ถูกมาก!! รถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดในโลก” ราคาเพียง 5 หมื่นบาทเท่านั้น!!และรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2017 ฟังชั่นครบ


เรียกได้ว่าเป็นรถที่ถูกที่สุดในโลกเลยก็ว่า กับรถ TATA NANO 2016 ที่ได้ทำการถูกพัฒนาใหม่ให้มีตัวถังของรถที่ใหญ่ขึ้น ส่วนทางด้านเครื่องยนต์คาดดว่าจะใช้เป็นเครื่องยนต์ 2 สูบ 624 ซีซี 38 แรงม้า แถมยังมีรุ่น CNG ออกมาให้จับจองกันอีกด้วย…

สำหรับราคา รถ TATA NANO 2016 นั้นราคาจะเปิดตัวจะอยู่ที่ 52,300 บาทซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะกับคนที่งบน้อยที่ต้องการมีรถใช้เป็นอย่างมาก สำหรับ Tata GenX Nano 2016 ยังคงแบ่งระดับการตกแต่งออกเป็น 5 เกรด ได้แก่ XE, XM, XT, XMA และ XTA โดย 3 เกรดแรกจะมีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ อัตราสิ้นเปลือง 23.8 กม./ลิตร

ล่าสุดหลังจากที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วในปีที่แล้วกับ Tata Nano 2016 รถยนต์รุ่นเล็ก ราคาประหยัดจากประเทศอินเดีย ที่มีราคาต่อคันแค่ 52,000 บาทเท่านั้น! (หากคิดเป็นงินไทย) มาคราวนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา Tata ได้ส่งรถยนต์รุ่นใหม่ Nano Pelican ต่อยอดความสำเร็จ

อันดับแรกหลายคนคงอยากรู้ว่าราคา Tata Nano Pelican จะถูกหรือแพงกว่ารุ่นก่อน บอกเลยว่างานนี้ราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยรุ่นต่ำสุดราคาคิดเป็นเงินไทยราว 1.66 – 2.33 แสนบาท

 

เปรียบเทียบกันแล้วระหว่าง Nano 2016 กับ Nano Pelican, Tata Nano 2017 จะใช้ขนาดยางที่ใหญ่กว่า (13นิ้ว จากของเดิม 12 นิ้ว) และมีการปรับโฉมไฟหน้า และดีไซน์ใหม่ทั้งกันชนหน้าและหลัง เครื่องยนต์เบนซิน 0.9 และ 1.0 ลิตร สามสูบ ให้กำลังสูงสุด 62แรงม้า และเครื่องยนต์ 0.8ลิตร ดีเซล สองสูบให้ขุมกำลัง 45แรงม้า

ข้อมูล : Tata Motor

ที่มา : http://drama-thailand.com/2017/06/15/150604/#sthash.avh3QpD1.piZHAUTc.dpuf

รีบหามาปลูก! 15 ต้นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้ในบ้านเสริมบารมี เงินทองไหลมาเทมา


การปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะประดับเพื่อความสวยงาม ให้ร่มเงาความร่มรื่น หรือนำผลนำดอกมาทาน มาปรุงอาหารก็ได้
ที่สำคัญยังมีต้นไม้บางชนิดที่ตามความเชื่ออย่างไทยโบราณที่บอกต่อกันมาช้านาน ในเรื่องช่วยเสริมสิริมงคลให้บ้านหลังนั้นและบุคคลที่อาศัยอยู่ด้วย ใครที่ชื่นชอบเรื่องต้นไม้ และบ้านไหนที่กำลังมองหาต้นไม้ปลูกไว้ประดับบ้าน

เชิญทางนี้ค่ะ วันนี้เอาใจคนรักต้นไม้ ด้วยข้อมูล 15 ต้นไม้มงคล ..ที่ควรปลูกไว้ในบ้าน มาฝาก ต้นอะไรบ้างนั้นมา ดูกันค่ะ

ต้นมะยม
ด้วยชื่อ “มะยม” ตามความเชื่อโบราณเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้ายหรือเป็นศัตรูนั่นเอง และหากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันวิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ด้วย

ต้นกวนอิม
คนไทยให้ความเคารพบูชากันทั่วไป เชื่อกันว่าต้นกวนอิมเงินกวนอิมทอง เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และมักจะใช้ต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้ มาประกอบในพิธีบูชาเทพเจ้าเชื่อกันว่า เมื่อปลูกกวนอิมในบ้านจะเกิดเป็นสิริมงคล ให้มีฐานะดี มีความร่ำรวยยิ่งขึ้น

 ต้นกระดังงา
ด้วยชื่อที่เป็นมงคล เชื่,tpอกันว่าการปลูกต้นกระดังงา ทำให้คนในบ้านมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตา มีเงินทอง มีลาภยศ
– ควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว

 ต้นมะม่วง
นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย
– ควรปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้าน

ต้นโกศล
ชื่อโกศล พ้องกับคำว่า กุศล จึงเชื่อว่า คือการสร้างบุญ คุณงามความดีช่วยคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข โกศล เป็นไม้ยืนต้นที่ได้รับความนิยมมาก ใบมีสีสันสวยสด ความหมายดี โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด ปลูกเพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็น สุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใดๆ
– แนะนำให้ปลูกต้นโกศลในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น

