก็บคำขอบคุณที่มากมายไว้ในใจตลอดมา โอกาสที่ได้รับในครั้งนี้ช่างมีคุณค่าและบรรยายเป็นคำพูดออกมาไม่หมดกับความรู้สึกนี้ ก่อนอื่นขอบคุณตนเองที่ให้โอกาสตัวเองไปสมัครใน Best Job in Thailand คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจอันคลิปและส่งไปสมัครในวันนั้น ขอบคุณครอบครัวค่ะที่มอบโอกาสให้ไปสัมภาษณ์และไปพบพี่ๆอีก11ท่านรวมถึงทีมงานของทางโรงพยาบาล WORLD MEDICAL HOSPITAL (WMC) โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ขอบคุณพี่ทั้ง11ท่าน ได้แก่ พี่กอล์ฟ,พี่เอ็ดดี้,พี่แอ้,พี่โอ๋,พี่จอย,พี่มายมุก,พี่เจ,พี่วิว,พี่ต่วน,พี่เอ็กซ์,พี่อวยค่ะ ที่คอยแนะนำน้องสาวคนเล็กคนนี้ ทั้งแนะนำแนวทางเรื่องราวดีตลอดมา ตั้งแต่ที่เราได้รู้จักกันแม้จะเป็นระยะเวลาอันสั้นแต่พวกเราก็เหมือนครอบครัว ธันย์มีความสุขมากๆเลยค่ะที่ได้รู้จักพี่ๆทุกๆท่าน ธันย์ขอขอบคุณคณะกรรมการค่ะ ที่ให้โอกาสเด็กผู้หญิงคนนี้มาทำหน้าที่อันสำคัญนี้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทรงคุณค่าตำแหน่งหนึ่ง อายุและร่างกายไม่ใช่อุปสรรคเสมอไป ขอบคุณพี่ๆทีมงานทุกท่านทั้งพี่ๆทีมงานทางโรงพยาบาลและพี่ๆทีมงานทางรายการตีสิบค่ะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับทุกๆกำลังใจ แรงใจแรงเชียร์ที่คอยสนับสนุนเด็กผู้หญิงคนนี้เสมอมา ธันย์จะตั้งใจ มุ่งมั่นและพัฒนาตนเองเสมอ ให้เหมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมายนี้นะคะ ที่สำคัญเมื่อธันย์ได้รับโอกาส ธันย์จะไม่มีวันลืมตอบแทนสังคมที่ทำให้ธันย์เป็นธันย์อย่างทุกวันนี้
เมื่อธันย์ประสบความสำเร็จในทุกๆครั้งไม่ว่าเรื่องราวนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ธันย์ขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณทุกท่าน ที่คอยสั่งสอนเด็กคนนี้พร้อมมอบโอกาสในทุกๆด้าน ธันย์ไม่สามารถจะเติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้หากขาดผู้แนะนำแนวทางที่ดี คอยตักเตือนในเรื่องราวที่ไม่เหมาะสม ทำให้ธันย์ได้แก้ไขจุดบกพร่องได้
-น้องธันย์-

ที่มา http://www.siamnews.com/view-2124.html

ฮือฮา!บ้าไปเเล้ว! เอายาบ้ายัดใส่ในเม็ดพริกแห้ง? (มีคลิป)


ฮือฮาในโลกโซลเซียลไม่เคยพบเจอมาก่อน เอายาบ้ายันในเม็ดพริกแห้ง เป็นวิธีการใหม่จริงๆ ช่างสรรหามาได้ กับเทคนิคซ่อนยาบ้า ที่ต้องเรียกว่า โอ้โห! คิดได้ยังไง กับการยัดยาบ้าในพริก หรือพริกใส่ไส้?! ฮือฮาในโซเซียลเป็นอย่างมากกับการเผยแพร่คลิปกระบวนการยัดยาบ้าในพริก ความพยายามเป็นเลิศมาก แต่ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

สมาชิกเฟซบุ๊ก Lenin Chekov ทำการแชร์เรื่องราวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเทคนิคซ่อนยาบ้าเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ ด้วยกระบวนการที่แยบยล โดยการยัดยาบ้าใส่พริกแห้ง รวมกันในถุงใหญ่ คาดว่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตุต่อการตรวจค้น เรียกได้ว่า เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไปก็สร้างความแปลกใจและอึ้งให้กับบรรดาชาวเน็ตจริงๆ และวิพากย์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

