ที่สุดของวงการลูกทุ่งไทย!! ต่าย อรทัยจากดินสู่ดาว 15 ปี พิสูจน์ตัวตน ขายเสียงไพเราะ เสื้อผ้ามิดชิด อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย!!

ปี 2545 เมื่อเพลง “ดอกหญ้าในป่าปูน” แจ้งเกิดทำให้ทุกคนได้รู้จักนักร้องสาวดอกหญ้า “ต่าย อรทัย” และโด่งดังสุดๆ กับเพลง “โทรหาแหน่เด๊อ” ที่นำเรื่องราวของโทรศัพท์มือถือมาเขียนเป็นบทเพลง โดยครูสลา คุณวุฒิ ในยุคที่การติดต่อสื่อสารเริ่มใช้มือถือมาเกี่ยวข้อง ทำให้ชื่อ “ต่าย อรทัย” เข้าไปอยู่ในใจแฟนเพลงได้อย่างรวดเร็ว เธอดังจนชนิดที่ว่าเดินไปไหนมาไหนก็ได้ยินเพลงของเธอ และแน่นอนสิ่งที่การันตีได้ เมื่ออัลบั้มชุดที่แรก “ชุดที่ 1 ต่าย อรทัย ดอกหญ้าในป่าปูน” มียอดขายมากกว่า 1,000,000 แผ่น
 หนึ่งปีถัดมาไม่รอช้าบริษัทให้เธอปล่อย”ชุดที่ 2 ขอใจกันหนาว” ออกมาทันที กระแสตอบรับล้นหลามและมากกว่าเดิมอย่างคาดไม่ถึง ทั้งเพลง กินข้าวหรือยัง , ตั๋วให้คึดฮอด , ดาวเต้น ม.ต้น เรียกได้ว่าทุกเพลงในอัลบั้มขายได้และฟังได้หมด ทุกบ้านต้องมีอัลบั้มของเธอ ต่อด้วย

-ชุดที่ 3 คนใกล้เมื่อไกลบ้าน
-ชุดที่ 4 ส่งใจมาใกล้ชิด
-ชุดที่ 5 มาจากดิน
-ชุดที่ 6 คนในความคิดฮอด
-ชุดที่ 7 ฝันยังไกล ใจยังหนาว
-ชุดที่ 8 ไม่ร้องไห้ ไม่ใช่ไม่เจ็บ
-ชุดที่ 9 ปลายก้อยของความฮัก
-ชุดที่ 10 เจ้าชายของชีวิต
-ชุดที่ 11 ฝากพรุ่งนี้ไว้กับอ้าย
-ชุดที่​ 12​ จดหมายฉบับสุดท้าย​
…และยังมีอัลบัมพิเศษอีกมากมาย

จะมีนักร้องสักกี่คนที่ยืนหยัดบนเส้นทางเสียงเพลง แล้วแฟนเพลงให้การตอบรับตลอดระยะเวลา 15 ปี โดยไม่มีกระแสด้านลบ ขายเสียงแบบลูกทุ่ง เสื้อผ้ามิดชิด อนุรักษ์วัฒนธรรม ไม่เน้นเซ็กซี่ อย่างนักร้องรุ่นใหม้ๆ แต่ทำไมเธอยังขายได้และไม่มีทีท่าว่าจะลดกระแสเธอลงได้เลย


เธอเดินสายโชว์คอนเสิร์ตแทบทุกวัน เหนือกลางใต้อีสาน บางวันมีงานสองงานติดในวันเดียว เธอทุ่มเททุกครั้งในการแสดง ร้องสดไม่ลิปซิ้งทุกครั้ง จิตวิญญาณนักร้องเต็มหัวใจ ฝนตกแค่ไหนเธอก็ยังยืนยันจะเล่น ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแฟนเพลง ให้การอุ้มชูสาวดอกหญ้าคนนี้นานแสนนานกว่า 15 ปี มันทำพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอคือแถวหน้าของเมืองไทย

ขอบคุณ : www.sharenoi.com
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
เรียบเรียง : DPSNews

แผลงฤทธิ์ที่ญี่ปุ่น!! ชมช๊อต “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าไทยยิงประตูให้ทีมญี่ปุ่น ฮิโรชิม่า นำห่าง ยามากูจิ เอฟซี 2-0

“ธีรศิลป์ แดงดา” ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทย ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับสโมสรซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ทีมแชมป์เจลีก 3 สมัย และยิงประตูให้ทีม นำห่าง สโมสร ยามากูจิ เอฟซี 2-0 แข่งขันวันนี้ 18 กุมภาพันธ์ เมื่อเวลา 11.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
ชมคลิป

ฮือฮา! ฝรั่งเเห่ชมคลิปบั้งไฟตะไลล้าน เผยอยากมาเที่ยวไทย พร้อมเเซวยิ่งกว่าขีปนาวุธ (มีคลิป)

ฮือฮาหลังในโลกโซเชียล ได้มีการเเชร์คลิปบั้งไฟตะไลล้าน ที่บ้าน กุดหว้า ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์

โดยเเฟนเพจ LADbible (เพจชาวต่างชาติ)ได้เเชร์คลิป 1.22 นาที คลิปนี้เป็นคลิปตอนจุดบั้งไฟตะไลล้านกำลังจะขึ้นสู้ท้องฟ้า โดยระบุใต้คลิปว่า “The Thai space program looks interesting…”

ความคิดเห็นของชาวต่างชาติส่วนใหญ่ อยากมาเที่ยวไทย เเละมีแอบเเซว ยิ่งกว่าขีปนาวุธ…. (ดูคลิป)

การแข่งขันบั้งไฟตะไลเริ่มขึ้น โดยทีมช่างทำบั้งไฟตะไลจะช่วยกันแบกผลงานของต้นไปติดตั้งบนฐานที่เตรียมไว้สำหรับจุดตะไล และจุดไฟให้ครบทุกช่องก่อนจะวิ่งไม่เหลียวหลังเข้าหลบในเนินดินหรือ “บังเกอร์” ตะไลที่ติดไฟดีแล้วจะค่อยๆ ปล่อยควันสีขาวออกมา ก่อนจะเริ่มหมุนยกตัวขึ้นจากพื้นและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