ต้นขนุน
การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้
– การปลูกควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด ผู้ที่ปลูกควรเป็นหัวหน้าครอบครัวและควรปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี

ต้นมะขาม
ปลูกเพื่อต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามน่ายำเกรง และทำให้ผู้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ การทะเลาเบาะแว้ง และวิญญาณภูตผีปีศาจ – แนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก

ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน
ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย เด่นที่ดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามเป็นพวงระย้าสวยงาม เชื่อกันว่าจะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว
– ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน

ต้นกล้วย
คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันอย่างแพร่หลาย สามารถนำส่วนต่างๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว ทั้งยังมีความเชื่อว่าจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้า ปากนั่นเอง
– ปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน

ต้นไผ่
เป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อว่า กอไผ่จะทำให้คนในครอบครัวเกิดความปรองดอง สามัคคี ไม่แตกแตก รักใคร่กัน และไผ่ยังเป็นต้นไม้ ที่อ่อนตามลม จะทำให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวย เงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า “มั่งมีศรีสุข” นั่นเอง และตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย เป็นคนมุ่ง มั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ
– ควรปลูกต้นไผ่ไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า

ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน
เชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภ ถือเป็นดอกไม้เสี่ยงทายหากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย
– ตามตำราแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี

 

ต้นแก้ว
มีจุดเด่นดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจมาก นิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า “แก้ว” หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูก ต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ และมีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจนั่นเอง
– แนะนำให้ปลูกในวันพุธ และปลูกไว้ทางทิศตะวันออก

ต้นเข็ม
ดอกเข็ม ซึ่งใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม และการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านเชื่อกันว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบ เอาตัวรอดได้ดี
– ให้คนที่กำลังศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ

ต้นบานไม่รู้โรย
ชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยและคู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนานๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไป
– ควรปลูกในวันพุธ

ต้นโป๊ยเซียน
เชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ จะทำให้ครอบครัวสงบสุข และเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญ รุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ
– นิยมให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และควรปลูกในวันพุธ ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลมากที่สุด

 

สำหรับใครที่อยากจะหาต้นไม้มาปลูกประดับบ้าน ตอนนี้คงพอจะนึกออกแล้วนะคะ ว่าจะเลือกต้นไม้ชนิดไหนมาปลูกดี

ถ้าหากต้องการเสริมศิริมงคลตามความเชื่อแบบไทยโบราณ ลองเลือกต้นไม้ที่เรานำมาฝากกันไปปลูกที่บ้านคัณ คุณจะได้ใช้ ประโยชน์จากต้นไม้ ให้ร่มเงา ความสวยงามน่าชม แล้วยังเสริมดวง เป็นสิริมงคลอีกด้วย

สุดยอดหนุ่มร้อยเอ็ด อาสาช่วยพา “น้องรุ้ง” เหยื่อคดีฆ่าถ่วงน้ำ กลับบ้านไปหาปู่-ย่า พร้อมขอเป็นเจ้าภาพอีกด้วย (รายละเอียด


จากกรณี ข่าวที่คนให้ความสนใจกันเป็นจำนวน กับคดีน้องรุ่งที่ผ่านมา ล่าสุดมีการพูดถึง ชายหนุ่ม ใจดีคนหนึ่งที่อาสาไปรับไปส่งผู้ที่จะไปร่วมงานศพน้องรุ้งฟรี และเพื่อท่จะรับศพน้องมาหา ปู่-ย่าโดยขอแค่ ดอกไม้ธูปเทียนเท่านั้นจากที่ได้สอบถามเขาก็ได้ให้คำตอบว่า
“หลังรับรู้ก็ หดหู่ใจสงสารผู้เป็นปู่เป็นย่าที่เลี้ยงมา เลยอยากจะช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้”

จากข้อความของคุณ ธนวัฒน์ อาศา ได้บอกว่า ขอกู้ชื่อคนร้อยเอ็ด คนเกินร้อยใจเด็ดแต่ไม่ใจดำมีใครยุแถวบางเสาธงดูข่าวแล้วสงสารปู่กะย่าน้องรุ้งส่งข่าวทีอยากนำน้องกลับบ้านเปล่าผมจะไปส่งฟรีขอดอกไม้ธูปเทียนพอ อยากทำความดีถวายแด่พ่อหลวง หรือให้ปู่ย่าน้องรุ้งโทรหาผมด่วน 081-9498511 ผมเห็นข่าวเขาจะสวด3วันถ้าเจาอยากจะเอาศพน้องเขากลัยต่างจังหวัดผมจะไปส่งศพน้องเขาพร้อมจะเป็นเจ้าภาพสวดที่ต่างจังหวัดให้คืนนึงครับสงสารน้องและปู่กะย่าเขาครับ

ขอบคุณที่มา ธนวัฒน์ อาศา

ที่มาt: http://drama-thailand.com/2017/06/16/160603/#sthash.xa1N37aV.adBD5UUM.dpuf