 

ทั้งนี้คลิปที่ปรากฎนั้นคาดว่าเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองไทย แต่เกิดที่ต่างประเทศ อย่าได้เอามาทำเป็นแบบอย่างนะ เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วยังผิดกฎหมายด้วย ส่วนข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร โปรดใช้วิจารณญาณ


ชมคลิป


ที่มา :Lenin Chekov

https://goo.gl/TCzeYB เรียบเรียงโดยDPSNews

เกษตรน่ารู้! ปลูกต้นอะโวคาโด สร้างรายได้มหาศาล


อะโวคาโด ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยอีกชนิดหนึ่ง หลายคนเข้าใจว่าผลไม้ชนิดนี้ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า ในประเทศไทยเราเอง สามารถที่จะปลูกต้นอะโวคาโดได้และให้ผลผลิตดีไม่แพ้ต่างประเทศเลยทีเดียว สำหรับต้นอะโวคาโดนั้น อาจอยู่นอกสายตาของเกษตรกรหลายๆ คน แต่ปัจจุบันตลาดมีความต้องการสูงมาก และแทบไม่เพียงพอกับความต้องการ

สำหรับผลไม้ชนิดนี้คงไม่ต้องเอ่ยเรื่องสรรพคุณและคุณค่าทางอาหารกันมาก เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าดีต่อร่างกายอย่างไร (ดูคุณสมบัติอะโวคาโดที่ wikipedia) แม้อะโวคาโดจะเป็นพืชเมืองหนาว และต้องการความเย็นในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิต ดูเหมือนอาจไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรานัก แต่พื้นที่ปลูกที่พบชัดเจนในประเทศไทยกลับเป็นที่ปากช่อง ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้ดี ไม่แพ้ในแถบพื้นที่ภาคเหนือเลยด้วยซ้ำ

ปลูกต้นอะโวคาโด การปลูกอะโวคาโด จุดแรกเริ่ม มาจากการนำเข้าพันธุ์มาทดลองปลูกและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และขยายพื้นที่ปลูกอย่างจำกัดเฉพาะในพื้นที่เขตภาคเหนือ ต่อมาความสนใจในการบริโภคจากกลุ่มคนรักสุขภาพมีมากขึ้น จึงทำให้อะโวคาโดกลายเป็นผลไม้ที่มีความต้องการของตลาดสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน พื้นที่ปลูกอะโวคาโดยังมีน้อย ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด การปลูกอะโวคาโด ให้ได้ผลดี อะโวคาโดเป็นพืชที่ปลูกง่าย แทบไม่ต้องมีการดูแลมากมายอะไร

สามารถปลูกแซมในสวนผลไม้อื่นได้ ถ้าพันธุ์ที่ต้นเล็ก จะมีทรงพุ่มเล็ก ก็จะสามารถปลูกโดยใช้ระยะปลูก 6 เมตรต่อ 1 ต้น หากเป็นพันธุ์ที่ต้นใหญ่จะใช้ระยะปลูก 8 เมตรต่อ 1 ต้น เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป เมื่อต้นสูงประมาณ 1 เมตร ก็ให้ปุ๋ยบ้าง 1-2 เดือนครั้ง อะโวคาโดเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอ หลังปลูกผ่านไป 3 ปี ก็สามารถให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวได้แล้ว และจะให้ผลผลิตมากขึ้นเมื่ออายุ 5-6 ปี สำหรับสวนของคุณสำเริง ที่ปากช่องนั้น ผลผลิตต้นหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 400-500 กก. อะโวคาโดจะให้ผลผลิตประปรายตลอดทั้งปี แต่จะมีผลผลิตมากในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ย. หรือในช่วงฤดูฝน

