ปวดหัวแบบไหน..ไม่ควรนิ่งนอนใจ

อาการปวดศีรษะ เป็นอาการเจ็บป่วยสามัญที่ทุกคนต้องเคยเป็นมาก่อน ส่วนมากผู้ป่วยมักจะเลือกใช้ยาบรรเทาอาการปวดที่มีขายตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วๆ ไป ซึ่งก็จะมีหลากหลายชนิดให้เลือก ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น ยาพาราเซตามอล ไปจนถึงยาแก้ปวดที่รุนแรงขึ้น หรือบางคนก็ใช้ยากลุ่มที่จำเพาะเจาะจงลงไปอีก ก็แล้วแต่คนจะเลือกใช้กันไป เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น บางคนใช้แล้วหายก็ไม่ได้มาพบแพทย์ บางคนหายบ้างไม่หายบ้างแต่ก็เลือกที่จะไม่มาพบแพทย์ก็มี

นพ.อุเทน บุญอรณะ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า อาการปวดหัวบางอย่างที่หากเกิดปุ๊บ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรจะรีบมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการทันที อาการแบบนี้ในศัพท์แพทย์จะเรียกว่า reg flag sign หรืออาการปวดหัวแบบติดธงแดง ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ลักษณะอาการต่อไปนี้
1. ปวดหัวชนิดที่ไม่เหมือนเดิม ร่างกายของเรามักจะมีนิสัยปวดหัวแบบเดิมๆ เช่น ส่วนมากปวดหัวข้างเดียวแถวๆ ขมับ มักจะเป็นในวันที่นอนน้อย หรืออากาศร้อน ปวดแล้วพอได้อาบน้ำสระผม หรือนอนสักหน่อยก็จะหาย นี่คือคาแรกเตอร์ของการปวดหัว คนเรามักจะมีคาแรกเตอร์ของการปวดหัวแบบเดิมๆ แต่หากวันไหน อาการปวดหัวแสดงคาแรกเตอร์แบบแปลกๆ แบบที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน จากปวดข้างเดียวเป็นปวดสองข้าง จากปวดแถวขมับเปลี่ยนเป็นกลางหน้าผาก แบบนี้ควรมาพบแพทย์กันแล้ว
2. ปวดหัวชนิดที่ปลุกให้ตื่นกลางดึก ปกติเวลาคนเรานอน ประสาทสัมผัสจะทื่อลงดังนั้นเราจะไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการปวดหัว แต่ถ้านอนหลับไปแล้วต้องตื่นมากลางดึกเพราะปวดหัวจนปลุกเราได้ แสดงว่าอาการปวดหัวนั้นไม่ธรรมดา อันนี้ต้องรีบมาหาหมอเลยไม่ต้องรอจนเช้า

Young Man with His Hand on His Forehead — Image by © Royalty-Free/Corbis

3. ปวดหัวชนิดที่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะอาการแขนขาอ่อนแรงขยับไม่ได้ หรือหน้าเบี้ยว ปกติแล้วอาการปวดหัว มักจะเกิดจากสาเหตุนอกสมอง แต่อาการปวดหัวที่มีอาการผิดปกติทางสมองร่วมด้วย เช่น เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน แขนขาขยับไม่ได้ สลบหมดสติ หน้าเบี้ยวแบบนี้ เป็นอาการบ่งชี้ว่าอาการปวดนั้นน่าจะมาจากในสมอง แบบนี้ต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
4. อาการปวดหัวที่มีมานาน และมีแนวโน้มจะปวดมากขึ้น หรือถี่ขึ้น อันนี้แม้ว่าเราจะปวดหัวด้วยคาแรกเตอร์แบบเดิมๆ แต่ถ้าจากเมื่อก่อนเดือนปวดครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง แต่ช่วงนี้ปวดถี่เลย วันละครั้ง หรือวันละหลายๆ ครั้ง แถมปวดแล้วปวดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางจะไม่ธรรมดา อาจจะต้องมีการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม


5. อาการปวดหัวที่ไม่ตอบสนองต่อยาแบบเดิมๆ อันนี้ก็ตรงตัว นอกจากเราจะมีคาแรกเตอร์การปวดหัวแบบประจำอยู่แล้ว หลายๆ คนจะมียาที่ใช้เป็นประจำด้วย และทุกครั้งที่ใช้ก็มักจะตอบสนองดี ทีนี้ถ้าเกิดว่าเราใช้ยาแล้ว เอ๊ะ…ไม่หายสักที ทั้งๆ ที่เดิมใช้ยานี้ครั้งสองครั้งก็หายแล้ว แบบนี้มีแนวโน้มว่าอาการปวดหัวครั้งนี้จะไม่ใช่โรคปวดหัวแบบเดิมๆ ซะแล้ว แบบนี้ก็ควรมาพบแพทย์โดยเร็วเช่นกัน
อันที่จริงอาการปวดหัวแบบที่มีธงแดง (red flag sign) ยังมีอีกหลายแบบ แต่ 5 แบบที่กล่าวมานี่ถือว่าสำคัญที่สุด และสามารถสังเกตอาการด้วยตัวเองได้ ท่านใดที่อ่านแล้วเข้าข่าย แนะนำว่าอย่ามัวแต่วางใจซื้อยาแก้ปวดมากินต่อไปเองเรื่อยๆ ให้รีบมาปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านน่าจะดีที่สุด เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะอาการปวดหัวอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไมเกรน หรือโรคอันตรายร้ายแรงต่างๆ เกี่ยวกับสมองที่อาจเกิดขึ้นกับเราโดยไม่รู้ตัวก็ได้

แชร์เก็บไว้เลย!! “ถ่ายไม่ออก ตดเหม็น” เพราะอุจจาระตกค้างในลำไส้ ทำยังไงให้หาย?? (รายละเอียด)

แชร์ไว้เลย !!! วิธีแก้ถ่ายไม่ออก ตดเหม็น เพราะอุจจาระตกค้างในลำไส้

สาระดีๆ สำหรับคนที่กินแล้วไม่ค่อยขับถ่าย อนาคต..มะเร็งลำไส้..!

“อุจจาระตกค้าง” เนื่องมาจาก…

1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้าลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่ายจะ ถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่ออปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุดแต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก

แต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่น

ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อยๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ ในกระเพาะ และกดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเพลียนอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และอื่น ๆ นั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ

การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหาว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้

สูตรที่ 1 เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้วทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานเป็นปกติได้ทุกวันหรือ 3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ

สูตรที่ 2 ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออก

สูตรที่ 3 ดื่มนมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ500 มิลลิลิตร) และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือตามที่เห็นสมควร

ที่มา…พระอธิการ นพดล กันตสีโล และ http://www.rak-sukapap.com/2016/03/blog-post_849.html

เกิดมาเพื่อฆ่า “มะเร็ง” “ข้าวโพดต้ม” กินทุกวันช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้ !! แต่ต้องกินให้ถูกวิธีตามนี้ !!

ผักผลไม้เมื่อทานสดๆจะได้รับประโยชน์จากสารอาหารได้ดีกว่าการผ่านความร้อน แต่ทฤษฎีนี้จะใช้กับข้าวโพดไม่ได้ เพราะเจ้าข้าวโพดหวานนี้จะมีสรรพคุณสามารถต้านโรคมะเร็งมากขึ้นเมื่อนำไปผ่านความร้อนก่อนอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีสารล้างพิษมากกว่าผักผลไม้อื่นๆ ซะด้วย

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยลงในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่า….

“ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว จะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน”

ข้าวโพดหวานเป็นพืชที่แม้ปรุงสุกแล้ว ก็ยังคงมีคุณค่าเป็นตัวล้างพิษได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าการให้ความร้อนจะทำให้เสียวิตามินซีไปบ้าง ก็ตามที แต่เราก็ไม่ได้หวังวิตามินซีจากข้าวโพดเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะประโยชน์ที่มีมากกว่านั้น ก็คือ “การกินข้าวโพดเพื่อต้านมะเร็ง”


มาลองดูการทดลองที่ว่านี้กันเลย…

นักวิจัยทำการทดลองด้วยการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25, และ 50 นาที ผลปรากฎว่า….ยิ่งต้มนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น โดยเวลาการต้มที่มาขึ้น ทำให้มีสารซึ่งเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นมากขึ้น 22, 44 และ 53 เปอร์เซนต์ตามลำดับ