สุดเจ๋ง! เพาะถั่วงอกในโอ่งขาย สร้างรายได้เป็นอาชีพหลัก เดือนละกว่าครึ่งแสน


เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 59 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพระ เลขที่ 182 หมู่ 4 ต.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งทำอาชีพเพาะถั่วงอกแบบโบราณขาย มาเป็นระยะเวลานานเกือบ 40 ปี จนได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน. อ.เมือง จ.นครราชสีมา ให้เป็นศูนย์เรียนรู้อาชีพของชุมชนในปัจจุบัน

นางศรีนวล แก้ววัน อายุ 46 ปี ผู้ทำอาชีพเพาะถั่วงอกแบบโบราณแห่งนี้ เปิดเผยว่า ในอดีตนั้นครอบครัวของตนเคยมีอาชีพทำไร่ ทำนามาก่อน แต่ช่วงหลังๆ มานี้ประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติหลายอย่าง ทั้งเรื่องภัยแล้ง น้ำท่วม และราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ดังนั้นครอบครัวของตนจึงได้ตัดสินใจขายที่นาไปเกือบหมด แล้วนำเงินที่ได้มาลงทุนทำอาชีพเพาะถั่วงอกขายอย่างเดียว โดยใช้บริเวณใต้ถุนบ้านของตนเอง เป็นสถานที่เพาะถั่วงอกขาย ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ลองผิดลองถูก ใช้หลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผลผลิตดีเท่าที่ควร ต่อมาได้มีคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านแนะนำว่าควรเพาะถั่วงอกในโอ่งดีกว่า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ แต่ยังไม่มีใครทำเป็นอาชีพจริงจัง ตนจึงได้เริ่มศึกษาวิธีการเพาะถั่วงอกในโอ่งขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อปี 2522 ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มได้ผลผลิตดี สามารถนำไปขายส่งให้กับตลาดสดในตัวเมืองนครราชสีมาได้จำนวนมาก

201609251356232-20041020133743

ซึ่งปัจจุบันครอบครัวของตน เพาะถั่วงอกในโอ่งทั้งหมด 40 ใบ สามารถเก็บถั่วงอกขายได้สัปดาห์ละประมาณ 800 กิโลกรัม โดยจะมีพ่อค้าคนกลางจากตลาดแม่กิมเฮง และตลาดประปา มารับซื้อถึงที่ ซึ่งขายส่งในราคากิโลกรัมละ 18 บาท เฉลี่ยมีรายได้สัปดาห์ละประมาณ 14,000 บาท หรือเดือนละ 57,600 บาท เป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัวตนจนถึงปัจจุบัน ส่วนพ่อค้าคนกลางจะไปขายในราคากิโลกรัมละ 20-25 บาท
นางศรีนวล ได้บอกถึงขั้นตอนการเพาะถั่วงอกในโอ่งแบบโบราณให้ได้ผลผลิตดีว่า ขั้นตอนแรกนั้น ต้องไปหาเลือกซื้อโอ่งขนาดความสูง 1.5 ฟุต กว้าง 1 ฟุต แล้วนำมาเจาะรู้ขนาดนิ้วก้อย 2 รู้ที่ตูดโอ่ง เพื่อให้น้ำสามารถซึมออกได้ ขั้นตอนที่ 2 ให้ซื้อเมล็ดถั่วเขียว คัดเกรด A ในปัจจุบันราคากิโลกรัม 60 บาท แล้วนำเมล็ดถั่วเขียวนั้นมาแช่ไว้ในกะละมังประมาณ 5 ชั่วโมงก่อน ขั้นตอนที่ 3 นำเมล็ดถั่วเขี่ยวที่แช่น้ำไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว มาใส่ไว้ในโอ่งประมาณโอ่งละ 2 กิโลกรัม

201609251356211-20041020133743

แล้วคลุมด้วยกระสอบทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้รากงอกออก ขั้นตอนที่ 4 ให้เอาใบสะแกสด มาคลุมไว้ด้านบนเมล็ดถั่วเขียว แล้วเอาไม้ไผ่ขัดไว้ด้านบน ขั้นตอนที่ 5 หมั่นรดน้ำใส่ในโอ่ง วันละ 4 เวลา ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 วัน ขั้นตอนที่ 6 ดึงไม้ไผ่ที่ขัดไว้ออก แล้วเปิดเอาใบสะแกออกด้วย ซึ่งก็จะได้ถั่วงอกที่มีความขาว อวบ พร้อมที่จะเก็บไปขายได้ทันที ส่วนขั้นตอนการคัดเอาเปลือกถั่วเขียวออกจากถั่วงอกนั้น ก็จะใช้พัดลมขนาดใหญ่ เป่า แล้วนำผ้ามุ้งมาปู และนำถั่วงอกมาใส่กระด้งเพื่อร่อนให้เปลือกถั่วเขียวปลิวออกจากถั่วงอก พอคัดได้ถั่วงอกล้วนแล้ว ก็เก็บใส่ถุงชั่งกิโลพร้อมนำไปขายได้แล้ว

ที่มา https://www.matichon.co.th/news/297729 เรียบเรียงโดยDPSNews

ขนลุก! “ลำไย ไหทองคำ”ถ่ายรูปคู่หุ่นราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ”พุ่มพวง ดวงจันทร์”