การตัดสินบั้งไฟวัดกันที่ “ความสูง” โดยการจับเวลาตั้งแต่บั้งไฟตะไลลอยขึ้นจากพื้นจนกระทั่งตกลงสู่พื้นอีกครั้ง บั้งไฟตะไลของทีมใดทำเวลาอยู่ในอากาศได้นานที่สุดก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ ปัจจุบันบั้งไฟตะไลกุดหว้ามีการเพิ่ม “ร่มชูชีพ” เพื่อให้การตกเป็นไปอย่างนิ่มนวล กรรมการและผู้ชมสามารถมองเห็นบั้งไฟตกได้ง่าย เพิ่มความปลอดภัยและยังช่วยยืดเวลาให้บั้งไฟลอยอยู่ในอากาศได้นานขึ้น

มีบ้างบางครั้ง แทนที่ตะไลจะหมุนควงตรงขึ้นสู่ฟ้า กลายเป็นว่าลอยขึ้นจากพื้นได้ไม่นานก็เกิดเสียง “ตู้ม” ตะไลแตกระเบิดกลางอากาศส่งสะเก็ดไฟและสายควันพุ่งออกไปทุกทิศทาง แม้จะ “พลาด” แต่ก็เป็นความสนุกสนานตื่นตาในอีกรูปแบบ ถ้าถือตามธรรมเนียมที่ว่า “บั้งไฟไม่ขึ้น เอาคนลงตม” ทีมช่างทำตะไลชุดนั้นต้องถูกจับโยนบ่อโคลนเป็นที่ครื้นเครงสำหรับผู้ชม

“ประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้าน” ที่บ้านกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ สะท้อนวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิมของชาวอีสานที่น่าสัมผัส

รายละเอียดอื่นๆติดตามได้ที่เเฟนเพจ ประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้านบ้านกุดหว้า (Kut Wa’s Skyrocket Festival)

ชายผู้ยากจน! ถาม”พระพุทธเจ้า”ว่า เหตุ!ใดข้าจึงยากจนยิ่งนัก

กาลครั้งหนึ่ง มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้ แต่ว่าเขากักตุนเสบียงมาหลายปี ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ


คืนวันหนึ่ง เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านและจ้องไปที่เสบียง ไม่นานเขาเห็น หนูตัวใหญ่ มาขโมยกินเสบียงของเขา เขาโกรธมาก ตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า “บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกิน ทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก” เจ้าหนูพูดขึ้นว่า “ชะตาของเจ้ามีข้าวสารได้แค่ 8 ส่วน เดินให้ทั่วหล้า ก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง” ขอทานถามเจ้าหนู “ทำไมเป็นเช่นนั้น” เจ้าหนูตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ”

ขอทานจึงตัดสินใจ เดินทางไปทางทิศตะวันตกเพื่อถามพระพุทธองค์ ว่าเหตุผลอันใดถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้
วันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดถึงจะพบ บ้านคนหลังหนึ่ง รีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร เขาบอกขอข้าวกินหน่อย พอดีเศรษฐีเจ้าของบ้านออกมาเห็นเข้า เลยถามขอทานว่า มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก ขอทานจึงเล่าชะตาชีวิตให้เศรษฐีฟัง บอกว่าจะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ เศรษฐีได้ยินดังนั้น รีบเชิญขอทานเข้าไปนั่งในบ้าน ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง ขอทานถามว่าทำไมทำเช่นนั้น เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า ลูกสาวข้าอายุ 16 แล้ว ยังพูดไม่ได้ ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย
เศรษฐีเคยสาบานว่าใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวพูดได้ เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น ขอทานได้ฟังเช่นนั้น คิดว่าไหนๆก็จะไปหาพระพุทธองค์อยู่แล้ว เราก็ถือโอกาสช่วยถามให้เขาก็ได้ ขอทานจึงรับปากจะถามให้

ขอทานเดินทางต่อไปผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า เดินถึงเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม เห็นพระแก่รูปหนึ่งถือไม้เท้าดีบุก ท่าทางแก่มาก แต่ดูกระฉับกระเฉง พระชราให้น้ำเขาดื่มและบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่ แล้วถามเขาว่าจะไปไหน ขอทานบอกจุดหมายที่จะไป พระชรารีบจับมือขอทานไว้และพูดว่า ขอร้องเจ้าต้องช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย ข้าเข้าฌานฝึกฝนมา 500 กว่าปีแล้ว ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์แล้ว ทำไมยังบินขึ้นไปไม่ได้ ขอทานก็เลยรับปากพระชรา

เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง ขอทานร้องไห้และพูดว่า หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ? ทันใดนั้น เต่ายักษ์แก่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เต่าแก่พูดภาษาคนได้ ถามขอทานว่ามาร้องไห้ที่นี่ทำไม ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เต่าแก่พูดกับเขาว่า ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา 1000 ปีแล้ว ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ๆตัวหนึ่ง ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ช่วยถามให้ข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้าม ขอทานรับปากด้วยความดีใจ
ขอทานเดินทางมาไกลมากแต่ก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ คิดในใจว่าพระพุทธองค์อยู่ไหนนะ แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้ว ขอทานเสียใจมาก เลยผลอยหลับไปแบบงุนงง

ทันใดนั้นพระพุทธองค์ปรากฏองค์ขึ้น ขอทานดีใจมาก พระพุทธองค์ถามขอทานว่า เจ้ามาไกลขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไรที่สำคัญมากใช่ไหม? ใช่เจ้าค่ะขอทานตอบ ข้าน้อยจะถามคำถามหลายคำถาม หวังว่าท่านจะอธิบายให้ข้าน้อยเข้าใจได้ พระพุทธองค์ตอบว่า ได้สิ! แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะเจ้าถามได้สูงสุดแค่ 3 คำถามเท่านั้น เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน 3 คำถามมาก่อน ขอทานตอบตกลง คิดในใจว่า ข้าจะถามคำถามไหนดีขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย

1. เต่าแก่เข้าฌานมา 1000 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามเขาน่าจะลองถามดู

2. พระชราปฏิบัติมา 500 ปี ก็ลำบากมาก คำถามเขาก็น่าจะถามดู

3. ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก พูดไม่ได้แล้วจะแต่งงานได้ยังไง

ขอทานจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามที่ 1 ทันที

คำถามที่ 1 พระพุทธองค์ตอบเขาว่า เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้ ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่ 24 เม็ด ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้

คำถามที่ 2 ท่านตอบว่า พระชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้น 1 ที บนพื้นก็จะกลายเป็นธารน้ำใส ถ้าหากพระชรายอมโยนไม้เท้าทิ้ง เขาก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว

ขอทานดีใจมาก จึงถามคำถามที่ 3 ท่านตอบว่า ถ้าเด็กสาวได้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง และทันใดนั้นพระพุทธองค์ก็หายไป?

ขอทานรู้สึกว่า ปัญหาของตัวเองไม่มีอะไรสำคัญ กลับไปขอทานตามเดิมดีกว่า แล้วจึงรีบเดินทางกลับ ขอทานกลับมาถึงริมแม่น้ำ เต่าแก่คำนวนว่าขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่าพระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง ขอทานพูดว่า เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง เต่าพาขอทานข้ามแม่น้ำไป ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง เต่าฟังแล้วเข้าใจทันที จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทานและพูดว่า ในนี้มีไข่มุกราตรี 24 เม็ด เป็นของที่หาค่ามิได้ สำหรับข้าไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าขอยกให้เจ้า เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป

ขอทานเอาไข่มุกราตรี 24 เม็ด รีบเดินทางกลับมาถึงบนเขาพบกับพระชรา พระชรารีบถามว่าพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร ขอทานเล่าสาเหตุให้ฟัง พระชราได้ฟังดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษให้แก่ขอทาน พระชราจึงขี่เมฆบินขึ้นท้องฟ้าหายไป

ขอทานเดินทางมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี ทันใดนั้น มีหญิงสาววิ่งออกมาและตะโกนเสียงดังว่า คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว เศรษฐีก็วิ่งออกมา เขาตกใจมากที่อยู่ๆลูกสาวเขาพูดได้ ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์ เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน

ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา
ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา
คิดเผื่อคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงคุณ
นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ
ขอให้ท่านเผยแพร่ออกไปเต็มความสามารถ ทำให้โลกนี้มีความรักเพิ่มขึ้น
การแบ่งปันเล็กๆของท่าน อาจสามารถส่องสว่างให้แก่ชีวิตคนมากมาย คนมีความฝันจึงทำให้ยิ่งใหญ่ การกระทำยิ่งทำให้ประสบความสำเร็จ การเรียนรู้ของท่านทำให้ท่านเปลี่ยนแปลง

ขอให้ท่านกระจายความรักของท่านจะช่วยให้คนส่วนมากเติบใหญ่ขึ้น ขอบคุณการสนับสนุนของท่าน ข้าพเจ้าได้เลือกทำข้อที่ 1 แล้ว

ขอบคุณนินานดีๆ จาก : share-si.com เเละ : chonburipost.com

เรียบเรียงโดย : DPSNews

“หอยขม”เลี้ยงในบ่อซิเมนต์ พื้นที่น้อย โตเร็วกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ สร้างรายได้ 5 แสน

“พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเลี้ยงหอยนั้น ใช้วิธีเลี้ยงในวงบ่อซิเมนต์จะมีความเจริญเติบกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ “พงษ์ศักดิ์ มาใจ” บ้านป่าแขม ต.ป่าหุ่งอ.พาน จ.เชียงราย เลี้ยงแล้ว ใช้พื้นที่เพียง 5×10 เมตร เลี้ยงได้ 12 วงบ่อสร้างรายได้ปีละกว่า 5 แสนบาท”


การที่ พงษ์ศักดิ์ ตัดสินใจเลี้ยงหอยขมในวงบ่อซิเมนต์นั้นมาจากเหตุบังเอิญที่เขาไปปล่อยหอยขมในบ่อปลานิลที่เลี้ยงไว้ไปงมมากะว่าจะนำมาทำเป็นอย่างหาร แต่เนื่องจากเวลาน้อยไปปล่อยในวงบ่อซิเมนต์ข้างบ้าน พบว่าหอยที่ขังไว้ไม่ตาย แถมยังออกลูกอีกจำนวนมากเลยทดเลี้ยงดู ปรากฏว่า เติบโตได้เร็วจึงนำไปสู่การเลี้ยงหอยขมในวงบ่อซิเมนต์เป็นอาชีพหลัก


“เดิมที่ครอบครัวมีอาชีพทำนา ผมเห็นว่าไม่ไหว ราคาข้าวถูกเลยใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งเลี้ยงปลานิล ขุดบ่อขนาด 10×20 เมตรระหว่างนั้ก็ปล่อยหอยขทลงด้วย เมื่อ 2 ปีก่อนพอไปงมหอยเพื่อทำกับข้าวและขังไว้ในวงบ่อซีเมนต์ที่ใช้สำหรับพักปลานิล พอว่ามีฃันไม่ตายแถมยังออกลูกจำนวนมาก ตรงนี้ผมคิดว่า น่าเลี้ยงหอบขมในวงบ่อซิเมนต์จึงศึกรายละเอียดและตัดสินใจวงเลี้ยงบริเวณรอบบ้าน 12 วงบ่อ มาถึงวันนี้ปรากฏว่าทุกเดือนผมมีรายได้จากการเลี้ยงในพื้นที่แคบตรงนี้เดือนกตก 4.8 หมื่นบาท”พงษ์ศักดิ์ กล่าว