วิธีการปลูกต้นอะโวคาโด เริ่มต้นจากการเพาะเมล็ด มี 3 แบบคือ แบบทั่วไปทำง่าย โดยการใช้ไม้จิ้มฟันเสียบรอบเมล็ดอะโวคาโด ไม้จิ้มฟันเป็นตัวค้ำยัน แล้วจุ่มแช่น้ำเอาไว้จนกว่ารากจะงอก แบบมีวัสดุช่วย คือห่อกระดาษชำระ (ควรเลือกกระดาษชำระที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน) เพราะผู้เขียนทดลองแล้วหากกระดาษชำระมีสารเคมี (สารเพิ่มกลิ่นหอม/สารเพิ่มความขาว) เมล็ดจะไม่งอกและจะเน่าไปเลย

โดยสามารถนำกระดาษชำระมาห่อเมล็ดเพียงครึ่งลูกแล้วจุ่มน้ำจนชุ่ม รอให้งอก แบบมีวัสดุช่วยอื่นๆ เช่น ขุยมะพร้าวหรือดินใส่ลงไปแล้วก็จัดการกดเมล็ดอะโวคาโดให้จมลงครึ่งลูก รดน้ำให้ชุ่ม ทั้ง 3 วิธีนี้

เมื่อทำเสร็จแล้วให้จัดการปิดขวดจนกว่าจะมีรากและยอดแทงออกมาจากเมล็ดอะโวคาโด จึงค่อยๆ เปิดฝาและเติมน้ำอย่าให้ขาด ระยะเวลารากงอกนั้น รอไปอีกสัก 2-3 เดือนเลย จนกว่ารากจะงอกออกมายาวและแข็งแรงพอ และมีใบอ่อนสัก 5-6 ใบ จากนั้นจึงจะสามารถนำไปปลูกลงดินหรือลงในกระถางได้ (ดูวิธี การเพาะเมล็ดแบบไม่ใช้ดิน อื่น)

ขั้นตอนต่อไปเมื่อได้ต้นกล้าแล้ว ควรจำไว้ว่า ต้นโวคาโดชอบแดดจัด (แต่ไม่ชอบร้อน) จึงควรวางกระถางในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มวันในที่ๆ อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อบอ้าว หากอากาศร้อนเกินควรพรางแสงด้วยการวางกระถางไม้อื่นเพื่อช่วยเป็นพี่เลี้ยง หรือปลูกลงดินในที่ๆ มีแสงไม่จัดมากก็ได้ ปลูกใต้ต้นมะละกอ หรือแซมในสวนผลไม้อื่น หรือหาวัสดุมาพรางแสงมาบัง รดน้ำ 2 วันครั้ง ไม่ชอบน้ำแต่ไม่ควรให้ขาดน้ำ รดน้ำไม่ให้แฉะและไม่ชื้นจนเกินไปรากจะเน่า ดินต้องระบายน้ำได้ดี (แนะนำดินร่วนปนทรายผสมขุยมะพร้าวหรือกาบมะพร้าวสับ) การแยกต้นกล้าลงดิน ไม่ควรให้น้ำท่วมราก รากจะเน่า ต้นอะโวคาโดหาน้ำเองเก่ง หากเพาะเมล็ดให้เกิดรากแก้วจะดูแลง่ายกว่า เมื่อต้นอ่อนในกระถางมีความสูงประมาณ 6-7 นิ้ว ให้ตัดยอดออก เพื่อช่วยเร่งให้เกิดการแตกยอดใหม่ และเมื่อมีความสูงประมาณ 12 นิ้ว ก็ให้เด็ดยอดอ่อนออกให้แตกยอดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะได้ทรงพุ่มสวย รอบโคนต้นไม่ควรมีวัชพืช เพราะจะมาแย่งอาหารหมด ต้นโตช้า สูตรเร่งอะโวคาโดโตไว ให้ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีตัวหน้าเยอะๆ

ผู้เขียนแนะนำปุ๋ยอินทรีย์จากผักตบชวา โดยนำผักตบชวามากองๆ สุมๆ ไว้ให้ย่อยสลายเป็นบางส่วนแล้วนำมาเป็นวัสดุปลูก จะทำให้ต้นอะโวคาโดติดยอดและให้ผลผลิตดี สูตรนี้ใช้ได้กับไม้ผลทุกชนิด เกษตรอินทรีย์กับผลอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ แต่สามารถนำไปใช้เลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องการสารแทนนินได้ เช่น สัตว์เปลือกแข็งเช่น กุ้ง หอย ปู ที่ต้องการสารแทนนิน เพื่อให้ส่งผลในการยับยั้งการขับถ่ายเป็นการชั่วคราว ลดอัตราการเกิดโรคขี้ขาว (สารแทนนินมักจะมีอยู่ในผักผลไม้ที่มีรสฝาด ขม แต่สามารถขจัดแทนนินได้ด้วยการทำให้มันสุก)

