20 อนิเมะและมังงะยอดนิยมจากชาว Tumblr


อนิเมะและมังงะของประเทศญี่ปุ่นนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศญี่ปุ่นหรือแถบเอเชียเท่านั้น เว็บไซต์ Tumblr Fandometrics ประจำสัปดาห์นี้ก็ได้เปิดให้เหล่าผู้ใช้งานซึ่งมีหลากหลายจากทุกมุมโลกได้เข้าร่วมโหวตหาอนิเมะและมังงะที่พวกเขาชื่นชอบมากที่สุด โดยเรื่องที่ได้คะแนนสูงสุด 20 อันดับแรกมีดังนี้

20. Hagane no Renkinjutsushi แขนกลคนแปรธาตุ

19. Hetalia พลังอักษะ เฮตาเลีย

18. Yu-Gi-Oh! เกมกลคนอัจฉริยะ

17. Mob Psycho 100 คนพลังจิต

16. Free!

15. One Piece วันพีซ

14. Kuroshitsuji คนลึกไขปริศนาลับ

13. Bungou Stray Dogs คณะประพันธกรจรจัด

12. Sailor Moon เซเลอร์มูน

11. Little Witch Academia

อันดับ 10 เป็นต้นไปมีดังนี้

10. Danganronpa

9. Boruto: Naruto Next Generation

8. Tokyo Ghoul

7. Jojo no Kimyou na Bouken โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ

6. My Hero Academia

5. Fairy Tail แฟรี่เทล ศึกจอมเวทอภินิหาร

4. Haikyuu!! ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน

3. Killing Stalking

2. Shingeki no Kyojin ผ่าพิภพไททัน

1. Yuri!!! on ICE

ที่มาhttp://anitime.in.th/news/anime-manga-ranking-tumblr-famdometrics/

อ่านเลย! วิธีปลูกทุเรียนยังไง! ให้ต้นโตเร็วเเละออกลูกดก


วิธีปลูกทุเรียน ปลูกยังไง! ให้ต้นโตเร็วเเละออกลูกดก

สภาพดิน ควรเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี และมีหน้าดินลึก เพราะทุเรียนเป็นพืชที่อ่อนแอต่อสภาพน้ำขัง และความเป็นกรดด่างของดินอยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 6.5 หากจำเป็นต้องปลูกทุเรียนในสภาพดินทราย จำเป็นจะต้องนำหน้าดินจากแหล่งอื่นมาเสริม ต้องใส่ปุ๋ยคอกรวมถึงต้องมีการดูแลเรื่องการให้น้ำมากเป็นพิเศษ และแหล่งน้ำต้องเพียงพอด้วย ต้องมีแหล่งน้ำจืดให้ต้นทุเรียนได้เพียงพอตลอดทั้งปี ต้นกล้าที่นำมาปลูกควรอายุ 1 ขึ้นไป

การเตรียมพื้นที่ ต้องปรับพื้นที่ก่อนที่จะกำหนดผังปลูกและติดตั้งระบบน้ำ โดยปรับพื้นที่ให้ราบไม่ให้มีแอ่งที่น้ำท่วมขังได้ และถ้าเป็นไปได้ควรปรับเป็นเนินลูกฟูกเพื่อปลูกทุเรียนบนสันเนิน ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวด้านละ 9 เมตร ปลูกได้ไร่ละ 20 ต้น หรือ 8 ถึง 10 X 8 ถึง10 เมตร ปลูกทุเรียนได้ประมาณ 16 ถึง 25 ต้นต่อไร่ และการทำสวนขนาดใหญ่ ควรขยายระยะระหว่างแถวให้กว้างขึ้นเพื่อสะดวกต่อการนำเครื่องจักรกลต่างๆ ไปทำงานในระหว่างแถว นอกจากนี้ในการวางแนวกำหนดแถวปลูก จะต้องคำนึงถึงแนวปลูกขวางความลาดเทของพื้นที่ หรืออาจกำหนดในแนวตั้งฉากกับถนน หรือกำหนดแถวปลูกไปในแนวทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก และถ้ามีการจัดวางระบบน้ำจะต้องพิจารณาแนวทางจัดวางท่อในสวนด้วย จากนั้นจึงปักไม้ตามระยะที่กำหนดเพื่อขุดหลุมปลูกต่อไป

วิธีการปลูก

การปลูกทุเรียนสามารถทำได้ทั้งการขุดหลุมปลูก ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ที่ค่อนข้างแล้งและยังไม่มีการวางระบบน้ำไว้ก่อนปลูก ซึ่งวิธีนี้ดินในหลุมจะช่วยเก็บความชื้นได้ดีขึ้น แต่หากมีฝนตกชุก มีน้ำขังจะทำให้รากเน่าและต้นทุเรียนตายได้ง่าย ส่วนการปลูกโดยไม่ต้องขุดหลุม (ปลูกแบบนั่งแท่นหรือยกโคก) เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก วิธีนี้ทำให้มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังบริเวณโคนต้น แต่ต้องวางระบบน้ำให้ดีก่อนปลูก ซึ่งต้นทุเรียนจะเจริญเติบโตเร็วกว่าการขุดหลุม ทั้งนี้จุดเน้นที่สำคัญ คือ ควรใช้ต้นกล้าที่มีขนาดเล็ก มีระบบรากดี ไม่ขดงอ แต่หากจะปลูกด้วยต้นกล้าขนาดใหญ่ควรตัดแต่งรากที่ขดงอทั้งที่ก้นถุงและด้านข้าง รวมทั้งควรมีการพรางแสงให้กับต้นทุเรียนที่ปลูกใหม่ด้วยตาข่ายพรางแสงหรือ(ทาง) ใบมะพร้าว หรือปลูกไม้ที่ให้ร่มเงา เช่น กล้วย เป็นต้น

ฤดูปลูก
หากมีการจัดระบบการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลให้น้ำกับต้นทุเรียนได้สม่ำเสมอช่วงหลังปลูก และควรปลูกตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน แต่ถ้าหากจัดระบบน้ำไม่ทันหรือยังไม่อาจดูแลเรื่องน้ำได้ ควรจะปลูกในช่วงต้นฤดูฝน

การให้น้ำ
การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง

การตัดแต่งกิ่ง
เริ่มตัดแต่งกิ่งหลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 ถึง 1.5 ปี เพื่อให้ต้นทุเรียนมีโครงสร้างและทรงพุ่มที่ดี และการตัดแต่งกิ่งจะต้องเว้นลำต้นเดี่ยว และเว้นกิ่งประธานกิ่งแรกสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร และไว้กิ่งให้เรียงเป็นระเบียบ เหมาะแก่การไว้ผลและไม่บดบังแสงแดดซึ่งกันและกัน และจะต้องควบคุมความสูงของลำต้นไว้ที่ประมาณ 7 เมตร

การใส่ปุ๋ย
ในปีแรกหลังปลูก ควรใส่ปุ๋ยและทำโคน จำนวน 4 ครั้ง (การทำโคน หมายถึง การกำจัดวัชพืชใต้ทรงพุ่ม ถากดินรอบนอกทรงพุ่มมาพูนกลบใต้ทรงพุ่มในลักษณะลาดเอียงจากต้นพันธุ์ออกไปโดยรอบ และหลีกเลี่ยงการถากดินบริเวณโคนต้นเพราะระบบรากทุเรียนที่อยู่ค่อนข้างตื้นใกล้ผิวดินจะได้รับอันตราย และชะงักการเจริญเติบโต หรือทำให้โรครากเน่าโคนเน่าเข้าทำลายได้ง่ายขึ้น) โดยควรใส่ปุ๋ยและทำโคนครั้งที่ 1 หลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นก็ทำต่อเนื่องกันจนถึงสิ้นปี และควรใส่ปุ๋ยและทำโคนเดือนเว้นเดือน