เขา บอกด้วยว่าการเลี้ยงหอยดูแลง่าย ทำให้เขามีเวลาไปประกอบอาชีพอื่นด้วยอย่างตอนนี้นอกจากเลี้ยงหอยแล้วผมยังเลี้ยงปลานิลและรับซื้อปลานิลไปขายที่ตลาดปลาบางเลน จ.นครปฐมด้วย เพราะหอบขมไม่ดูแลอะไรมาก

“หอยขมนิสัยชอบอยู่นิ่ง เอามาเลี้ยงในวงบ่อซิเมนต์มา 2 ปีพบว่าโอกาสรอดสูงกว่าบ่อดิน และโตเร็วกว่าในธรรมชาติด้วย เพียงแต่ให้อาหารพวกตะไคร่น้ำที่เกาะตามใบมะพร้าว ใบไม้หมักและเสริมด้วยอาหารปลาดุกบดละเอียดผสมข้าวเหนียวทำให้หอยขมโตเร็วผมคำนวนดูจากขนาดและน้ำหนักจะโตกว่าในธรรมชาติถึง 1 เดือน” เขายืนยัน

จากความสำเร็จในการเลี้ยงหอยขมในวงบ่อซิเมนต์มา 2 ปีแล้วตอนนี้เขาเริ่มขยายเลี้ยงหอยขมทั้งในบ่อดินบ้างกระนั้นขอแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้นหัดเลี้ยงควรเลี้ยงในวงบ่อซีเมนต์อย่างเดียวเพราะหอยขมจะอยู่นิ่งกว่าไม่เดินไปมา จึงโตเร็ว แม้บ่อดินความเป็นธรรมชาติมากกว่าแต่การจัดการยากกว่า


สำหรับวิธีการเลี้ยงหอยขมในวงบ่อซีเมนต์นั้น ง่ายให้เทปูนตรงก้นวงบ่อจนปิดสนิท ต่อท่อระบายน้ำไว้ด้านข้างเป็นลักษณะเกลียวหมุนมีฝาปิดไว้ถ่ายน้ำ จากน้ำใส่ลงหั่นต้นกล้วยลงไปแช่ 1 สัปดาห์ ถือเป็นการหมักอาหารและดูดซึ่มปูนออกจากน้ำ ไม่เช่นนั้นหอยขมจะตายได้ เมื่อผ่านไป 1สัปดาห์ให้ใส่ดินเหนียวสูง 1 นิ้ว แล้วใส่ทางมะพร้าวตามลงไปเพื่อไว้ให้หอยขมกินจึงปล่อยหอยขมลงบ่อได้ ในอัตรา ประมาณ 3-5 กิโลกรัม/วงบ่อซีเมนต์ใส่น้ำลงไปให้ลึกราว 20-30 เซนติเมตร รอจนน้ำนิ่งแล้วจึงใส่น้ำลงไปอีกให้ได้น้ำสูง50 เซนติเมตร วิธีการนี้จะช่วยให้น้ำไม่ขุ่นเพราะหอยขมต้องการน้ำสะอาดและน้ำนิ่งด้วย

โดยธรรมชาติหอยขมจะเกาะตามกิ่งไม้และกินตะไคร้น้ำตามกิ่งไม้นั้นๆที่นี่จึงใส่ทางมะพร้าวให้หอยขม หรือกิ่งไม้ใบไม้ที่สามารถหาได้เพื่อให้เกิดตะไคร่น้ำและเพื่อไว้เป็นที่หลบด้วยอย่างของพงษ์ศักดิ์ เลี้ยงมา 12 บ่อ ใช้พื้นที่รวมเพียง 50 ตารางเมตรเท่านั้น

“พวกพวกนี้ถ้าน้ำขุ่นหอยขมจะไม่ยอมกินอาหารนานถึง 3 วันและหอยขมจะอยู่แค่ความสูงของน้ำออกมารับแสงและออกซิเจน พอเลี้ยงได้ 3 เดือนให้แยกออกมาส่วนหนึ่งเพื่อขยายพันธุ์ส่วนบ่อเดิมก็เลี้ยงต่อไปอีก 2 เดือน


จึงจับไปขายได้”การจับหอบขายนั้น แบ่ง 6 บ่อแรกตักหอยได้วันละ 50 กิโลกรัม นานครึ่งปีเมื่อตักหมดก็ปล่อยลอตใหม่ลงไปทันที และจะจับหอยอีก 6 บ่อในช่วงครึ่งปีหลังวนเวียนอย่างนี้ตลอดทำให้เขามีรายได้ทุกวันเฉลี่ยเป็นเดือนแล้วตากราว 4.8-5 แสนบาทการนั้นการหอบขมในวงบ่อซิเมนต์ แนะนำ ให้น้ำสะอาดตลอดเวลาหากใช้น้ำประปาต้องพักให้คลอรีนก่อน และอย่าให้หอยขมโดนเกลือเป็นอันขาดเพราะอาจทำให้หอยตายได้ทางที่ดีควรปล่อยปลาหางนกยูงลงไปในบ่อหอยขมด้วยเพื่อช่วยกินลูกน้ำที่จะมารบกวนหอยขมอาจทำให้เป็นโรคได้เหากบ่อที่เลี้ยงปลาหางนกยุงด้วยจะเปลี่ยนน้ำทุก 1 เดือน/ครั้ง

เมื่อถ่ายน้ำออกหมดให้ค่อยๆ ใส่น้ำลงไปใหม่เหมือนการใส่ในครั้งแรกส่วนดินใช้ดินเดิม หลังจากเปลี่ยนน้ำจนน้ำสะอาดแล้ว ให้ใส่อีเอ็มผสมลงในน้ำด้วย 1ฝา เพื่อช่วยให้หอยโตไวขึ้นและป้องกันโรคได้แต่ถ้าไม่ได้ใส่ปลาหางนกยุงไว้จะเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันยุงลงไปไข่