ถึงกับขนลุก ลำไย ไหทองคำ ถ่ายรูปคู่หุ่นราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์

ทำเอาหลายคนถึงกับรู้สึกขนลุกซู่กับรูปคู่ที่ สาว ลำไย ไหทองคำ ถ่ายรูปคู่กับหุ่นราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่วัดทับกระดาน ที่ อ.สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ สาวลำไย ไหทองคำ พร้อมกับคณะได้เดินทางไปไหวเพื่อขอพรกับความเชื่อในการเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

เหมือนกับยังมีชีวิตอยู่ ลำไย ไหทองคำ ถ่ายรูปคู่กับหุ่น พุ่มพวง ที่สาวลำไย เป็นคนเปลี่ยนชุดให้ แต่ภาพที่เธอถ่ายออกมาคู่กับราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับทำเอาหลายคนขนลุกซู่ รู้สึกได้ว่าหุ่นเหมือนมีชีวิตจิตใจอย่างบอกไม่ถูก มีสีหน้ามีชีวิตเหมือนกับคนเลย บอกเลยเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ก็ไม่ควรหลบหลู่เพราะชาวบ้านแถวบ้านเวลามีเรื่องทุกข์ร้อนใจก็มาไหว้มาสักการะหุ่น พุ่มพวง ที่วัดทับกระดาน บางคนถึงกับได้โชคลาภจากการมาไหว้ขอพรที่นี่

น้อยคนนักจะไม่รู้จัก ‘ราชินีลูกทุ่ง’ ผึ้ง – พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่แม้วันนี้จะจากไปถึง 25 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครลืมเลือน เช่นเดียวกับ ‘ศาลพุ่มพวง’ ที่วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ที่มีคนไปบนบานศาลกล่าวขอพรไม่ขาดสาย ซึ่งรายการ ‘ปากโป้ง’ ทางช่อง 8 ก็ได้พาไปเปิดตำนานของศาลนี้  โดยมี บรรเจิด เพชรปานกัน ประชาสัมพันธ์วัดทับกระดาน เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราว

โดยเขาว่า ตนผูกพันกับวัดทับกระดานตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นคนที่นี่ ซึ่งพุ่มพวงก็เกิดที่นี่ ทำบุญวัดนี้ โดยมากับแม่ตั้งแต่เด็กๆ ส่วนที่ว่าทำไมจึงนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่นี่และสร้างศาลไว้ก็เพราะเธอได้มาเข้าฝันคุณแม่ให้เอาร่างมาไว้และฌาปนกิจที่นี่ จากนั้นราว 1 เดือนก็ได้มาเข้าฝันเจ้าอาวาส นายสุวัฒน์ เหลืองวิไล ไวยาวัจกรของวัด และตนให้ปั้นหุ่นของเธอจะเป็นปูนปั้นก็ได้ แต่ภายในให้บรรจุด้วยเถ้าถ่านสรีระที่เหลือจากพี่ๆ น้องๆ แบ่งกันเก็บไปแล้วให้ไว้ในหุ่นทั้งหมด

“นำใส่ในหุ่นตนที่ 1 ครับ อยู่ที่ท่าน้ำ เป็นตนแบบ อันนี้ทางวัดทับกระดานเป็นคนปั้นให้ ในหุ่นมีจะกระดูกเผ่าถ่านทั้งหมดที่เหลือจากพี่น้องแบ่งไปแล้วจะใส่ไว้ในนี้ ชื่อ หุ่นอภินิหาร ตั้งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ เป็นสถานที่ที่แรกที่คุณพุ่มพวงได้ร้องเพลงกับคุณพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ แต่เดิมเป็นศาลไม้ก็ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าคุณพุ่มพวงยังอยู่ที่นี้ ณ จุดนี้ อยากพบพุ่มพวงต้องไปที่ศาลาท่าน้ำครับ หุ่นตนที่ 1 ขอได้ทุกอย่าง ดั่งใจปรารถนา ยกเว้นเรื่องหวย ถ้าแก้บนก็เป็นสิ่งที่บอกไว้ได้ทุกอย่าง คุณพุ่มพวงชอบของที่สวยงาม เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แต่ที่เห็นเยอะก็จะเป็นกระจกแต่งหน้า กระจกจะส่อง 2 อย่าง คือ ความดีและความชั่ว” บรรเจิดกล่าว

และบอกถึงหุ่นตนที่ 2 ที่ใส่ชุดสีเขียวว่า เป็นหุ่นที่ยุ้ย ญาติเยอะ เป็นคนสร้างเพื่อบูชาครู สำหรับดารา นักร้อง นักแสดง ผู้สื่อข่าวที่ต้องการความก้าวหน้าสามารถมาขอพรได้ที่ศาลาสุธรรมรัตน์ราษฏร์บำรุง ส่วนหุ่นที่ 3 หุ่นที่ร้องเพลง ‘ส้มตำ’ อยู่ที่ศาลาจตุรมุขทรงไทย บริษัทท็อปไลน์ เป็นคนสร้าง  สำหรับขอในเรื่องที่ทุกข์ยากที่สุด เช่น  ครอบครัวแตกร้าว และแก้บนด้วยเงินสด เพชร พลอย โดยที่ผ่านมามีนักร้องคนหนึ่งมาบนแล้วบอกว่าจะนำทอง 10 บาทมาแก้บน แต่กลับใช้ทองปลอม เมื่อขับรถออกจากวัดได้แค่ 1.5 กม. ก็รถคว่ำจนต้องมาบวชที่วัดและนำทองคำจริงมาให้