โดยในแต่ละครั้งควรใส่ปุ๋ยในปริมาณ ดังนี้ ครั้งที่ 1 ถึง 3 ใส่ปุ๋ยคอก จำนวน 5 กิโลกรัมต่อต้น
ครั้งที่ 4 ใส่ปุ๋ยคอก 5 กิโลกรัมต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 150-200 กรัมต่อต้น ปีต่อๆ ไป (ระยะที่ต้นทุเรียนยังไม่ให้ผลผลิต) ควรใส่ปุ๋ยและทำโคนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ในช่วงต้นฤดูฝนและหลังฤดูฝน โดยควรใส่ปุ๋ยในปริมาณ ดังนี้

ปุ๋ยคอก อัตราเป็นบุ้งกี๋ต่อต้นต่อปี เท่ากับ 2 เท่าของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) แบ่งใส่ 2 ครั้งต่อปี ยกตัวอย่าง เช่น ต้นทุเรียนมีเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 3 เมตร ควรใส่ปุ๋ยคอกปีละ 6 บุ้งกี๋ หรือ 13.5 กิโลกรัม แบ่งใส่ 2 ครั้ง (2.25 กิโลกรัม = 1 บุ้งกี๋)

ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตราเป็นกิโลกรัมต่อต้นต่อปี เท่ากับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) แบ่งใส่ 2 ถึง 4 ครั้งต่อปี ยกตัวอย่าง เช่น ต้นทุเรียนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ทรงพุ่ม 3 เมตร ควรใส่ปุ๋ยเคมีปีละ 3 กิโลกรัม แบ่งใส่ 2 ถึง 4 ครั้งต่อปี

การตัดแต่งดอก
ทำการตัดแต่งดอกหลังจากออกดอก 5 สัปดาห์ ควรตัดแต่งช่อดอกบนกิ่งขนาดเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลางกิ่งน้อยกว่า 2 เซนติเมตร) หรือดอกที่อยู่ปลายกิ่งทิ้งให้เหลือเฉพาะดอกรุ่นเดียวกันในกิ่งเดียวกัน ให้มีจำนวนช่อดอกประมาณ 3 ถึง 6 ช่อดอกต่อความยาวกิ่ง 1 เมตร แต่ละช่อดอกห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร

การตัดแต่งผล
ครั้งที่ 1 เมื่อผลอายุ 4 ถึง 5 สัปดาห์หลังดอกบาน ตัดแต่งผลที่มีขนาดเล็ก รูปทรงบิดเบี้ยว และไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการออก เหลือผลไว้ประมาณ 2 ถึง 3 เท่าของจำนวนผลที่ต้องการไว้จริง ครั้งที่ 2 เมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์หลังดอกบาน ระยะนี้ผลที่ปกติจะมีการขยายตัวด้านยาว สีผิวเขียวสดใส หนามมีขนาดปกติเรียวเล็ก ถ้าตรวจพบผลที่มีพัฒนาการผิดปกติ มีขนาดเล็ก หนามแดง หรือมีโรคแมลงเข้าทำลาย ให้ตัดทิ้ง (กรมวิชาการเกษตร)

การดูแลในช่วงติดผลแล้ว มีนาคม- เมษายน

1. ตัดแต่งผลครั้งที่ 1 หลังดอกบาน 3-4 สัปดาห์ ตัดแต่งผลที่มีรูปทรง บิดเบี้ยว ผลขนาดเล็กหรือผลต่างรุ่น ผลที่อยู่ใน ตำแหน่งไม่เหมาะสม เช่น ปลายกิ่ง ด้านข้างของ กิ่ง และผลที่ติดเป็นกระจุกใหญ่ ๆ ออกเหลือผล ที่ดีไว้มากกว่าที่ต้องการจริง 50 %ครั้งที่ 2 หลังดอกบาน 6-8 สัปดาห์ ตัดผลที่มีขนาดเล็กกว่า ผลอื่นในรุ่นเดียวกัน ผลบิดเบี้ยว ผลที่มีอาการ หนามแดงครั้งที่ 3 ตัดแต่งครั้งสุดท้ายตัดผลขนาดเล็ก ผลบิดเบี้ยว ผลก้นจีบออก จะเหลือผลที่มีขนาดและรูปทรง สม่ำเสมอ ในปริมาณเท่ากับที่ต้องการจริง เมื่อตัดแต่งผลครั้งสุดท้ายเสร็จ ควรโยงกิ่งหรือใช้ไม้ไผ่ค้ำ เพื่อป้องกันกิ่ง หักจากน้ำหนักผลที่มากขึ้น ป้องกันผลร่วงในพื้นที่มีลมแรง

2. การใส่ปุ๋ย หลังจากติดผลแล้ว 5-6 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเร่งการเจริญของผล เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อ ถ้าต้นทุเรียนขาดความสมบูรณ์ ใบเล็ก ใบซีด ไม่เขียวเข้ม ควรให้ปุ๋ยทางใบเสริมในช่วงสัปดาห์ที่ 5-10 หลังดอกบาน เพื่อช่วยให้ผลทุเรียนเจริญดีขึ้น

3. การควบคุมไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนถ้าทุเรียนแตกใบอ่อนในช่วงติดผล ใบอ่อนและผทุเรียน จะแย่งอาหารกันและเกิดผลเสีย ผลอ่อนร่วง รูปทรงลูกบิดเบี้ยว เนื้อคุณภาพ ด้อยเป็นเต่าเผา เนื้อแกน ถ้าพบว่าทุเรียนจะแตกใบอ่อน โดยสังเกตเห็นเยื่อหุ้มตา เริ่มเจริญหรือเรียกระยะหางปลา

4. การรดน้ำ ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ ตลอดช่วงที่กำลังติดผล 5. จดบันทึกวันดอกบาน ของแต่ละรุ่น แต่ละต้นไว้ พร้อมกับทำเครื่องหมายไว้โดยใช้เชือกสีที่แตกต่างกันในการค้ำกิ่งที่ติดผล แต่ละรุ่นเพื่อความสะดวกในการเก็บเกี่ยว

5. การป้องกันกำจัดโรคแมลง ตรวจสอบและป้องกันกำจัด โรคผลเน่า หนอนเจาะผล ทุเรียน ไรแดง เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยหอย

6. การป้องกันหนูหรือกระรอก เข้าทำลายกัดกินทุเรียน ถ้าสวนมีสัตว์รบกวนควรหาวิธีป้องกันดังนี้
– ทำความสะอาดเก็บ สิ่งของที่รกร้างกิ่งไม้รอบสวน เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัย ของหนูกระรอก
– ตัดกิ่งไม้บริเวณรอบต้นทุเรียนของต้นไม้อื่นๆเพื่อตัดเส้นทางหนูได้
– นำสังกะสีแผ่นเรียบกว้าง 30 เซนติเมตร ยาวตามขนาดของต้นพันรอบโค่นต้นทุเรียน เป็นการป้องได้เฉพาะหนู
– การป้องอีกวิธีหนึ่งคือการห่อ ให้ใช้ถุงพลาสติกใส่ขนาด 40×60 เซนติเมตร ตัดก้น ถุงและตัดข้างยาว 30 เซนติเมตร นำมาห่อทุเรียน ควรห่อให้คลุมตั้งแต่กิ่งที่ลูกทุเรียน นั้นติดอยู่ปล่อยชายถุงให้อากาศถ่ายเท่ได้สะดวก ป้องกันได้ทั้งหนู กระรอก นก
ขอบคุณข้อมูลจาก : farmlandthai เรียบเรียงโดย DPSNews