“ผมสังเกตุดุการเลี้ยงหอมขมในวงบ่อซีเมนต์ โอกาสเป็นโรคน้อยกว่าบ่อดินเนื่องจากเปลี่ยนน้ำได้ง่ายกว่า แต่ต้องสังเกตุ อาการของหอยขมด้วยหากเป็นโรคที่เกิดจากน้ำเสีย จะไม่ค่อยเดิน ไม่กินอาหารที่มักจะนอนหงายเปิดฝาหน้าและตายในที่สุด ฉะนั้นต้องสังเกตุด้วยการเลี้ยงหอยขมในวงบ่อซืเมนต์ นับเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะใช้พื้นที่น้อยแต่รายได้ดี สนใจสอบถามงษ์ศักดิ์ โทร.09-9438-3907

แหล่งที่มา : taibann

แค่แชร์ก็เหมือนได้ช่วย!!! “วัดพระบาทน้ำพุ” ขอบิณฑบาตรขนมปัง-ข้าวสาร เลี้ยงกว่าสองพันชีวิต

แชร์บอกบุญ จากพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ เจ้าคุณอลงกต ติกขปัญโญ แห่งวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ได้ขอบิณฑบาตรขนมปัง-ข้าวสาร เลี้ยงกว่าสองพันชีวิตรวมทั้งเด็กๆด้วย

 

ญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมบริจาคได้เลย โดยท่านเจ้าคุณอลงกตได้บอกว่า

“ขณะนี้ วัดพระบาทน้ำพุ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง และมีสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนคือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความแข็งแรงและอายุยืนยาวขึ้น เพราะวิวัฒนาการด้านยารักษาเชื้อHIV ทำให้มีผู้ที่อาศัยอยู่ในวัดพระบาทน้ำพุมากขึ้นถึงกว่าสองพันชีวิต ในแต่ละวันที่วัดพระบาทน้ำพุ ต้องมีข้าวสารและอาหารจำนวนมาก สิ่งที่อยากได้เพิ่มเติมนอกจากของใช้ทั่วไป รวมถึงของใช้ส่วนตัวต่างๆแล้ว ก็ต้องการข้าวสาร กับขนมปังปี๊บสำหรับเด็กๆ ญาติโยมและผู้มีจิตศรัทธาสามารถไปบริจาคกันได้”

 

ขอเจริญพร ญาติโยมผู้มีเมตตาจิตทุกท่าน ด้วยอาตมาภาพได้จัดตั้งมูลนิธิธนาคารบุญเจ้าคุณอลงกตขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถทำบุญบริจาคผ่านธนาคารได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

 

ซึ่งอาตมาภาพได้รับความกรุณาจากธนาคารกสิกรไทย ในการจัดสร้างช่องทางเพื่อรับบริจาคเงินทุกช่องทาง เช่น ตู้ ATM อินเตอร์เนตแบงก์กิ้ง และทางโทรศัพท์ ทำให้ได้รับความสะดวกสบายในการบริจาคมากขึ้น โดยท่านสามารถขอรหัสประจำตัวได้ และเมื่อท่านบริจาคทุกครั้ง จะมีการบันทึกข้อมูลของท่านเก็บไว้สำหรับออกใบอนุโมทนาบัตรได้ทันที หรือหากประสงค์จะบริจาคแบบรายเดือนก็ทำได้อย่างสะดวกเช่นกัน

 

เพียงท่านอนุญาตให้ธนาคารดำเนินการตามความต้องการของท่าน ซึ่งในการดำเนินการตัดยอดเงินจากบัญชีเพื่อบริจาคเข้ามูลนิธิฯในทุกครั้ง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งทางมูลนิธิฯ จะเก็บข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ เสมือนว่าท่านได้มีกองทุนในมูลนิธิเป็นของตัวเอง แล้วก็ยังตรวจสอบได้ตลอดเวลา รวมถึงการขอเอกสารรับรองการบริจาคทุกอย่างด้วย

อาตมาภาพหวังว่า มูลนิธิธนาคารบุญเจ้าคุณอลงกต จะช่วยให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญบริจาคด้วยความสบายใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและเด็กกำพร้า ตามกำลังศรัทธาของท่าน

 

ช่องทางการบริจาค

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : likesod.com

ฮือฮา “น้องไทม์” หนูน้อยข้ามเพศ ได้ใบรับรองเป็นเด็กหญิงตั้งแต่ 6 ขวบ

(17 ก.พ.) เป็นเรื่องราวที่ฮือฮาในโลกโซเชีียล เมื่อคุณแม่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Shayven ได้โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวของ น้องไทม์ ที่ดูเผินๆ เหมือนเด็กผู้หญิง แต่ที่จริงเป็นเด็กผู้ชาย และได้ทำเอกสารรับรองการข้ามเพศอย่างเป็นทางการถูกต้องตามกฎหมายแล้วด้วย

คุณแม่น้องไทม์เป็นสาวชาวไทยแต่งงานใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่ประเทศเยอรมัน เผยว่า ลูกชายของมีลักษณะคล้ายกับเด็กผู้หญิง ซึ่งทางครอบครัวก็ยอมรับและเข้าใจ รวมทั้งปรึกษาแพทย์ก่อนจะดำเนินการให้ลูกชายนั้นเป็น เด็กข้ามเพศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยได้โพสต์ข้อความว่า

“สวัสดีค่ะหนูชื่อน้องไทม์ หนูอยู่ประเทศเยอรมัน และข้ามเพศมาใช้ชีวิตแบบผู้หญิงตอน 6 ขวบค่ะ ได้เอกสารอย่างเป็นทางการที่ถูกต้องตามกฏหมาย #ไม่ต้องกังวลเรื่องเข้าโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว #หนูเป็น ด.ญ แล้วนะคะ”