ส่วนหุ่นตนที่ 4 เป็นชุดเล่นพญาเสือดาวที่ใช้เล่นคอนเสิร์ต  คนที่มีหนี้มักจะมาขอให้หมดหนี้  สุดท้ายหุ่นตนที่ 5  พุ่มพวงมาเข้าฝันท่านเจ้าอาวาสว่าขอบูชาหลวงปู่ปากร่วง และปู่บุญดอกไม้หอม ผู้ให้ที่ดินกว่า 80 ไร่เพื่อสร้างวัดทับกระดาน พร้อมกันนั้นให้ปั้นหุ่นพุ่มพวงมาขอพร ซึ่งหุ่นนี้คนที่ไปไหว้ให้ขอเรื่องที่ตั้งหวังไว้มากที่สุด แล้วแก้บนด้วยพวงมาลัยสีแดง และกุหลาบแดงเท่านั้น

โดยบรรเจิดกล่าวถึงคำที่คนส่วนใหญ่ว่าพุ่มพวงเป็นที่พึ่งของชาวบ้านนั้น “เป็นความจริงครับ ศรัทธาเท่านั้นปฎิหาริย์ถึงจะเกิด ศรัทธาในตัวคุณพุ่มพวงขอได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความเดือดร้อน ยกเว้นอย่างเดียวคือหวย คุณพุ่มพวงไม่ให้” นอกจากนี้เขายังว่าระหว่างพูดคุยอยู่ พุ่มพวงก็ได้มาอยู่ที่นี่ด้วย เนื่องจากได้กลิ่นน้ำหอม โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล แต่ตนเชื่อมาก เพราะเคยเจอกับตัวช่วงอยากสร้างศาลาไม้เป็นศาลาปูน ซึ่งพุ่มพวงมาเข้าฝันว่าให้ ตนนำเต๊นท์มาตั้งและนำรูปเธอวางไว้ในเต๊นท์ จากนั้นให้จับไมค์พูดให้คนมาทำบุญ และไม่น่าเชื่อว่าคืนหนึ่งจะได้เงินทำบุญถึง 3-4 แสนบาทจนสามารถสร้างเป็นศาลาอย่างที่เห็นได้ทุกวันนี้

“เคยมีคนเจอเหตุการณ์แปลกๆ ครับ ที่ศาลาท่าน้ำจะมีตู้บริจาค มีคนหนึ่งขโมย แต่ไปไม่ได้ เพราะว่าคุณพุ่มพวง ไปจับเอาไว้ ไปไหนไม่ได้เลยจนถึงรุ่งเช้า นั่งอยู่ในท่าพับเพียบยกมือไหว้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ของในวัดทับกระดานไม่มีหายอีกเลย” บรรเจิดบอก และว่าทิ้งท้ายถึงการสร้างหุ่นพุ่มพวงนั้น “ต้องขอจากแม่เล็ก คุณแม่ของคุณพุ่มพวง ต้องบอกก่อนถึงจะปั้นได้ ถ้าปั้นโดยไม่ได้บอกคนในครอบครัวจะอันเป็นไป มีอยู่คนหนึ่งปั้นหุ่นคุณพุ่มพวงโดยไม่ได้บอกกับแม่เล็ก ปรากฏว่าวันที่เอาหุ่นมาวัด แม่เขาเสียชีวิต”

10อันดับ พระเอกสุดฮอต ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในวงการ


วันนี้เรามาดูค่าตัวเหล่าดาราหนุ่มๆกันเถอะ ว่าค่าตัวเเต่ล่ะคนอยู่ที่เท่าไหร่ จะมีดาราคนที่เราชอบหรือไป ติดตามชมก็เลย

เหล่าซุปตาร์พระเอกนางเอก ไม่ว่าจะเล่นละคร หรือโฆษณา เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาแฟนคลับสาวแก่แม่ม่าย หญิงแท้หญิงเทียม ต่างก็คอยติดตาม กรี๊ดกร๊าดอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ? ซึ่งแน่นอนว่าดาราหนุ่มๆสาวๆนั้นต้องตั้งใจผลิตผลงานเต็มที่เพื่อตอบสนองแฟนๆอยู่แล้ว เพราะเล่นละครเรื่องนึงต้องถ่ายเป็นเดือนๆหรือโฆษณาหนึ่งชิ้นนี่บางทีถ่ายกันเป็นวันๆ รับทีก็เป็นล้านบาทเลยนะ จะให้ทำแบบส่งๆได้ไง รวมถึงการรับงานสั้นๆ แค่ 1-2 ชั่วโมง เช่นออกอีเว้นต์ หรือเดินแบบ-ถ่ายแบบล่ะ พวกเค้าจะรับทรัพย์กันทีนึงเท่าไรหนอมาดูกันครับ

อันดับ 10 อ๋อม อรรคพันธ์ ค่าตัวต่อตอนละครอยู่ที่50,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่5ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่120,000บาท