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน”บิ๊กบี้” ลั่น!! ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท


เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2560 -นายสุทธิ สุโกศล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าวสาร กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเล โดยได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานจัดประชุมผู้ประกอบการประมงจังหวัด 11 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา ตรัง ตราด สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระนอง สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ปัตตานี กระบี่ นายกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายตามข้อเสนอแนะของสหภาพยุโรป บรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในมาตรการระยะสั้นอย่างเร่งด่วน    พร้อมทั้งรับทราบสภาพการจ้าง อัตราค่าจ้าง สวัสดิการต่าง ๆ สัญญาจ้าง เป็นต้น

        ในเบื้องต้น ที่ประชุมมีข้อเสนอเกี่ยวกับค่าตอบแทน โดยให้จ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 12,000 บาท พร้อมจัดสวัสดิการ จัดที่พัก และอาหารให้แก่แรงงาน รวมทั้งรับผิดชอบในการรักษาพยาบาล โดยจัดทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังเสนอให้คณะกรรมการค่าจ้างปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราวันละไม่น้อยกว่า 400 บาทอีกด้วย

          นายสุทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการพร้อมให้การสนับสนุนนโยบายนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบ G TO G ซึ่งในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นั้น กระทรวงแรงงานจะนำข้อเสนอเข้าคณะอนุกรรมการค่าจ้างต่อไป

          รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการค่าจ้าง  ที่มีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ  ปลัดกระทรวงแรงงาน  เป็นประธานจะมีการนำข้อเสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท เข้าที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้

ขอบคุณที่มาคมชัดลึก เรียบเรียงโดยDPSNews

ด่วน!มาแล้ว บ้านเช่าผู้มีรายได้น้อยเดือนละ 1,400 บาท รัฐบาลจัดให้ เช็คเลยใครมีสิทธิจอง


วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติจัดทำโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี พ.ศ. 2559 – 2568 และแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติปี 2558 – 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ที่ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยประเภทเช่าที่ได้มาตรฐานในตลาดได้ ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมาย คือ ครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยที่มีครัวเรือนเฉลี่ยประมาณ 3 – 4 คน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้รับจ้างทั่วไป พนักงานบริษัท พ่อค้าแม่ค้า และผู้ที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี       โครงการนี้จะดำเนินการทั้งหมด 14 โครงการ รวม 4,388 หน่วย เป็นโครงการในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล 1,029 หน่วย และโครงการภูมิภาค จำนวน 3,359 หน่วย รองรับประชาชนได้ประมาณ 15,000 คน ลงทุนรวม 2,057 ล้านบาท โดยจะเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเต็มจำนวน พื้นที่ดำเนินการตั้งอยู่ในโครงการเคหะชุมชน หรือโครงการเมืองใหม่ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 11 โครงการ และโครงการบนที่ดินราชพัสดุในเขตเมืองอีก 3 โครงการ คิดอัตราค่าเช่าประมาณ 1,400 – 2,400 บาทต่อเดือน

“รูปแบบอาคารจะสูง 3 – 5 ชั้น 1 ห้องนอนขนาด 28 ตารางเมตร และจะมีการจัดสรรห้องพักร้อยละ 10 ของอาคารเป็นที่อยู่อาศัยของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุ หรือ ผู้พิการด้วย ซึ่งแผนนี้จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 คาดว่า จะแล้วเสร็จในปี 2561 จำนวน 2,271 หน่วย และในปี 2562 อีก 1,617 หน่วย นอกจากนี้ทางเลขาธิการนายกฯ เสนอว่า สำหรับคุณสมบัติผู้เช่าให้การเคหะใช้ฐานผู้มีรายได้น้อยตามการลงทะเบียนของกระทรวงการคลัง เข้าไปร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งนายกฯ ระบุว่า อยากให้การดำเนินการเป็นไปในรูปแบบประชารัฐ และให้พิจารณาอาคารอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้งานมาปรับปรุงให้เป็นที่อยู่ของประชาชนต่อไป” พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติจัดทำโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ปี 2559 ระยะที่ 1 ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี พ.ศ.2559-2568 และแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติปี 2558-2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยทั่วประเทศที่ไม่สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยประเภทเช่าที่ได้มาตรฐานในตลาดได้ ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายคือครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยที่มีครัวเรือนเฉลี่ยประมาณ 3-4 คน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้รับจ้างทั่วไป พนักงานบริษัท พ่อค้าแม่ค้าและผู้ที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี

พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้จะดำเนินการทั้งหมด 14 โครงการ รวม 4388 หน่วย เป็นโครงการในพื้นที่กทม. และปริมณฑล 1029 หน่วย และโครงการภูมิภาค จำนวน 3359 หน่วย รองรับประชาชนได้ประมาณ 15,000 คน ลงทุนรวม 2,057 ล้านบาท โดยจะเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเต็มจำนวน พื้นที่ดำเนินการตั้งอยู่ในโครงการเคหะชุมชนหรือโครงการเมืองใหม่ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 11 โครงการ และโครงการบนที่ดินราชพัสดุในเขตเมืองอีก 3 โครงการ คิดอัตราค่าเช่าประมาณ 1,400-2,400 บาทต่อเดือน

“รูปแบบอาคารจะสูง 3-5 ชั้น 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร และจะมีการจัดสรรห้องพักร้อยละ 10 ของอาคารเป็นที่อยู่อาศัยของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการด้วย ซึ่งแผนนี้จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 จำนวน 2,271 หน่วย และในปี 2562 อีก 1617 หน่วย นอกจากนี้ทางเลขาธิการนายกฯ เสนอว่า สำหรับคุณสมบัติผู้เช่าให้การเคหะใช้ฐานผู้มีรายได้น้อยตามการลงทะเบียนของกระทรวงการคลังเข้าไปร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งนายกฯ ระบุว่า อยากให้การดำเนินการเป็นไปในรูปแบบประชารัฐและให้พิจาณาอาคารอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้งานมาปรับปรุงให้เป็นที่อยู่ของประชาชนต่อไป”พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว


ที่มา : Tnews เรียบเรียงโดย DPSNews

สุดยอด!วิธีปลูก“ไผ่ตงลืมแล้ง” เพียง 1 ไร่ ให้ได้กำไรมากกว่าปีละ 2 แสน

ไผ่เศรษกิจรสชาติดีให้หน่อดกทนแล้งได้ดีให้หน่อได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี

“ไผ่ตงลืมแล้ง” เป็นพืชที่ปลูกและดูแลไม่ยาก แต่หากเริ่มต้นไม่ถูกวิธีหรือเริ่มต้นแบบงูๆ ปลาๆ ก็อาจจะก่อปัญหาสร้างความกวนใจให้ผู้ปลูกไผ่ตงลืมแล้งมิใช่น้อย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราลองมาดูวิธีการเริ่มต้นปลูกไผ่ตงลืมแล้ง เพื่อสร้างรายได้ให้กับเราดีกว่าการปลูกไผ่ตงลืมแล้งอย่างถูกวิธี

ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกไผ่ตงลืมแล้งควรจะปลูกช่วงต้นฤดูฝน หรือราวเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เนื่องจากในช่วงเริ่มแรกของการปลูกไผ่ตงลืมแล้ง ตัวของต้นไผ่เองต้องการน้ำมากจะขาดน้ำไม่ได้เลย เพราะไผ่ตงลืมแล้งต้องนำไปใช้เลี้ยงลำและสร้างหน่อใหม่

การเตรียมพื้นที่ในการปลูกไผ่ตงลืมแล้ง

หากพื้นที่ที่จะปลูกไผ่ตงลืมแล้งมีต้นไม้ใหญ่อยู่ ก็ควรที่จะตัดโค่นไม้ใหญ่ออก เพราะจะไปแย่งอาหารจากไผ่ถ้า ไม่เช่นนั้นไผ่จะโตช้าและต้องให้ปุ๋ยมากกว่าปกติ ถ้าเป็นพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำจะดีมาก เพราะไผ่ตงลืมแล้งเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก โดยส่วนใหญ่แล้วไผ่ทั่วไปไม่ชอบน้ำขัง แต่สำหรับไผ่ตงลืมแล้งถึงแม้ว่าจะโดนน้ำท่วมขังก็ไม่ตาย ท่านเลือกพื้นที่ที่จะทำการปลูกได้แล้ว เราจะเริ่มการเตรียมพื้นที่ปลูกโดยการไถหยาบตากแดดให้ดินแห้งเพื่อกำจัดเชื้อราและวัชพืชบางชนิด ทิ้งไว้ สัก 5-7 วัน ไถละเอียดอีกครั้งเป็นอันใช้ได้

จำนวนกิ่งพันธุ์ไผ่ตงลืมแล้งที่จะใช้ปลูก ต่อ 1ไร่

โดยส่วนใหญ่ผู้ปลูกไผ่ตงลืมแล้งจะนิยมปลูกไผ่ที่ระยะ 3*4 เมตร คือระยะห่างระหว่างต้น 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถว 4 เมตร ใช้กิ่งพันธุ์ประมาณ 120 กิ่งโดยมีหลักการคำนวนดังนี้

                1 ไร่ = 400 ตารางวา โดยที่ 1 วา = 4 เมตร ดังนั้นพื้นที่1 ไร่ = 1,600 ตาราเมตร

                พื้นที่ 1,600 ตารางเมตร. จะมีพื้นที่ขนาด กว้าง x ยาว = 40 เมตร x 40 เมตร.

                ต้องการปลูกระยะระหว่างแถว 4 เมตร จะสามารถปลูกไผ่ตงลืมแล้งได้ 40 เมตร/ 4 เมตร = 10 แถว

                ต้องการปลูกระยะระหว่างต้น 3 เมตร ต้องใช้กิ่งพันธุ์ไผ่ตงลืมแล้ง 40/ 3 = 12 ต้น

                พื้นที่ 1 ไร่ จะใช้กิ่งพันธุ์ไผ่ตงลืมแล้งทั้งหมด ( 10 x 12 ต้น) = ต้น

หากปลูกที่ระยะน้อยกว่านี้ การเข้าไปดูแลจัดการสวนจะทำได้ยากและไม่สะดวก อีกทั้งไผ่ยังจะแย่งอาหารกันเองทำให้ต้องให้ปุ๋ยไผ่บ่อยกว่าเดิม

การปลูกไผ่ตงลืมแล้ง

1. ขุดหลุมปลูกให้ได้ขนาดประมาณ 40 x 40 x 40 ซ.ม. แต่ขนาดของหลุมก็ขึ้นอยู่กับสภาพของดินถ้าเป็นร่วนปนทรายหลุมก็ไม่จำเป็นต้องใหญ่ บางพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวหลุมที่ปลูกก็จะเล็กลงมาหน่อย ระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ 3 x 4 เมตร โดยขุดหลุมและนำดินขึ้นมากองไว้ใส่ปุ๋ยคอกผสมกับหน้าดินที่ขุดขึ้นมาลงไปประมาณ 0.5-1.0 กิโลกรัม แนะนำให้ใส่ยาฆ่าแมลงฟูราดานลงไปด้วย 1 ช้อนชาเพื่อแก้ปัญหาปลวกในพื้นที่ปลูก

2. หลังจากนั้นผสมดินกับปุ๋ยคอกให้เข้ากันรองก้นหลุม ด้วยดินที่ผสมปุ๋ยคอกแล้วเพื่อเป็นอาหารให้ต้นไผ่ในช่วงสองเดือนแรก โดยจะให้สูงจากดินก้นหลุมประมาณ 10-15 ซม. แล้วนำต้นกล้าไผ่ตงลืมแล้งวางลงไปในหลุม

3. ให้วางกิ่งไผ่เอียงประมาณ 50-60 องศา เพราะหน่อต่อไปจะได้แทงขึ้นตรงและเร็ว ฉีกถุงพลาสติกออกก่อนวางกิ่งพันธุ์ กลบดินจนพูน ตอนนี้ให้รดน้ำและอัดดินให้แน่น เมื่อดินล่างแน่นแล้วให้กลบดินทั้งหมดลงไป พูนดินบริเวณโคนกิ่งไผ่ให้เป็นเนินสูงเล็กน้อย

4. ใช้ไม้ปักเป็นหลักตอกยึดกิ่งไผ่ไว้ให้แน่น เพื่อกันลมโยกหรือถ้าลมไม่แรงมากก็ไม่ต้องปักหลักไม้ รดน้ำให้ชุ่ม ควรใช้ทางมะพร้าวหรือวัสดุอื่นช่วยพรางแสงแดดจนกว่าต้นกล้าจะมีใบใหญ่และตั้งตัวได้ แล้วจึงค่อยเอาออก

การดูแลรักษา

1. การใส่ปุ๋ยไผ่ตงลืมแล้ง

ในช่วงแรก (1-3เดือน) ต้นไผ่สามารถใช้ปุ๋ยคอกที่คลุกเคล้าไปกับดินที่ปลูกได้พอ แต่ในระยะต่อๆ ไป จำเป็นต้องมีการพรวนดินรอบๆ กอและใส่ปุ๋ยคอก 1 เดือน/ ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 กิโลกรัม ในระยะนี้อาจจะเห็นว่าหน่อที่แตกจะมีขนาดค่อนข้างเล็กและจะมีขนาดโตขึ้นทุกๆ ปี ถ้าความชุ่มชื้นและดินอุดมสมบูรณ์ดีเพียงพอ แต่ถ้าจะให้ผลรวดเร็วควรจะให้ปุ๋ยเคมี 46-0-0 เร่ง ประมาณ2-3กำมือ/ กอ/ เดือน จะทำให้ไผ่เกิดหน่อปริมาณมากตลอดปี พอเข้าเดือนที่ 7 จะทำการตัดแต่งกอและพรวนดินเพื่อกำจัดวัชพืช ปกตินิยมพรวนดินอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ก่อนที่ดินจะแห้ง เพราะถ้าดินแห้งจะพรวนดินยาก ในกรณีที่ต้องการเร่งการออกหน่อ (กรณีพิเศษ) จะใส่ในช่วงต้นเดือน ก.พ.ถึง พ.ค. ปุ๋ยที่นิยมคือใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก ในอัตรา 2-3กิโลกรัมต่อ กอ/ เดือน หรืออาจใช้ปุ๋ยเคมีสูตร13-13-21 อัตรา 200กรัมต่อกอ และปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0  200กรัม/ กอ (เร่งหน่อเพื่อขาย ก่อนหน่อไม้ไทยจะเริ่มออกหน่อ)