สายพันธุ์อะโวคาโด ปลูกพันธุ์ไหนได้ผลดี พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) ลักษณะผลค่อนข้างกลม มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลืองอมเขียว รสดีเมล็ดใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เป็นพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่นิยมที่สุดและมีคุณสมบัติที่ดี พันธุ์บูธ 7 (Booth-7) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลัน และเวสต์อินเดียนผลลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดกลาง น้ำหนัก 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อยสีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เมล็ดขนาดกลาง มีไขมัน 7-14เปอร์เซ็นต์ ช่วงเก็บเกี่ยวผลประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม พันธุ์บูธ 8 (Booth-8) ลักษณะผลรูปไข่ ขนาดเล็กถึงกลาง น้ำหนักประมาณ 270-400 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อย สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีครีมอ่อนรสชาติพอใช้ มีไขมัน 6-12 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดกลางถึงใหญ่อยู่ในช่องเมล็ดแน่น ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม พันธุ์แฮสส์ (Hass) เป็นพันธุ์การค้าอันดับ 1 ของโลก เป็นพันธุ์เผ่ากัวเตมาลัน ลักษณะผลรูปไข่ ผิวผลขรุขระมาก ผิวสีเขียว เมื่อสุกอาจเป็นสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลือง มีไขมันประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนพฤศจิกายนแต่พันธุ์แฮสส์ มีปัญหาหากความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตไม่ค่อยดี

การปลูกอะโวคาโด ในประเทศไทย อโวคาโดเมืองปากช่อง “สวนคุณสำเริง กลั่นกลิ่น เกษตรกรชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่สนใจอะโวคาโดมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วและได้นำต้นมาทดลองปลูกที่สวนซึ่งก็เจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ประกอบหลายสิบปีก่อนนั้น ทางสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องก็ได้มีการนำพันธุ์อะโวคาโดมาทดลองปลูกเพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมาก เพราะตอนนั้นตลาดอะโวคาโดยังไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้น คุณสำเริงซึ่งสนใจไม้ผลชนิดนี้อยู่แล้ว จึงได้ไปนำพันธุ์อะโวคาโดจากสถานีวิจัยพืชสวนปากช่องและไปหาพันธุ์จากโครงการหลวงทางภาคเหนือมาทดลองปลูกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีต้นอะโวคาโดอยู่มากกว่า 500 ต้น ที่ปลูกแซมไว้ในสวนน้อยหน่าเพชรปากช่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นอายุ 8-10 ปี และในแต่ละปีอะโวคาโด 500 ต้นทำเงินให้กับคุณสำเริงไม่น้อยเลยทีเดียว”
ที่มา: http://www.kasetorganic.com

หนุ่มๆใจละลายไปตามๆกัน! รวมดารา AVสาวสวยน่ารัก ไม่ดูถือว่าพลาด! ต้องดูสักครั้ง!!!


กระทู้นี้มีเนื้อหาสำหรับคนอายุ 18+ ขึ้นไป น้องๆหนูๆเปิดอ่านกรุณาปิดไปเลยครัช วันนี้DPSจะมานำเสนอ ดาราAV สาวสวยสุดน่ารัก งานนี้หนุ่มๆมีใจละลายตามๆกัน ไปดูกันเลย

แหม๊คนนี้คงไม่ต้องบอกสรรพคุณมากหน้าสวยเกรด A ลีลาเด็กอนุบาล แต่พักหลังพัฒนาขึ้นจัดว่าเด็ดเลยครัชแหม๊

Momo Yurino (Sumire)

หน้าคล้ายๆนักร้อง เกริลกรุ๊ป คนนึงในไทยวง Girl…. ชื่อ ก. อิอิ แหม๊ เดาเอาเอง

Akiho Yoshizawa

เจ๊รุ่นเก๊า ตัวแม่แก่ๆของวงการ AV เชื่อว่าทุกคนต้องเคยดูเพราะเธอผ่านศึกมายิ่งกว่านักรบโรมันซะอีก แหม๊