อ๋อม อรรคพันธ์

อันดับที่9 ซี ศิวัฒน์ ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่60,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่5ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่150,000บาทค่า

ซี ศิวัฒน์

อันดับที่8 พอร์ช ศรัณย์ ค่าตัวต่อตอนละครอยู่ที่60,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่6ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่180,000บาทค่า

พอร์ช ศรัณย์

อันดับที่7 หมาก ปริญ ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่70,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่8ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่150,000-200,000บาทค่า

หมาก ปริญ


อันดับที่6 เวียร์ ศุกลวัฒน์ ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่80,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่7ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่150,000บาท

เวียร์ ศุกลวัฒน์

อันดับที่5 บอย ปกรณ์ ค่าตัวต่อตอนละครอยู่ที่90,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่9ล้านบาท และค่างานอีเว้นเริ่มต้นที่200,000บาท

 

บอย ปกรณ์

อันดับที่4 มาริโอ้ เมาเร่อ ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่100,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่10ล้านบาท และค่าอีเว้นเริ่มต้นที่200,000-300,000บาท

มาริโอ้ เมาเร่อ

อันดับที่3 เจมส์ จิรายุ ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่100,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่15ล้านบาท และค่าอีเว้นเริ่มต้นที่300,000บาท

เจมส์ จิรายุ

อันดับที่2 ณเดช คูกิมิยะ ค่าตัวต่อตอนละครอยู่ที่200,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่15ล้านบาท และค่างานอีเว้น้ริ่มต้นที่350,000-400,000บาท

ณเดช คูกิมิยะ

อันดับที่1 เบิร์ด ธงชัย เรียกว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ยอดนิยมตลอดกาล เลยก็ว่าได้ค่าตัวละครต่อตอนอยู่ที่200,000บาท ค่าโฆษณาเริ่มต้นที่30ล้านบาท และค่าอีเว้นเริ่มต้นที่200,000-300,000บาท

เบิร์ด ธงชัย

เรียบเรียงโดย DPSNews

ขอบคุณข้อมูลจาก พันทิป

ฮือฮา! ภาพยนตร์ไทยเรื่อง….กำลังโด่งดังในต่างประเทศ 10กว่าประเทศซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว


วันนี้DPSNews จะมาทำเสนอเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยทีดังในไทยเเละต่างประเทศ นั่นก็คือเรื่อง “ฉลาดเกมส์โกง” ซึ่งตอนนี้หลาย 10 ประเทศ ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปเเล้ว โดยทำรายได้ทะลุร้อยล้านไปเเล้ว ข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยคือ “ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง”ได้รับรางวัล “Screen International Rising Star Asia Award” หรือนักแสดงดาวรุ่งแห่งเอเชีย จากเทศกาล New York Asian Film Festival 2017 อีกด้วย ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นหนังเปิดเทศกาลดังกล่าว

ภาพยนตร์เรื่องแรกของปี 60 จาก GDH “ฉลาดเกมส์โกง” โดยผู้กำกับ “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” ห่างหายจากงานภาพยนตร์ไปกว่า 5 ปีกลับมาพร้อมเรื่องราวของเด็กฉลาดกลุ่มหนึ่งที่ใช้การสอบเป็นช่องทางในการหาเงิน

นำแสดงโดย นน-ชานน สันติธรกุล, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธ์ภิญโญ, ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และ อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ

เรื่องย่อ ภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง

17390827_1387016007986930_4805664037591317444_o 

ทุกครั้งที่ฝนดินสอลงกระดาษสอบ ล้วนมีความหมาย ลิน  (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) นักเรียนสายเรียนดี เจ้าของ เกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกปีการศึกษา แต่ด้วยการที่เธอมักจะต้องช่วยบอกข้อสอบให้กับเพื่อนซี้อย่าง  เกรซ (อิษยา ฮอสุวรรณ) นักเรียนสายกิจกรรมแต่ผลการเรียนกลับสวนทางและ พัฒน์ (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยในและมีแนวคิดว่าเงินซื้อทุกอย่างได้แม้กระทั่งคำตอบของข้อสอบ ทำให้ ลิน ฉุกคิดธุรกิจให้ลอกข้อสอบนี้ขึ้นมาได้ และสร้างรายได้ให้เธออย่างเป็นกอบเป็นกำ  และเมื่อการสอบสุดท้ายท้าย อย่าง STIC  ใกล้เข้ามาถึง นักเรียนหลายร้อยคนต่างคาดหวังจะนำคะแนนสอบเหล่านี้เปิดทางเข้าสู่เหล่ามหาลัยชั้นนำ

17504323_1387016794653518_3341145408998551656_o

ลินจึงได้รับโจทย์ใหม่ ในการบอกข้อสอบสุดท้าทายครั้งนี้ โดยเธอตัดสินใจบินไปสอบที่ประเทศเร็วกว่าไทย เพื่อรีบนำมาบอกข้อสอบแก่เหล่าลูกค้าของเธอ โดยเธอต้องหาผู้ช่วยอย่าง  แบงค์ (นน ชานน สันตินธรกุล)  นักเรียนทุนคู่แข่ง ที่ไม่ชอบการทุจริตใดๆ  ในขณะที่เดิมพันเงินรางวัลที่สูงมากขึ้น ความยากในการโกงข้อสอบและความปลอดภัยของพวกเธอก็สูงขึ้นเช่นกัน