อย่างไรก็ตามได้มีชาวโซเชียลเข้าไปแสดงความยินดี รวมถึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บางส่วนก็มีคนเข้าไปตั้งคำถามว่าเด็กอายุเพียงแค่ 6 ขวบ ทำไมพ่อแม่จึงรีบตัดสินใจให้น้องเป็นผู้หญิงข้ามเพศ เพราะไม่แน่ว่าน้องโตมาอาจจะอยากเป็นผู้ชาย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้อธิบายเพิ่มเติมในคอมเม้นต์ว่า

“น้องอยู่ประเทศเยอรมัน สภาพแวดล้อมทางสังคมมีส่วนในการให้เราตัดสินใจทำในครั้งนี้มาก ถึงประเทศเยอรมันจะยอมรับเรื่องการข้ามเพศ เพศที่สามมีสิทธิมีเสียง เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ แต่สำหรับน้องคือกำลังจะเข้าประถม เพื่อนในชั้นที่เรียนกับน้องคงยังไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องเป็นคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับเพื่อนๆ น้องอาจจะไม่มีคนเล่นด้วย หรือ โดนแกล้งได้ เราเลยตัดสินใจทำเรื่องให้น้อง ให้ครูที่โรงเรียน หรือ เพื่อนน้อง ปฏิบัติกับน้องเหมือนผู้หญิงคนนึงครับ”

“คำพูดจากหมอที่เฉพาะทาง ถ้าเด็กรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงมากกว่า 3 ปี เค้าจะออกใบนี้ให้ครับ ซึ่งต้องมีความเห็นจากหลายคน หมอประจำตัว ครู พ่อแม่ และการสังเกตพฤติกรรม ส่วนเรื่องฮอร์โมน เดี๋ยวเรากำลังจะนัดหมอตรวจครับ คือน้องจะเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศด้วยกระบวนการทางการแพทย์ คือต้องเข้าพบจิตแพทย์อย่างจริงจัง แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการเช่น ให้ยาลดฮอร์โมนเพศชาย รับฮอร์โมนเพศหญิงตั้งแต่เด็ก เพราะตอนโตไปจะมีสรีระแบบหญิงสาวแล้วค่อยแปลงเพศครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบคนทั่วไปครับโตมาคงแยกแยะได้ แต่เราคนเลี้ยงครับเรารู้จักลูกดีที่สุด”

ซึ่งล่าสุด คุณพ่อคุณแม่ได้โพสต์ภาพครอบครัว ระบุข้อความว่า…”ครอบครัวของเรา มีพ่อ แม่ พี่สาว และน้องไทม์ (สำหรับคนที่คิดว่าคุณแม่ยัดเยียดเพศให้น้องเพราะอยากได้ลูกสาว น้องไทม์มีพี่สาวค่ะ) น้องไทม์ อายุ 6 ขวบ เป็นเด็กข้ามเพศที่ใช้ชีวิตเหมือนเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง แต่ยังมีอวัยวะเพศชายอยู่ (สำหรับคนที่คิดว่าน้องแปลงเพศ….น้องยังเด็กเกินไปสำหรับการแปลงเพศนะคะ)”

ขอบคุณที่มา : sanook.com

จะออกรถทั้งที่ก็ต้องดูกันให้ดี!! เลือกสีรถอย่างไร? ให้เป็นมงคล และเหมาะกับตัวเองที่สุด..แม่นมาก!!

คนไทยมีความเชื่อเรื่องดวง และความเป็นมงคล หากจะทำอะไรก็ต้องคิดคำนึงถึงเรื่องความเชื่อ เพื่อความสบายใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของรถยนต์หากวันหนึ่งอยากมีรถเป็นของตัวเอง ก็ต้องเช็คเรื่องดวงและเลือกให้ถูกโฉลกมากที่สุด วันนี้ไข่เจียวเลยมีบทความเรื่อง วันเกิดกับสีรถ ที่ถูกโฉลกตามหลักทักษา โดยระบุตามนี้…

บุคคลที่เกิดวันอาทิตย์ 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเขียวเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีเทา สีควันบุหรี่เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีฟ้า สีน้ำเงิน (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอาทิตย์

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันวันอาทิตย์

– อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และอายุ 77 ปีห้ามซื้อรถสีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 ,และ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีเขียวทุกชนิด

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีเทา สีควันบุหรี่ เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันจันทร์ 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเขียว เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีม่วงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีแดง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต)

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันจันทร์

– ช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีม่วง

– และช่วงอายุย่าง 26 , 35 , 44 , 53 , 62 , 71 และ 80 ขึ้นไป สีที่ห้ามซื้อคือ สีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด ยกเว้นสีแดงสีเดียว

 

บุคคลที่เกิดวันอังคาร 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีดำ หรือสีม่วง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทองเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแดงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีบรอนซ์เงิน สีขาว สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันอังคาร

– อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีดำและสีม่วง เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันอังคาร

– สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน) 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเหลืองแก่ สีแสด สีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีดำ สีเทาเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์ทอง สีเหลืองอ่อนเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีชมพู สีโอโรส (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางวัน)

– อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเหลืองแก่ สีแสด และสีบรอนซ์ทอง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 และ 68 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีดำ , สีเทา

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน) 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีแดง เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีดำ สีม่วงเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์เงิน สีแสด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพุธ(กลางคืน)

– อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีแดง เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 และอายุ 69 สีที่ห้ามซื้อคือสีขาว สีขาวนวล สีบรอนซ์เงินและสีเหลืองอ่อน

– และช่วงอายุย่าง 22 , 31 , 40 ,49 ,58 และ 67ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีดำ สีม่วง เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีแดงเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีเขียวเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีดำ สีม่วง (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันพฤหัสบดี

– อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีฟ้า สีน้ำเงิน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69และอายุย่าง 78 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีแดง

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเขียวทุกชนิด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันศุกร์

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อนเพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีชมพู และสีโอโรสเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีแสด สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง เป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเทา สีดำ สีควันบุหรี่ (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันศุกร์