2. การให้น้ำไผ่ตงลืมแล้ง

ช่วงแรก (โดยเฉพาะ 1-3 เดือน) ต้นไผ่ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำวันเว้นวัน แต่ถ้าปลูกไผ่ในฤดูฝน อาจไม่จำเป็นต้องให้น้ำถี่ขนาดนั้นก็ได้ นอกจากในกรณีฝนทิ้งช่วงนานจึงให้น้ำช่วย แต่หลังจากหมดฝนแล้ว ผู้ปลูกต้องคอยรดน้ำให้เสมออย่าปล่อยให้ขาดน้ำนาน เพราะในปีแรกต้นไผ่ยังไม่ค่อยแข็งแรงนักถ้าไม่มีน้ำ อาจตายได้โดยง่าย หลังจากต้นไผ่อายุเกิน 6-8 เดือน ไปแล้ว จะแข็งแรงและทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีขึ้น

3. การไว้ลำและการตัดแต่งกอไผ่ตงลืมแล้ง

ไผ่ตงลืมแล้งเมื่อปลูกได้ประมาณ 3-4 เดือนจะเริ่มแตกหน่อได้ประมาณ 2-3 ลำ ในระยะแรกนี้จะไม่มีการตัดหน่อเลย ปล่อยให้เป็นลำต่อไป การดูแลกอไผ่ในช่วงนี้จะทำการตัดลำต้นที่เล็กออกไป ไม่ต้องเสียดาย ให้เหลือไว้เฉพาะลำที่ใหญ่ ลำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 นิ้วตัดทิ้งให้หมด3. การไว้ลำและการตัดแต่งกอไผ่ตงลืมแล้ง

วิธีการตัด ต้องตัดให้จมดิน อย่าให้มีตาเหลืออยู่อีก (ไม่ต้องการให้ขยายพันธุ์อีก) กิ่งแขนงเล็กๆ บริเวณโคนต้นที่ขึ้นเกะกะของลำแม่ควรตัดแต่งให้โล่ง (แสงแดดส่องถึงพื้นได้) เพื่อสะดวกในการให้น้ำและดูแล เมื่อต้นไผ่อายุได้ประมาณ 7-8 เดือนจะมีหน่อแทงขึ้นมาอีก 5-6 หน่อ ตอนนี้ก็ยังไม่มีการตัดหน่อ ปล่อยให้ไผ่เป็นลำต่อไป แต่ถ้าพื้นที่ตรงนั้นดินอุดมสมบูรณ์ดี หน่อออกเยอะเราควรตัดขายไปบ้าง เช่นถ้าขึ้นมา 5 หน่อให้ตัดขายไป 3 หน่อ แต่ให้เลือกเอาหน่อที่สมบูรณ์ไว้(หน่อที่เบียดกันให้ตัดออกขายไป) การดูแลกอไผ่เพียงแค่ตัดเอาหน่อเน่า ลำคดเอียงแคระแกร็นออกและตัดแต่งกิ่งแขนงเล็กๆทิ้ง รักษาลำไผ่ให้มีอยู่ประมาณ 5-6ลำ (ลำใหญ่ๆ)

จากนั้นจึงเริ่มตัดหน่อขายบ้าง การตัดหน่อขายนี้ควรจะตัดจากกลางกอก่อนแล้วขยายออกมารอบนอกกอ ซึ่งหน่อนอกๆ ต้องมีการรักษาไว้บ้างเพื่อให้เป็นลำแม่ โดยเลือกหน่อที่อวบใหญ่และอยู่ในลักษณะที่จะขยายออกเป็นวงกลมเพื่อจะทำให้กอใหญ่ขึ้น มีหน่อมากขึ้นในปีต่อไป สะดวกที่จะเข้าไปดูแลรักษาและตัดหน่อ การตัดแต่งกอนั้น ควรทำติดต่อกันทุกๆ ปี สำหรับไผ่ตงลืมแล้งนี้ควรแต่งกอไผ่ประมาณต้นเดือน ก.ค. เพราะตอนนี้ ไผ่ชนิดอื่นกำลังออกหน่อ ช่วงนี้หน่อไม้ออกเยอะราคาไม่ค่อยดี ควรปล่อยหน่อให้เจริญเป็นลำแม่ได้เต็มที่ พอต้นเดือนตุลาคมจึงค่อยอัดปุ๋ยคอกและน้ำเพื่อเร่งการออกหน่อในช่วงหน้าหนาวและหน้าแล้ง ช่วงนี้ราคาของหน่อไผ่จะดีมาก (พ.ย.-พ.ค.) ของทุกปี

4. การบังคับให้ไผ่ตงลืมแล้งเกิดหน่อมากขึ้น

ในการบังคับให้ไผ่ตงลืมแล้งแทงหน่อมากขึ้นตามฤดูกาลนั้น นอกจากการใส่ปุ๋ยและปฏิบัติดูแลตามปกติแล้ว ยังมีวิธีกระตุ้นให้ไผ่ตงแทงหน่อมากขึ้น โดยการสุมไฟในฤดูแล้งช่วงที่ลมสงบ (ปลายเดือน ม.ค-ก.พ.) โดยการรวบรวมใบไผ่และ กิ่งแขนง ที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งแล้วนำมากองให้ห่างจากกอประมาณ 1 เมตร จุดไฟเผา แต่ต้องระวังไม่ให้ไฟกระโชกมาก โดยการพรมน้ำช่วยหรืออาจเอาใบไผ่และกิ่งแขนงสุมในกอเลย แต่ต้องระวังไม่ให้ไฟลามไปติดส่วนบนๆ ของกอ ในการสุมไฟนั้น เข้าใจว่าเป็นการเร่งให้ไผ่ตงมีการพักตัวเร็วขึ้น (hardening) เมื่อก่อนเข้าสู่ฤดูฝนจะได้แทงหน่อมากขึ้น หลังจากที่ได้พักตัวอย่างเต็มที่และการสุมไฟยังช่วยในการกำจัดโรคและแมลงไปพร้อมกันด้วย

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการบังคับการออกหน่อวิธีอื่นอีก เช่น การพรวนดินแปลงไผ่ตงลืมแล้ ทั้งในระหว่างแถวและระหว่างต้น โดยทำการพรวนดินในช่วงก่อนฤดูแล้ง ประมาณเดือน ก.ค.-ก.ย. เป็นการทำลายรากแก่เพื่อให้แตกรากใหม่ ดังนั้นในการพรวนดิน การให้น้ำ ให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ไผ่ตงลืมแล้งออกหน่อเร็วและดกตลอดปี ส่วนการบังคับให้ไผ่ตงลืมแล้งแทงหน่อนอกฤดูปกติก็ทำได้เช่นกัน โดยการบำรุงต้นด้วยการใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่มรวมกับปุ๋ยคอกและการให้น้ำอย่างถูกต้อง ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงสามารถเร่งหน่อได้ และจะทำได้เฉพาะแปลงปลูกที่มีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอเท่านั้น (จำเป็น)