Anri Okita

สาวผิวขาวอกมหึมาอลังการยิ่งกว่าการผจญภัยในเดอะ ฮอบบิท อีก นาทีนี้ต้องบอกว่ารูปร่างเธอ หน้าอกของเธอมันน่าที่สุดใน 3 โลกแหม๊

Tsubomi

สาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คิขุอาโนเนะ อิไต ๆๆ ๆ อีกหนึ่งคนที่มีแฟนคลับในไทย และ เทศ แน่นหนาเหลือเกิน

Maria Ozawa (มิยาบิ)

เธอคือบุฟเฟต์ปิ้งย่างชั้นดี ถุ๊ยยย ไม่ใช่ เธอคือตัวแม่ของดารา AV อย่างแท้จริงและเชื่อว่าชายไทยทุกคนคงได้ดูหนังของเธอมาแล้วอย่างแน่นอน แหม๊

Miku Ohashi

สาวสวยหน้าหวานชวนเยิ้มมม เอิ่ม หมายถึงเห็นแล้วตาเยิ้มนะครัชแหม๊

Azusa Nagasawa

สาวหน้าผู้ใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับไฟหน้าขนาดใหญ่กระทัดรัดแต่เหมาะมือ ใครไม่ได้ดูบอกเลยพลาดมาก แหม๊

Haruki Sato

อีกหนึ่งสาวสวยผิวสีน้ำผึ้ง ที่ต้องบอกว่าลีลาสะเด่าทางการแสดงของเธอมันชวนนอนฝันซะเหลือเกินแหม๊

Saori Hara

สาวหน้าสวย หน้าคม เซ็กซี่ หุ่นอวบนิดๆ ต้องบอกว่าแค่เห็นหน้าก็กระจกแตกแล้ว แล้วถ้าเธอถอดจะเหลือเรอะหลายๆคนรู้จักเธอจาก sex and zen แต่อารู้จักเธอจาก Youporn นะครับแหม๊ ห้ามพลาดครับคนนี้

Megumi Ishikawa (Risako Konno)

อีกหนึ่งสาวหน้าตาเย้ายวน ที่ต้องบอกว่าเธอเด็กมากจริงๆ หลายๆคนอาจจะคุ้นเธอจากพวกเว็บ Freeporn ใครจำเธอได้บอกเลยว่าต้องรีบหามาดูด่วนนะครัชหนังของเธอหายากแล้ว แต่ผมมีเก็บในฮาร์ดดิสก์เรียบร้อยแหม๊

Meguri Fujiura

สาวหน้าสวย รูปร่างอวบนิดๆ พวกเค้ามหัศจอรอหันการันยอ ติดตัวมาตลอดใครชอบอวบๆแต่หน้าสวยๆแนะนำครัชคนนี้แหม๊

Sora Aoi

หน้าสวยใสสไตล์ญี่ปุ่นแท้ หน้าอกแน่นพอดี จึงทำให้เธอเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่เพอร์เฟคที่สุดคนนึงเลยครัช และอย่างที่รู้กันเธอดังในประเทศไทย และ แถบโซนเอเชียมากครัช จนตอนนี้เธอมีแฟนคลับแน่นมากที่สุดคนนึงเลยครัช ปัจจุบันเลิกเล่นแล้วนะครัชแต่เรายังได้เห็นเธอไปเล่นหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่เสมอล่าสุดก็ หนังไทยบ้านเรานี้เองครัช แหม๊

Mizuho Uehara

ถ้ายุคนี้ต้องให้เธอเลยครัช เรื่องความสวยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ หน้าแอบเหมือนดาราหนังญี่ปุ่น ayase Haruka ทำให้เธอเป็นที่เพ่งเล็งของชายหนุ่มอย่างมาก แหม๊

Rei Mizuna

คนนี้หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีนะครับ หรือที่คนไทยเรียกกันว่าหนูไร หรือหนูเร นั่นเองครัชคนนี้ลีลาออดอ้อนเหนือคำบรรยายแต่พักหลังเล่นหนังหลุดโลกไปหน่อยจนกลายเป็นสกปรกครับ อยากรู้แนวไหนลองหาเอาเองแต่ที่แน่ๆเลยอารับไม่ได้ครัชแหม๊