17436088_1387017304653467_1092366169078020359_o

ภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง กำกับโดย นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ซึ่งผลงานที่ผ่านมา ก็คือภาพยนตร์ไทยแนวใหม่อย่าง เคาท์ดาวน์ นั่นเอง

ตัวละครใน ภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง

17434603_1387016111320253_3140396395815960369_o

ลิน รับบทโดย  ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง

17436177_1387016511320213_7014049178516781382_o

เกรซ  รับบทโดย อิษยา ฮอสุวรรณ

17504629_1387016377986893_4702690851080789965_o

พัฒน์ รับบทโดย  ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ

17436045_1387016214653576_5201536110348637627_o

แบงค์ รับบทโดย  นน ชานน สันตินธรกุล

โปสเตอร์แบบคาเรกเตอร์ตัวละคร

ChalardGamesGoeng

ตัวอย่างภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง

ขอบคุณเรื่องย่อจาก http://www.metalbridges.com/chalardgamesgoeng-gdh-2017/ เรียบเรียงโดยDPSNews

ปังสุด! “น้ำตาล ชลิตา”เเละ”ฝ้าย สุภาพร” ติดโผ 20 สาวงามโลก


เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมของเวทีขาอ่อนโลก ที่เมื่อประกวดเสร็จสิ้นลงแล้วทุกเวที เว็บไซต์ globalbeauties จะรวบรวมสาวงามผู้เข้าประกวดระดับแกรนด์สแลมในเวทีต่างๆ ทั้งมิสยูนิเวิร์ส มิสเวิลด์ มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มิสอินเตอร์เนชั่นแนล และมิสซูปราเนชั่นแนล มาจัดอันดับตัวท็อปของวงการ

ซึ่งปีนี้ เว็บไซต์ โกลบอลบิวตี้ ได้ประกาศผลสาวงามที่ติดอันดับ ที่สุด 20 สาวงามของปี 2016 ซึ่งสาวไทยเองก็มีชื่อติดอันดับถึง 2 คน ได้แก่ ฝ้าย- สุภาพร มะลิซ้อน มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2016 รองอันดับ 2 มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล และ น้ำตาล – ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ซึ่งสามารถผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายบนเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

และสำหรับสาวงามคนอื่นๆที่ติดอันดับ 20 คนสุดท้าย อาทิ ไอริส มิตเตอแนร์ มิสยูนิเวิร์ส 2016 จากประเทศฝรั่งเศส, อาริสกา ปูตรี เปอร์ตีวี มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2016 จากประเทศอินโดนีเซีย ,สเตฟานี เดล วอลเล มิสเวิลด์ 2016 จากเปอร์โต ริโก และ ศรีนิธิ เซตตี มิสซูปราเนชั่นแนล 2016 จากประเทศอินเดีย

น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์

ฝ้าย สุภาพร มะลิซ้อน

ที่มา https://goo.gl/4BJHVS  เรียบเรียงโดยDPSNews

เสียประตูช่วงทดเจ็บ ไทยเสมอยูเออี 1-1

ประมวลภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเซีย 12 ทีมสุดท้าย ‘ทีมชาติไทย’ 1 – 1 ‘ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์’ วันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2560

ภาพจาก BBTV Channel7

ประวัติศาสตร์ ชาวจีนอพยพมาประเทศไทย ย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี


เมื่อครั้งสมัยสุโขทัย
ชาวจีนเริ่มเดินเรือสำเภามาค้าขายในดินแดนสุวรรณภูมิตั้งแต่ก่อนสมัยอาณาจักรสุโขทัย แต่หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือ เมื่อชาวจีนมาสอนการทำเครื่องถ้วยชาม โดยเฉพาะเครื่องสังคโลก

สมัยกรุงศรีอยุธยา
ชาวจีนได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่มาก โดยส่วนมากจะมาจากตอนใต้ของประเทศจีน เพื่อมาตั้งรกรากและทำการค้า

สมัยกรุงธนบุรี
เมื่อครั้นเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2310 – พ.ศ. 2312 จักรวรรดิจีนได้ถูกรุกรานโดยพม่าที่กำลังขยายแสนยานุภาพ จักรพรรดิจีนในสมัยนั้นได้ส่งกองกำลังไปปราบปรามพม่าถึง 4 ครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ฝ่ายจีนก็ได้เบนความสนใจมาที่กองทัพพม่าในอาณาจักรอยุธยา ซึ่งกำลังถูกพม่ายึดครอง ขุนพลไทยนาม “สิน” ซึ่งมีบิดาเป็นคนจีน และมารดานาม นกเอี้ยง ซึ่งเป็นชาวสยาม ได้ใช้สถานการณ์ที่ได้เปรียบนี้ทำให้สามารถกอบเรา้เอกราชให้สยามได้สำเร็จ ขุนพลท่านนั้นต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี แห่งกรุงธนบุรี หรือที่ชาวจีนขนามนามว่า แต้อ๊วง ด้วยความที่ว่าบิดาสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นคนจีน
เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ชาวจีนแต้จิ๋วได้เข้ามาทำการค้า และอพยพมายังกรุงธนบุรีเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชากรชาวจีนโพ้นทะเลในไทย เพิ่มขึ้นจาก 230,000 คนใน พ.ศ. 2368 เป็น 792,000 คนใน พ.ศ. 2453 และใน พ.ศ. 2475 ประชากรไทยถึง 12.2% เป็นชาวจีนโพ้นทะเล