5. การป้องกันกำจัดแมลงศัตรูของไผ่ตงลืมแล้ง

ปกติไม่มีการระบาดรุนแรงของโรคและแมลงในสวนไผ่มากนัก มีเพียงแมลงพวกหนอนผีเสื้อกลางคืนมากัดกิน และม้วนใบไผ่เพื่อหลบซ่อนและเป็นที่อาศัยในระยะเป็นดักแด้บ้างเล็กน้อย แมลงที่เข้าทำลายหน่ออ่อนของไม้ไผ่ส่วนมากเป็นประเภทกัดกินหน่อ 4-5 ชนิด คือ หนอนด้วงเจาะหน่อไผ่ (ไผ่ตงลืมแล้งไม่ค่อยเจอเพราะลำค่อนข้างตัน), ด้วงกินหน่อ, ด้วงงวงเจาะกิ่ง , เพลี้ยอ่อนและมวนดูดน้ำเลี้ยง การควบคุมและกำจัดสามารถกระทำได้หลายวิธี คือ ภายหลังที่หน่อเริ่มแตกจากตาของเหง้าปล้องแล้ว ก็หาทางป้องกันพวกเชื้อราและแมลงที่เข้ามากัดกินและอาศัยอยู่ตามกาบของหน่ออ่อน โดยการใช้สารปราบศัตรูพืช เช่น มาลาไทออน ผสมน้ำราดที่หน่อและเหง้า หรือใช้ฟูราดาน ภูไมด์ หว่านลงที่ดิน แต่อย่านำหน่อไปบริโภคภายใน 60 วัน หรือใช้วิธีควบคุมโดยการลิดกิ่ง หรือตัดลำแก่ที่เป็นที่อยู่ของดักแด้ออก แล้วทำลายหรือขายลำไป จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดจำนวนประชากรแมลงได้ ส่วนมากแล้วไม่ค่อยพบปัญหาเกี่ยวกับโรคต่างๆ ในไผ่ตงลืมแล้ง แต่จะพบเพลี้ยตัวสีขาวๆ เกิดขึ้นตามข้อไผ่อ่อน เราอาจใช้ผงซักฟอกละลายน้ำราดรดลงไปก็จะหาย ถ้ามีจำนวนน้อยไม่มากนักก็ใช้มือขยี้ ถ้าจำเป็นต้องใช้เคมีก็ต้องใช้ชนิดอ่อนๆ เช่น เซฟวิน ฉีดพ่นครับ

6.การตัดหน่อไผ่ตงลืมแล้ง

ไผ่ตงลืมแล้งจะแทงหน่อตลอดปีแต่จะดกมากเมื่อเริ่มเข้าฤดูฝน (เม.ย.-มิ.ย.) การตัดหน่อจะตัดเมื่อหน่อยาวประมาณ 1 ฟุต โดยใช้เสียมหางปลาตัดหน่อบริเวณกาบใบที่ 3 จากโคนหน่อ ซึ่งจะเหลือตาไว้ 2-3 ตา สำหรับแตกหน่อในช่วงถัดไป สำหรับหน่อที่ไม่แข็งแรงให้ตัดออกทิ้งไป

การตัดหน่อควรทำตอนเช้ามืด เพื่อจะได้หน่อไม้สดส่งตลาด หน่อไม้ไผ่ตงลืมแล้ง(หน่อไม้หวาน)ที่ตัดไว้นาน ๆ จะทำให้ความหวานของหน่อลดลง ดังนั้น ควรตัดหน่อแล้วรีบขายทันที ในการตัดหน่อควรเริ่มตัดหน่อจากกลางกอก่อน แล้วขยายวงออกมารอบนอกกอ ส่วนหน่อที่อวบใหญ่ที่อยู่ด้านนอกควรมีการรักษาไว้เพื่อให้เป็นลำแม่

7.การแก้ปัญหาโคนไผ่ลอย

ไผ่ตงลืมแล้งหากโคนไผ่ลอยจะทำให้ออกหน่อน้อยหรือแทบจะไม่ออกเลย มีวิธีแก้แบบง่ายๆ ดังนี้ดูคลิป

ขอบคุณที่มาเนื้อหา : สวนไผ่อริยะระยอง เรียบเรียงโดย DPSNews

8 อันดับ“หน่วยรบพิเศษ” ทหารที่ว่ากันว่า เจ๋งที่สุดในโลก : The 8 most elite special forces in the world


เข้ากับกระแสเกณฑ์ทหารช่วงนี้จริงๆ นี่คือโฉมหน้าของหน่วยรบพิเศษจากประเทศต่างๆ ที่คอยทำหน้าที่ปกป้องชาติของพวกเขา และคอยทำภารกิจลับเพื่อความมั่นคงของประเทศ หน่วยรบพิเศษเหล่านี้ถูกฝึกมาให้เร็วกว่า ว่องไวกว่า และเก่งกว่าทหารปกติธรรมดาทั่วไป และที่สำคัญ พวกเขาเท่สุดๆ ไปเลยล่ะ

1อันดับ 8 The Special Services Group หรือ SSG สุดยอดหน่วยรบจากปากีสถาน รู้จักกันในนาม “หน่วยรบกระสาดำ (Black Storks)

2การฝึกฝนหน่วยรบนี้มีตั้งแต่ เดินทางไกล 57 กิโลเมตรภายใน 12 ชั่วโมง และวิ่ง 8 กิโลเมตรภายใน 20 นาที โดยใส่ชุดแบบเต็มยศ

3อันดับ 7 หน่วยรบ Unidad de Operaciones Especiales จากสเปน ถือว่าเป็นหน่วยรบพิเศษที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน โดยหน่วยรบนี้มีชื่อเสียงเคียงคู่มากับหน่วย SAS ของอังกฤษ

4ว่ากันว่าผู้ที่เข้ามาสมัครหน่วยนี้ ผ่านการคัดเลือกเข้าประจำการเพียง 20-30 เปอร์เซ็นจากผู้เข้าสมัครทั้งหมด ถือว่าโหดสุดๆเลย

5

อันดับ 6 หน่วยรบพิเศษ Alpha Group จากรัสเซีย ถือว่าเป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ก่อตั้งโดยหน่วยลับ KGB ในปี 1974 ปัจจุบันหน่วย KGB ได้เปลี่ยนเป็น FSB ไปแล้วจ้า

6หน่วยนี้เคยถูกวิจารณ์อย่างหนักในช่วงปี 2002 หลังจากเกิดเหตุการณ์จับตัวประกันในกรุงมอสโกว และมีตัวประกันเสียชีวิตถึง 129 คน

7อันดับ 5 กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายไม่กี่หน่วยเท่านั้น ที่จะมีชื่อเทียบเคียงกับหน่วย National Gendarmerie Intervention Group หรือ GIGN ของฝรั่งเศสหน่วยนี้ พวกเขาถูกฝึกเพื่อรับมือกับสถานการณ์จับตัวประกันโดยเฉพาะ ว่ากันว่าพวกเขาช่วยตัวประกันมาแล้วกว่า 600 คน นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 1973 และการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายของฝรั่งเศสด้วย

8อันดับ 4 หน่วย Sayeret Matkal จากอิสราเอล ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังพิเศษที่เก่งกาจที่สุดในโลก เป้าหมายหลักของหน่วยนี้คือรวบรวมข้อมูลและปฏิบัติการหลังแนวข้าศึก

ในการคัดเลือกเข้าหน่วยนี้ จะมีการทดสอบทุกด้านทั้งกายภาพและทางจิตใจโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมทุกระยะ มีแต่ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดเท่านั้น ที่จะเข้าถูกคัดเลือก