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันศุกร์

– อายุย่าง 23 , 32 , 41 , 50 , 59 , 68 และ 77 ปีห้ามซื้อรถสีขาวนวล สีบรอนซ์เงิน สีเหลืองอ่อน เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 24 , 33 , 42 ,51 ,60 , 69 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีชมพู สีโอโรส

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีเหลืองแก่ สีบรอนซ์ทอง และสีแสด เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

บุคคลที่เกิดวันเสาร์ 

สีที่เป็นมงคล ควรเป็นสีเทา สีดำ เพราะเป็นเดช อำนาจ และบารมี สีฟ้า สีน้ำเงินเป็นสีแห่งโชคลาภเงินทอง หรือสีชมพู สีโอโรสเป็นสีของมนตรี มีคนคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่สนับสนุนดี

– สีอื่นๆไม่ดีและไม่เสีย (ธรรมดา) สีที่ต้องห้าม คือ สีเขียวทุกชนิด (เป็นสีที่อัปมงคลตลอดชีวิต) เพราะเป็นสีที่เป็นกาลกินีของบุคคลที่เกิดวันเสาร์

นอกจากนี้แล้ว บุคคลที่เกิดวันเสาร์

– อายุย่าง 22 , 31 , 40 , 49 , 58 และ 67 ปีห้ามซื้อรถสีเทา สีดำ เพราะเป็นสีที่โชคร้ายในช่วงอายุที่ย่างมาถึง

– สำหรับช่วงอายุย่าง 23 , 32 , 41 ,50 ,59 , 68และอายุย่าง 77 ปี สีที่ห้ามซื้อคือสีฟ้า สีน้ำเงิน

– และช่วงอายุย่าง 18 , 27 , 36 ,45 ,54 , 63 และ 72ปี สีที่ห้ามซื้อคือ สีชมพู สีโอโรส เพราะเป็นสีที่โชคร้าย ในช่วงอายุที่มาถึงเช่นกัน

– ถ้าไม่ใช่อายุจรที่ย่างมาถึงดังกล่าวข้างต้นก็สามารถเลือกซื้อสีที่เป็นมงคลได้ตลอด

 

เรื่องการเลือกสีรถนั้นหลายความเชื่อที่ทำก็เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองที่สำคัญสบายใจด้วย แต่ยังไงก็ใช้วิจารณญาณกันด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพและข้อมูล : social.konthaiyim.com

แชร์เก็บไว้ !! 9 ภาพที่ควรมีติดบ้าน ช่วยเรียกโชคลาภ เงินทอง ให้มีความรุ่งเรือง วาสนาดี

สวัสดีค่า เรา “สาระศาสตร์” วันนี้จะมาพูดเรื่องการเลือกภาพ เพื่อตกแต่งบ้าน จะให้ทั้งประโยชน์และโทษแก่เจ้าของบ้าน รวมถึงสมาชิกภายในบ้าน งานนี้คุณไม่เชื่ออย่าลบลู่ ภาพแต่ละภาพที่คุณนำมาตกแต่งบ้านนั้น จะมีผลโดยตรงกับทุกคนๆ ที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของบ้าน การตกแต่งบ้าน ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับคนรักบ้านทั้งหลาย การตกแต่งบ้านเสริม “รูปภาพ” ติดผนังห้อง ตำราฮวงจุ้ยจะ บอกว่าเหมาะกับห้องต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องโถง ห้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องนอน ห้องน้ำห้องส้วม

รูปภาพที่นิยมนำมาแต่งบ้านเพื่อเสริมฮวงจุ้ย หรือแก้ฮวงจุ้ย ได้แก่

 

1. ภาพน้ำตก

ถือว่าเป็นภาพที่เรียกความสุขความเจริญเข้าสู่บ้านได้ดี แต่ต้องพิจารณาเรื่องของกระแสน้ำที่ไหลด้วยว่า ไหลเข้าบ้านหรือไหลออกนอกบ้าน ภาพวิวทิวทัศน์ของทะเล แม่น้ำ น้ำตก ควรจะตกแต่งที่ห้องรับแขก ไม่ควรไว้ในห้องน้ำ ห้องนอน หรือห้องทำงาน

 

2. ภาพทะเล – แม่น้ำ

แม่น้ำ เป็นภาพที่บันดาลโชคลาภมาสู่บ้านได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญภาพทะเลหรือแม่น้ำนั้นจะต้องมีลักษณะคล้ายไหลรินเข้าสู่ตัวบ้าน จึงจะถือว่าเป็นสิริมงคลสูง สามารถบันดาลความรุ่งเรืองเฟื่องฟูให้กับเจ้าบ้านได้ แต่ท่าดูแล้วกระแสน้ำไหลออกนอกบ้าน ก็จะมีผลในทางตรงกันข้าม

3. ภาพดวงอาทิตย์ – ดวงจันทร์

ภาพวิวทิวทัศน์ที่ปรากฏว่ามีดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ด้วย ถือว่าเป็นมงคล โดยเฉพาะภาพรุ่งอรุณที่มีพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า (ขอให้เป็นพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น) ติดที่ห้องโถง สามารถบันดาลให้เกิดความมั่นคงสงบสุข และชีวิตจะเต็มไปด้วยพลังแห่งความหวัง กระตื้อรื้อร้น ส่วนภาพที่มีดวงจันทร์ติดตำแหน่งความรักในห้องนอนเท่านั้น เป็นนัยว่าจะทำให้เกิดความรักที่ดี หากบ้านไหนมีลูกสาวก็จะได้ลูกเขยที่ดี จะให้ความร่มเย็น จิตใจอ่อนโยน และนำโชคดีในเรื่องรักมาสู่คุณด้วย