Risa Tsukino

สาวน่ารัก น่าหยิก ปัจจุบันเธอไม่มีผลงานแล้วนะครัช ต้องหาเรื่องเก่าๆมาดูใครไม่เคยดูถือว่าพลาดครับแหม๊

Nina Koizumi

น้องนีนะจัง ที่ต้องบอกว่าลีลาของเธอสะเด่าแล้วเข้าถึงอารมณ์คนดูได้อย่างยอดเยี่ยมากครัช ด้วยหน้าตาน่ารัก + กับเธอชอบเป็นฝ่ายโดนกระทำมันชั่งน่าสงสารซะเหลือเกินเห็นแล้วอยากไปช่วย แหม๊

Ameri Ichinose

สาวหน้าสวยคมกริบ ซึ่งถ้าไม่บอกว่าเป็นดารา AV คงคิดว่าเป็นนางแบบใช่ไหมครัช เพราะด้วยรูปร่างของเธอมันชั่งเพอร์เฟ็คเหมือนนางแบบเป๊ะจนเธอได้รับการโหวตจากผู้ชายขาหื่นแล้วว่าเธอคือนักแสดงที่หุ่นดี น่าขยี้ที่สุดคนนึงเลยแหม๊

Tsubasa Amami

สาวน่ารัก ที่เห็นทีไรมังกรจะผงาดทุกที ลีลาการแสดงของเธอถือว่าอยู่ในระดับดีเลยครัช และ เธอดันแอบหน้าคล้ายดาราคนนึงในไทยอีกด้วยเล่น Hormone กับ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น ลองนึกดูนะครัชเหมือนใครแหม๊

Risa Tachibana

อีกหนึ่งสาวหน้าสวย ก่อนเธอหันมาเล่นหนัง AV เธอเคยยุวงเกริลกรุ๊ปชื่อดังในญี่ปุ่นอย่าง AKB48 ใครไม่ได้ดูถือว่าพลาดมากครัชแหม๊

Ayumi Iwasa

สาวหน้าสวยปกหนังหน้าป้า แต่พอดูในเรื่องจริงๆน่าเธอเด็กกว่าปกหนังมากเลยครัช แถมผิวเนียนด้วยอิอิ

Erika Momotani

สาวหน้าโคตะระสวย ที่ต้องบอกว่า พ.ศ นี่เธอคือสาว AV หน้าสวยที่สุดที่แค่ไม่ต้องปลุกเสกมังกร มังกรก็พ่นไฟแล้วใครยังไม่ได้ดูต้องรีบหาดูนะครัช ก่อนหน้านี้เรื่องแรกของเธอเธอรับบทเป็นคนผอมทำให้ไม่แจ้งเกิดได้ แต่พอเธอไปเพิ่มน้ำหนักมาเธอสวยอย่างกับนางฟ้า สะเด่าไปเลยอิน้องเอ้ยแหม๊

Mei Sawei

คนนี้คุณหน้าคุ้นตากันดีสำหรับคนชอบดูเว็บ Freeporn หน้าตาเธอมั่นชั่งเย้ายวนซะเหลือเกิน แหม๊

Rio (Tina Yuzuki)

อีกหนึ่งดารา AV หน้าสวย สไตล์ลูกครึ่งที่มีแฟนคลับในไทยเยอะพอสมควรเหมือนกัน คนนี้เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีแหม๊

Yui Hatano

เจ้าแม่อีเวนท์ของวงการเอวี เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว เธอเล่นหนังผ่านศึกบุกทะลวงกำแพงมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน แหม๊

Iori Kogawa (Iori Furukawa)

สาวน่ารักที่เห็นแล้วต้องกริ๊ดดเพราะลีลาการแสดงของเธอ มันชั่งน่าสงสาร น่าทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก อยากรู้ต้องดูเองแหม๊

Tsukasa Minami

สาวหน้าสวยสไตล์ญึ่ปุ่นอีกหนึ่งคนที่ต้องบอกว่ามันชั่งน่ากระแทกกระทั้นซะเหลือเกิน ผิวขาว มีน้ำมีนวล อร๊ายยยฟินเฟ่อ แหม๊