10อันดับ 3 หน่วย British Special Air Service หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม SAS เป็นสุดยอดหน่วยรบพิเศษของอังกฤษ มีคำขวัญประจำหน่วยว่า “Who dares wins.” หรือ “ผู้ที่กล้าเท่านั้นที่จะชนะ” พวกเขามีบทบาทสำคัญในสงครามต่างๆทั่วโลกมากมาย โดยเฉพาะในสงครามอิรัก ถึงขนาดนายพล Stanley McChrystal แห่งอเมริกาพูดว่า “ถ้าไม่มีพวกเขา เราคงไม่ชนะ”

11อันดับ 2 Special Boat Service คือหน่วยรบของอังกฤษที่สามารถเทียบเคียงได้กับ หน่วย SEALS ของอเมริกา พวกเขาต้องผ่านการทดสอบมากมาย ตั้งแต่เอาชีวิตรอดในป่าดงดิบ รวมถึงฝึกโดนสอบสวนด้วย

12อันดับ 1 Navy SEALS คือสุดยอดหน่วยรบที่เหนือกว่าหน่วยรบใดๆบนโลก แม้กระทั่งเหล่านาวิกโยธิน (Marines)ก็ไม่สามารถเทียบได้ ถ้าคุณจะเข้าหน่วยนี้ คุณต้องวิดพื้นได้ 42 ครั้งใน 2 นาที ลุกนั่ง 50 ครั้งใน 2 นาที และวิ่ง 2 กิโลเมตรให้ได้ภายใน 11 นาที… ที่ว่ามาคือตอนก่อนเข้าฝึกนะ โหดปะละ

ที่มาhttp://www.businessinsider.com/the-most-elite-special-forces-in-the-world-2015-5?op=1

วันนี้ห้ามพลาดประเดิมงานโค้ชใหม่! ฟุตบอลนัดอุ่นเครื่อง ไทย พบ อุซเบกิสถาน ไทยรัฐทีวียิงสด

ประเดิมงานโค้ชใหม่!! “มิโลวาน ราเยวัช” จัดเต็มสูบนำทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย บุกดวลแข้ง “อุซเบกิสถาน” ในศึกฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ คืนวันอังคารที่ 6 มิถุนายน

ฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ วันที่ 6 มิถุนายน 2560, เวลา 22:00 น.

อุซเบกิสถาน VS ไทย

สนาม บุนยอดกอร์ สเตเดี้ยม

ถ่ายทอดสด : Thairath TV (ช่อง 32)

สภาพความพร้อมล่าสุดของทั้งสองทีม

อุซเบกิสถาน : อุ่นเครื่องเกมนี้ “ซัมเวล บาบายัน” ผู้จัดการทีม ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพทีมอะไรมากหนักแม้ว่าจะต้องปราศจาก โอดิลยอน คามโรเบคอฟ เพราะมีอาการบาดเจ็บ แต่ขุมกำลังหลักรายอื่นๆ พร้อมลุยทั้งหมด โดยคาดว่าเกมนี้น่าจะยึดระบบ 4-2-3-1 คือให้ อันซูร์ อิสไมลอฟ กับ อีกอร์ คริเม็ตส์ ยืนคู่กันในแผงหลัง มี ดาฟรอน คาชิมอฟ กับ อิสล็อม ทูห์ทาฮูเยฟ ขนาบข้าง แดนกลางวางใจ โอดิล อาห์เมดอฟ กับ อาซิซเบ็ค ฮายดารอฟ ลงปักหลัก เปิดทาง มารัต บิคมาเยฟ, ซาร์ดอร์ ราชิดอฟ และ ยาโลลิดดิน มาชาริปอฟ ผนึกกำลังกันขับเคลื่อนเกมป้อน เตมูร์คูย่า อับดุลโคลิคอฟ หัวหอกหน้าเป้า

ไทย : ภายใต้การคุมทีมของ “มิโลวาน ราเยวัช” โค้ชคนใหม่ ที่เกมนี้จะยกทัพมาประเดิมงานแรกด้วยการอุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน ณ สนาม บุนยอดกอร์ สเตเดี้ยม ประเทศคาซัคสถาน โดยสภาพทีมก็ไม่มีปัญหาขุมกำลัง 22 คนที่พามาด้วยพร้อมลงสนามทั้งหมด คาดว่าเกมนี้น่าจะใช้ระบบ 4-4-1-1 คือให้ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ลงเฝ้าเสา แผงหลังวางใจ มิก้า ชูนวลศรี กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ยืนคู่กัน แดนกลางเป็น แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์ กับ สรรวัชญ์ เดชมิตร ยืนปักหลัก แนวรุกใช้งาน ธีรเทพ วิโนทัย ที่ได้รับโอกาสให้กลับติดทัพช้างศึกอีกครั้งในรอบ 3 ปี ส่วนหน้าเป้าใช้งาน สิโรจน์ ฉัตรทอง ดาวยิงป้ายแดงเมืองทอง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมที่คาดว่าจะลงสนาม

อุซเบกิสถาน : อเล็กซานเดอร์ โลบานอฟ – ดาฟรอน คาชิมอฟ, อันซูร์ อิสไมลอฟ, อีกอร์ คริเม็ตส์, อิสล็อม ทูห์ทาฮูเยฟ – โอดิล อาห์เมดอฟ, อาซิซเบ็ค ฮายดารอฟ – มารัต บิคมาเยฟ, ซาร์ดอร์ ราชิดอฟ, ยาโลลิดดิน มาชาริปอฟ – เตมูร์คูย่า อับดุลโคลิคอฟ

ไทย : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล – นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, มิก้า ชูนวลศรี, พรรษา เหมวิบูลย์, เควิน ดีรมรัมย์ – นูรูล ศรียานเก็ม, แอนโทนี่ อำไพพิทักษ์วงศ์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ชัยวัฒน์ บุราณ – ธีรเทพ วิโนทัย – สิโรจน์ ฉัตรทอง

สถิติฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม

อุซเบกิสถาน VS ไทยอุซเบกิสถาน VS ไทย

ข้อมูลจากhttp://www.worldcupfigures.com/Euro/2016/final/news/view.php?id=1632

เผยโฉม! ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note7R เหมือนกับ Galaxy Note7

ใกล้เต็มทีแล้วกับการกลับมาของ นกฟีนิกซ์ ในวงการสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung Galaxy Note7 ที่การกลับมาครั้งนี้จะใช้ชื่อว่า Galaxy Note7R หรือไม่ก็อาจจะเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Samsung Galaxy Note FE (Fandom Edition) โดยก่อนหน้านี้ Galaxy Note7R(เรียกชื่อนี้ไปก่อนละกันครับ) ผ่านการรับรองจากด่านอรหันต์ขั้นเทพอย่าง FCC (Federal Communications Commission) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสัญญาณว่าพร้อมวางจำหน่ายแล้ว ซึ่ง Galaxy Note7R จะมีรุ่นย่อยถึง 3 รุ่นคือ SM-N935S, SM- N935K, SM-N935L อันนี้น่าจะเป็นรุ่นสำหรับที่จะวางจำหน่ายในบ้านเกิด ตัวหนังสือที่ห้อยมาคือรายชื่อ ของ Operator เกาหลีใต้คือ SK, KT, LG Uplus ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของรุ่นนี้ก็คงจะเป็นการปรับลดความจุของแบตเตอรี่ลง เนื่องจากสาเหตุของการระเบิดในครั้งที่แล้วก็คือแบตเตอรี่นั่นเอง ทั้งนี้ Samsung Galaxy Note7 รุ่น Refurbished หรือ Galaxy Note7R นั้น จะลดความจุแบตเตอรี่ลงจาก 3,500 mAh เหลือเพียง 3,200 mAh เท่านั้น