4. ภาพม้า 8 ตัวกำลังวิ่ง

ม้ามงคล 8 ตัววิ่งผ่าน้ำ ผู้นำทางธุรกิจ ก้าวหน้าฐานมั่นคง ม้าเป็นสัญลักษณ์ของขุนนาง ชนชั้นสูง และวิถีชีวิตที่สุขสบาย และ ม้ายังสัญลักษณ์สื่อถึงความรวดเร็ว ว่องไว ได้ฉายาว่า ม้าเร็ว ซึ่งจะส่งผลทำให้ธุรกิจ การค้า การงาน ประสบความสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น ลักษณะม้าคู่ที่มงคล จะมีลักษณะกำลังวิ่งก้าวกระโดดส่วนม้า 8 ตัว จะหมายถึง ความรวดเร็ว คล่องแคล่วว่องไว ปานม้าหนุ่ม 8 ตัวก็ไม่ปาน “หม่าเต้าเฉิงกง” แปลว่า “ความสำเร็จมาเยือน” เป็นคำมหามงคลยอดนิยมที่คนจีนชื่นชอบมากที่สุดคำหนึ่ง

5. ภาพปลาคาร์ฟ

ปลาคาร์ฟ เป็นสัญลักษณ์ ของความปรารถนาจะได้ผลกำไรหรือประโยชน์จากการทำธุรกิจถ้ามีปัญหา ชีวิตแห้งแล้ง ความเป็นอยู่ในบ้านมิได้ลำบากมาก แต่จิตใจแห้งแล้งขาดชีวิตชีวา บางครั่งเงินทองก็ติดขัด ไม่ราบรื่นคนในบ้านไม่มีความสดชื่น กระตือรือร้น เลือกให้มีปลาเงินปลาทอง ร่วมด้วยยิ่งดี จำนวนปลาควรเป็น 6 ตัว 8 ตัว หรือ 9 ตัว ถือว่าเป็นมงคล คนในบ้านจะจิตใจแจ่มใสขึ้นฐานะการเงินก็จะดีขึ้น มีโชคลาภไม่ขาด แต่ต้องดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ

6. ภาพทิวทัศน์ภูเขา

จะช่วยบันดาลความมั่นคงและหนักแน่นให้แก่คุณและคนในบ้าน ภาพทิวเขาในฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ก็ถือว่าดีหมด ยกเว้นภาพภูเขาไฟ ตำแหน่งที่ควรจะวางภาพทิวเขาคือห้องทำงาน หรือผนังหลังโต๊ะทำงาน เช่นโต๊ะทำงานที่มีกระจก หน้าต่าง หรือช่องว่างๆ ภาพภูเขาที่ดีในยุคนี้ควรมี 8 ยอดเขา ลักษณะเหมือนมังกรพลิ้วไหว คล้ายม้าพันตัววิ่ง ไม่เป็นยอดเขาแหลม ไม่มีน้ำในภาพ

7. ภาพต้นไม้

เป็นสัญลักษณ์ของการเจริญเติบโตและความมีชีวิตชีวาบันดาลให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง มีความร่มเย็นและโชคลาภ

8. ภาพสวนไม้ดอก – ไม้ใบ

ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข สดชื่น ความรัก เป็นภาพที่บันดาลความสุข ความรุ่งเรือง ถือว่าได้เป็นภาพที่ดี ที่สำคัญรายละเอียดของภาพต้องไม่รกครึ้มจนเกินไป ถ้ามีต้นไม้ที่ถูกร้อยพันไปด้วยเถาวัลย์ถือว่าไม่เป็นมลคล เพราะอาจทำลายความราบรื่นทางการเงินและธุรกิจของคุณได้ด้วย

9.ภาพเรือสำเภา

ความหมายตามประเพณีจีน เชื่อว่าเรือสำเภาเป็นของมงคล ที่สื่อถึงการค้าขายและประสบความสำเร็จ หากธุรกิจร้านค้าใดมี จะทำให้กิจการราบรื่น ไม่มีอุปสรรค ค้าขายร่ำรวยนักแล ส่วนการติด แขวน นิยมทาง “ทิศตะวันออก” หรือ “ทิศตะวันออกเฉียงใต้” เพื่อช่วยเสริมพลังฮวงจุ้ย ในมุมนั้นๆได้ดียิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูล socialasian.info

4 สิ่งนี้ มีติดบ้านไว้ รับรอง! มีกินมีใช้ ไม่ขัดสน

ฮวงจุ้ยของบ้าน นับเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปรับฮวงจุ้ยให้บ้านและผู้อยู่อาศัยอยู่เย็นเป็นสุข มีโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วบ้านต้องมีของ 4 อย่าง ดังนี้

1. ระฆัง หรือ กระดิ่ง

เชื่อกันว่า การแขวนระฆังหรือกระดิ่งเล็กๆ ผูกด้ายแดง ไว้ที่ประตูนอกบ้าน จะช่วยให้เงินทองไหลเข้าบ้าน ของดีๆแบบนี้ รีบไปหามาแขวนด่วน

2. เหรียญจีนโบราณ

คือ เหรียญที่มีลักษณะกลม มีรูสี่เหลี่ยมตรงกลาง พร้อมผูกด้วยด้ายสีแดง 3 เหรียญ เชื่อว่าหากนำไปแขวนไว้บริเวณประตูบ้าน จะช่วยเรียกทรัพย์ได้ ที่สำคัญอย่าแขวนมากกว่า 3 เหรียญ เพราะจะส่งผลเสียมากกว่าให้ผลดี

3. ปลาทอง หรือ รูปธรรมชาติ

ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าการเลี้ยงปลาทอง หรือการหาภาพที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เช่น ภาพดอกไม้ ภาพน้ำ ภาพกวาง มาแขวนไว้ในบ้าน จะเป็นการเรียกโชคลาภเข้าบ้านได้

4. ต้นไม้ในบริเวณบ้าน

ต้นไม้นอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว ยังช่วยเรียกเงินทองได้อีกด้วย ดังนั้นอย่าปล่อยให้ต้นไม้ในบริเวณบ้านเหี่ยวเฉา เพราะจะทำให้ไม่มีโชคลาภเข้าบ้าน ต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย หากเป็นต้นไม้ที่นำโชคจะยิ่งดีขึ้นไปอีก

ขอขอบคุณ : Gangbeauty