Mihiro

สาวน่ารักยิ้มสวยอาจจะเก่าไปสักหน่อยแต่เป็นอีกหนึ่งคนที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงนะครับแหม๊

Erika Kirihara

สาวสวย ขาวเนียน สูงลีลาระดับกลาง มาพร้อมหน้าอกตกถัง
แป้งขาวเนียนน่า…….เป็นที่สุดแหม๊

 

Tamana Mira

คนนี้อาจจะสวยไม่มากแต่ลีลาเธอใช่ย่อยเลยครับปัจจุบันเธอเริ่มหันมาเล่น Uncen แล้วครับแหม๊

Azumi Mizushima

สาวสวย ลีลาเซ็กซี่ ลีลาของเธอยกให้เป็นเกรด A แสดงได้ทุกบทบาทเล่นบทโรคจิตก็เล่นมาแล้วบอกเลยครัช คนนี้เรื่องลีลาและหน้าตานี่สุดๆจริง แหม๊

Takako Kitahara

สาวหน้าสวยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ หุ่นดี ลีลาเธอต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆแค่เห็นหน้าก็…….แล้วครับแหม๊ ยังไงอย่าพลาดคนนี้เป็นขวัญใจอาเลยครับแหม๊

Ria Sakurai (Hanoka Sato)

สาวหน้าสวยจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นดารา AV คนนี้จัดว่าเป็นเกรด A ครับลีลาพอประมาณ แต่หน้าตาระดับนางฟ้าลงมาเดินดินแบบนี้ชายใดเล่าจะทนไหว แหม๊

 

Momoka Nishina

สาวอวบน่ารัก สไตล์เนื้อนมไข่แบบจัดเต็ม ผิวขาวเนียนเป็นอีกหนึ่งคนที่ชายไทยนิยมมากเลยครัชแหม๊

 

Julia

คนนี้ชื่อจูเลียนมมหัศจรรย์เพราะเธอเรียกได้ว่าเป็นคนที่มีเต้าสวยสดงดงามเป็นธรรมชาติที่สุดคนนึงเลย ถ้าว่ากันตรงๆคนนี้จุดขายเค้าคือหน้าอกของเค้านั่นแหละครัชแหม๊

 

Yuma Asami

สาวหุ่นน่า…นมทะลักเป็นอีกหนึ่งคนที่เต้าสวยมากควรค่าแก่การรับชม จริงๆแหม๊

 

Shou Nishino

อีกหนึ่งสาวสวยที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะเคยมาเล่นหนังไทยอยู่บ่อยๆเช่น จันดารา หรือ ฮาชิมะ โปรเจ๊ค สวยน่า…แบบนี้ยังไงก็ต้องห้ามพลาด

 

Ai Haneda

หุ่นอาจจะธรรมดาไปซะหน่อยสำหรับคนนี้ แต่ด้วยน่าตาน่ารักเหมือนพวกเกริลกรุ๊ป นางเอกญุี่ปุ่นไม่แปลกใจเลยที่ชายไทยและเทศจะหลงไหล แหม๊

 

Maria Dizon

ร่างก๊อปฉบับ AV ของนางแบบชื่อดังอย่าง Leah Dizon ใครอยากเห็น ลีอา ฉบับ AV อย่าลืมหามาดูนะครัช

 

Alice Ozawa

สาวเนื้อนมไข่ สไตลืโอโม่พลัส ไข่ชอบสาวอวบ ขาวๆเนียนๆ หน้าอกบิ๊กๆแนะนำเลยครัช อร๊ายยแหม๊

 

Marina Shiraishi

เค้าว่ากันว่าเป็นคุณแม่แล้วนะเออ หาเงินเลี่ยงลูกด้วยการเล่นหนัง AV ไม่รู้จริงป่าวนะครัช แต่ช่างเหอะหุ่นเธอน่าจริงๆ + กับหัวนมใหญ่ๆ อิอิ

Aizawa Jun

คนนี้ต้องบอกกำลังมาแรง หน้าสวยแถมมียุเรื่องนึง กระจกแตกคาปาก ฟินสุดๆแหม๊

Io Asuka

หุ่นอาจจะบางไปหน่อยคนนี้แต่หน้าสวยมาก ขาวน่าฟัดที่สุด แหม๊

 