View image on TwitterView image on Twitterความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Galaxy Note7R ก็คือมีการเผยภาพตัวเครื่องจริงออกมาแล้ว ซึ่งจากภาพที่เราได้เห็นกันในวันนี้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยืนยันว่าดีไซน์ตัวเครื่องของสมาร์ทโฟนรุ่นกำเนิดใหม่รุ่นนี้จะยังคงมีการออกแบบที่ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม โดยมีตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุโลหะดูเงางาม เรียบแต่หรูในแบบฉบับของค่ายผู้ผลิตจากเกาหลีใต้รายนี้ ทั้งนี้มีการเพิ่มตัวอักษร “R” ตัวย่อของรุ่น Refurbished เข้ามาที่มุมล่างด้านขวา เพื่อแสดงให้เห็นว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่ถูกนำมาแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อนำมาจำหน่ายใหม่ ตามข้อมูลที่เราทราบกัน Galaxy Note7R น่าจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้บ้านเกิดก่อนเป็นที่แรกในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนประเทศอื่นๆก็คงต้องรอติดตามกันว่าทาง Samsung Electronics จะวางจำหน่ายในประเทศใดบ้าง เพราะจากกระแสต่างๆในตอนนี้ คนที่ยังหลงรักสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมีอีกเยอะเลยทีเดียว ประมาณว่า “ถึงจะเคยร้าย แต่ก็ยังรัก”
สำหรับสเปคต่างๆของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการแต่คาดว่า Galaxy Note7R จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 8890 จับคู่กับ RAM ขนาด 4GB หน่วยความจำภายในเครื่อง 64GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงขึ้น และที่น่าสนใจที่สุดจนทำให้หลายคนอยากรีเทิร์นไปหาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็คือราคาอาจจะลดลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ตามข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าสนนราคาของ Galaxy Note7R จะอยู่ที่ประมาณ 440 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตกราวๆ15,200 บาท จากเดิมที่มีราคา 30,000 บาท ซึ่งถือเป็นปกติของสมาร์ทโฟนแบบ Refurbished ที่ราคาจะลดลงจาดเดิมเยอะพอสมควร ทั้งนี้ต้องรอติดตามกันอีกครั้งครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.priceprice.com/mobilephone/news/Samsung-Galaxy-Note7R-Galaxy-Note7-3242/

ลูกทรพี! ฆ่าเเม่ตัวเอง เอาจอบตีหัวแม่เสียชีวิตห่อผ้าห่มจุดไฟเผา


วันที่ 3 มิ.ย.60 เหตุเกิดช่วงเวลา 24.00 น.ณ บ้านเลขที่ 140 บ้านโคก ต.ศรีสุข อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ผู้เสียชีวิต คือ นางบุญแท้ พิมล อายุ 45 ปี ได้ถูกไฟไห้มเกรียมดำเป็นตอตะโก จากการตรวจที่เกิดเหตุ มีเลือดกองอยู่หน้าห้องครัวผู้เสียชีวิตและรองเท้าแตะหลุดอยู่แต่ศพถูกเผาอยู่ในห้องครัวและ มีตู้เย็นล้มอยู่ข้างๆศพทีวีแตกกระจัดกระจาย ผู้ที่พบศพคนแรกคือลูกชายผู้ตาย ชื่อนายเสกสรรค์ (กบ) ประภาสัย อายุ 23 ปี ได้วิ่งไปบอกนายประกอบ ห้องฝากกลาง อายุ 43 ปี เลขที่ 96/1 หมู่ 4 ต.ศรีสุข อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ที่ไถนาอยู่กับลูกชายอยู่ห่างออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุ 100 เมตร

จากการสอบสวนของตำรวจ ลูกชาย คนตายนายกบ ขอเงินแม่เพื่อจะไปซื้อเหล้าแม่ไม่มีให้ก็เลยเอาจอบตีที่หัวแม่วิ่งเข้าไปในครัวก็ตามไปตีซ้ำดึงตู้เย็นให้ล้มลงเอาผ้าห่มมาห่อจุดไฟเผา เสร็จแล้วตัวเองทำที่ออกมาที่ศีขรภูมิมาหาแฟนกลับเข้าบ้านอีกครั้งเมื่อ ช่วง 7 โมงเศษ จึงได้ร้องตะโกนไปหาคนไถ่นาที่อยู่ใก้ลๆว่าแม่ผมตายแล้วช่วยด้วยนายประกอบ ห้องฝากกลาง. จึงวิ่งมาดูแล้วก็เห็นสถาพดังกล่าว. จากสอบถามสอบถาม นางพรพิมล. แสงคำ อายุ 56 ปี เลขที่ 58/1 หมู่ 4 ต.ศรีสุข อ.ศรีณรงค์ บอกว่าผู้ตาย มีลูกสองคน ลูกสาวเรียนอยู่ศรีสะกษ ลูกชายคือนายกบ(เสกสรร). อยู่กับแม่ สองคน พ่อคือ นายสุเทียน. ประภาสัย อายุ 50 ปึ ได้เดินทางไปทำงานที่มาเลเซียได้สองวันแล้ว

ส่วนนายเสกสรร. ประภาสัย (กบ) ลูกชายได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้สอบสวน ที่ สภ.ศรีณรงค์ อ.ศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์
พ.ต.ท.สุชชนะ. ประดับสาร รอง ผกก. พนักงานสอบสวน ชำนาญการพิเศษระดับ 3 ของ สภ.ศรีณรงค์ จึงได้ลงบันทึกรายละเอียดไว้ และได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ
นพ.ธนาศักดิ์ อยู่ปูน แพทย์ตรวจสอบที่เกิดเหตุและชันสูตรศพ
มูลนิธิตาดาน และจุดกู้ภัยสุรินทร์จุดสังขะ ร่วมด้วย.และได้นำศพผู้ตายส่ง รพ.สุรินทร์ ไปชันสูตรที่ รพ.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวมติรัฐ จังหวัดสุรินทร์ ///

ข้อมูลจาก ประชาชน คนของพระราชา


เรียนคณะไหน? หางานง่ายที่สุด!


วันนี้DPS จะมานำเสนอเกี่ยวกับการที่เรียนคณะไหน เเล้วจบมาหางานง่าย นักศึกษาเเละวัยรุ่นไทยหลายๆ คนยังสงสัยว่าเรียนสายไหน หางานง่ายสุดนะ!! วันนี้เราจะมาบอก 10 อันดับ คณะในมหาลัยทุกเเห่งที่จบมาเเล้วหางานง่ายสุด ของ 10 อาชีพนี้จะมีอะไรมั่งมาดูกัน!!

อันดับที่ 10

คณะรัฐศาสตร์ – 3.36%

อันดับที่ 9

คณะการจัดการ – 4.33%

อันดับที่ 8

คณะพยาบาลศาสตร์ – 4.81%

อันดับที่ 7

คณะนิติศาสตร์ – 8.17%

อันดับที่ 6

คณะการตลาด – 8.65%

อันดับที่ 5

คณะวิศวกรรมศาสตร์ – 10.10%

อันดับที่ 4

คณะคอมพิวเตอร์ – 10.10%

อันดับที่ 3

คณะบริหารธุรกิจ – 12.02%

อันดับที่ 2

คณะแพทยศาสตร์ – 18.75%

อันดับที่ 1

คณะการบัญชี – 19.71%

ข้อมูล toptenthailand เรียบเรียงโดยDPS