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
การอพยพของชาวจีนยุคแรก ส่วนมากเป็นผู้ชาย อาศัยอยู่ในสำเพ็งและบริเวณใกล้เคียง เมื่อเข้ามาตั้งรกรากแล้วก็จะแต่งงานกับผู้หญิงไทย และกลายเป็นค่านิยมในสมัยนั้น ลูกหลานจากการแต่งงานข้ามเชื้อชาตินี้เรียกว่า ลูกจีน แต่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้ กระแสการอพยพเริ่มเปลี่ยนไป ผู้หญิงจีนอพยพเข้ามาในสยามมากขึ้น จึงทำให้การแต่งงานข้ามเชื้อชาติลดลง
การคอรัปชั่น ในรัฐบาลราชวงศ์ชิง และการเพิ่มขึ้นของประชากรในประเทศจีน ประกอบกับการเก็บภาษีที่เอาเปรียบ ทำให้ชายชาวจีนจำนวนมากมุ่งสู่สยามเพื่อหางานและส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวในประเทศจีน ขณะนั้นชาวจีนจำนวนมากต้องจำยอมขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีเพาะปลูกของทางการ

ในรัชสมัยปลายรัชกาลที่ 3 ประเทศไทยต้องระวังผลกระทบจากการที่ฝรั่งเศสได้ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และอังกฤษได้มลายูเป็นอาณานิคม ในขณะเดียวกัน ชาวจีนจากมณฑลยูนนานก็เริ่มไหลเข้าสู่ประเทศไทย กลุ่มชาวไทยชาตินิยมจากทุกระดับจึงได้เกิดความคิดต่อต้านชาวจีนขึ้น หลายร้อยปีก่อนหน้านี้ ชาวจีนกุมเศรษฐกิจการค้าส่วนใหญ่ไว้ และยังได้รับอำนาจผูกขาดการค้าและรวมถึงการเป็นนายอากรเก็บภาษีซึ่งเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 3 ด้วย ในขณะนั้นอิทธิพลทางการค้าของชาติตะวันตกก็สูงขึ้น ทำให้พ่อค้าขาวจีนหันไปขายฝิ่นและเป็นนายอากรมากขึ้น นอกจากนี้ เจ้าของโรงสีและพ่อค้าข้าวคนกลางชาวจีนยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสยามในปีซึ่งกินเวลาเกือบ 10 ปี หลังปี พ.ศ. 2448 ด้วย

การให้สินบนขุนนาง กลุ่มอันธพาลอั้งยี่ และการเก็บภาษีอย่างกดขี่ ทั้งหมดนี้จุดประกายให้คนไทยเกลียดชังคนจีนมากขึ้น ในขณะเดียวกันอัตราการอพยพเข้าประเทศไทยก็มากขึ้น ในพ.ศ. 2453 เกือบ 10 % ของประชากรไทยเป็นชาวจีน ซึ่งผู้อพยพใหม่เหล่านี้มากันทั้งครอบครัวและปฏิเสธที่จะอยู่ในชุมชนและสังคมเดียวกับคนไทย ซึ่งต่างกับผู้อพยพยุคแรกที่มักแต่งงานกับคนไทย ซุน ยัตเซ็น ผู้นำการปฏิวัติประเทศจีน ได้เผยแพร่ความคิดให้ชาวจีนในประเทศไทยมีความคิดชาตินิยมจีนให้มากขึ้นเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ชุมชนชาวจีนจะสนับสนุนการตั้งโรงเรียนเพื่อลูกหลานจีนโดยเฉพาะโดยไม่เรียนรวมกับเด็กไทย ในปี พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ชาวต่างชาติในประเทศไทยจดทะเบียนเป็นคนต่างด้าว เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวจีนจำนวนมากต้องเลือกว่าจะเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์หรือจะยอมเป็นคนต่างด้าว

ชาวไทยเชื้อสายจีนจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารซึ่งเริ่มในประมาณพ.ศ. 2475 ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม มีการประกาศอาชีพสงวนของคนไทยเท่านั้น เช่น การปลูกข้าว ยาสูบ อีกทั้งประกาศอัตราภาษีและกฏการควบคุมธุรกิจของชาวจีนใหม่ด้วย
ในขณะที่มีการปลุกระดมชาตินิยมจีนและไทยขึ้นพร้อมกัน ในปี พ.ศ. 2513 ลูกหลานจีนที่เกิดในไทยมากกว่า 90 % ถือสัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ และเมื่อมีการเจริญความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการแล้วในปี พ.ศ. 2518 ชาวจีนที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย ก็มีสิทธิที่จะเลือกที่จะถือสัญชาติไทยได้

ข้อมูลจากhttps://my.dek-d.com/mote/blog/เรียบเรียงโดยDPSNwes