Aimi Yoshikawa

สาวหน้าอกโต หน้าตาหน้าปกสวยกว่าในหนังก็จริง แต่เวลาเธอขึ้นทีไรหน้าอกเธอมันกวัดแกว่งได้ชวนหื่นจริงๆแหม๊

Yuria Kitarini

สาวหน้าสวยอีกหนึ่งคนที่ต้องบอกว่าเห็นหน้าก็คลิกโหลดแล้ว

Mei Matsumoto

สาวสวยผิวคล้ำนิดๆ แต่หุ่นนี่น่าจริงๆ

Nozomi Aso

หุ่นอาจจะผอมไปสักหน่อย แต่หน้าสวยก็ทำเอาหนุ่มๆหลายคนหลงไหลเหมือนกัน

Ayu Sakurai

สาวหน้าสวยของวงการยุคใหม่

เนื้อหาโดย: พระเจ้าอา เล่าปี่

โครตตรง! 10 เรื่องจริง ความแตกต่างสุดขั้วระหว่างชายหญิง ที่ไม่มีวันเข้าใจ!


วันนี้DPSNews มานำเสนอเรื่องความเเตกต่างระหว่าง ชาย กับ หญิง มีผู้ชายจำนวนมากออกมายอมรับว่า “บางครั้งผู้หญิงก็ดูน่าเบื่อและไร้เหตุผลจนไม่น่าเข้าใกล้” ในขณะที่ผู้หญิงโต้กลับว่า “บางครั้งผู้ชายก็งี่เง่าและเฮงซวยที่สุด” ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครดีใครเลว แต่อยู่ที่ความแตกต่างกันในทุกๆ เรื่องของชายและหญิงต่างหากที่เป็นต้นเหตุของความไม่เข้าใจ  ในเมื่อทั้งชายและหญิงไม่มีวันที่จะเหมือนกันได้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อการอยู่ร่วมกันได้ย่างมีความสุข นั่นก็คือ “การทำความเข้าใจจิตใจของแต่ละฝ่ายนั่นเอง” และนี่คือ 10 เรื่องจริงของความแตกต่างสุดขั้วระหว่างชายหญิง

1. ผู้ชายรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของคนอื่น ขณะที่ผู้หญิงรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองน่าทะนุถนอม

2. เมื่อเกิดปัญหา ผู้ชายจะเก็บตัวเพื่อคิดหาทางออก ผู้หญิงจะหาใครซักคนที่ไว้ใจ และพร่ำพรรณนาปัญหาให้ฟัง

3. จากสถิติพบว่า ผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายใจร้อนและคึกคะนองมากกว่า

 

4. ผู้ชายมุ่งความต้องการไปที่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ความสำเร็จของผู้หญิงคือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข

5. เมือทำอะไรซักอย่างไม่ได้ ผู้หญิงจะขอความช่วยเหลือ ในขณะที่ผู้ชายจะไม่พยามยามขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่านั่นคือการแสดงความอ่อนแอของตัวเอง

 

6. ผู้หญิงมีสมองเล็กกว่าผู้ชาย แต่สมองทั้งสองซีกกลับทำงานสัมพันธ์กันมากกว่าผู้ชาย

7. ผู้ชายจะเจริญเติบโตและก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ช้ากว่าผู้หญิง

8. ผู้ชายถูกกระต้นความต้องการทางเพศโดยสายตา เช่น ดูภาพโป้ ดูหนังโป้ แต่ผู้หญิงถูกกระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยการสัมผัสอันนุ่มนวล

9. เมื่อเล่นเกมๆ หนึ่ง ผู้หญิงต้องการเอาชนะโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องแพ้ก็ได้ (การเสมอ) แต่ผู้ชายต้องการเอาชนะ และอีกฝ่ายต้องเป็นผู้แพ้

10.  เมื่อผู้ชายตกหลุมรักใครซักคน เค้าจะถูกกระตุ้นให้ทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าจีบผู้หญิงคนนั้นไม่สำเร็จ เค้าจะกลับไปเห็นแก่ตัวเหมือนเดิม

ขอขอบคุณ  http://www.wtfintheworld.com เรียบเรียงโดย DPSNews