จากการทดลองนี้ นักวิจัยเชื่อว่า สารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษนี้จะช่วยทำลายล้างพิษของพวกอนุมูลอิสระตัวอันตรายต่อเซลล์อวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังเป็นตัวก่อการร้ายที่จะทำให้เกิดโรคที่มีเหตุมาจากความชรา เช่น ต้อกระจก, โรคสมองเสื่อม รวมทั้งโรคร้ายอย่างหัวใจ และมะเร็งด้วย

ซึ่งสารสำคัญที่รับบทเป็นตัวล้างพิษนี้ คือ “กรดเฟรุลิก (Ferulic acid)” หรือกรดอินทรีย์ที่เป็นสารสำคัญช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ กรดเฟรุลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ ดังนี้

 

 

1. ต่อต้านความชรา

2. ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง

3. ป้องกันโรคหัวใจ

4. รักษาไข้หวัด

5. รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ

6. ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง

7. สำหรับคนที่เป็นมะเร็งที่รับการทำคีโม กินข้าวโพดต้มจะสามารถสารล้างพิษเคมีที่เกิดจากการทำคีโมได้

มากไปกว่านั้น นักวิจัยกลุ่มนี้กล่าวว่า ข้าวโพดหวานต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก ออกมา ยิ่งผ่านความร้อนสูงก็ยิ่งออกมามาก ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นการทำสุกจึงช่วยให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น กรดเฟรุลิกจัดอยู่ในพวกพฤษเคมี ซึ่งพบในผักและผลไม้ไม่มากนัก แต่อุดมอยู่ในฝักข้าวโพดเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น หากคุณอยากมีร่างกายที่แข็งแรงตลอดไป แนะนำให้หาข้าวโพดต้มหรือปิ้งมาทานบ่อยๆ แล้วสุขภาพของคุณจะแข็งแรงกว่าเดิม

ขอบคุณที่มา : siamnews.com nokkrasa.com

10 อาหาร “กินบ่อยๆ” รับรองไปหา “ยมบาล” ไวแน่นอน

วันนี้จะพามาดู 10 เมนูที่ยิ่งกินยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยงโรคไต เพราะไตทำงานหนัก มะเร็ง โรคหัวใจ ฯลฯ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. ไข่เยี่ยวม้า

 

ไข่เยี่ยวม้ามี ตะกั่วค่อนข้างสูง ตะกั่วทำให้การดูดซึมแคลเซียมน้อยลง กินบ่อยๆ จะเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบาง และอาจได้รับพิษตะกั่ว เช่น สมองเสื่อม เป็นหมัน ฯลฯ

2. ปาท่องโก๋

 

กระบวนการทำปาท่องโก๋มีการใช้สารที่ทำให้กรอบ ฟู ซึ่งมีตะกั่วปนเปื้อน ตะกั่วทำให้ไตทำงานหนักในการขับสารนี้ออกไป นอกจากนั้นยังทำให้คอแห้ง เจ็บคอง่าย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคร้อนในได้ง่าย

3. เนื้อย่าง

 

กระบวนการรมไฟ ย่างไฟทำให้เกิดสาร เบนโซไพรีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

4. ผักดอง

 

ผักดอง และของหมักเกลือทำให้ร่างกายได้รับเกลือโซเดียมสูง ถ้ากินบ่อยเกิน หรือมากเกินจะทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดความดันเลือดสูง และโรคหัวใจได้ง่าย นอกจากนั้นกระบวนการหมักดองยังทำให้เกิดสารแอมโมเนียมไนไตรด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

5. ตับหมู

ตับหมูมีโคเลสเตอรอลสูง การกินตับหมูบ่อยเกิน หรือมากเกินทำให้เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลือดสมอง(อัมพฤกษ์-อัมพาต) และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น

6. ผักขม ปวยเล้ง

ผักขมและปวยเล้งมีสารอาหารสูง ทว่า… มีกรดออกซาเลตมาก ทำให้เกิดการขับสังกะสี และแคลเซียมออกจากร่างกายมาก การกินบ่อยเกิน หรือมากเกินอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซียม หรือสังกะสีได้

7. บะหมี่สำเร็จรูป

บะหมี่สำเร็จรูปมีสารกัดบูด สารแต่งรสค่อนข้างสูง และมีคุณค่าทางอาหารต่ำ การกินบะหมี่สำเร็จรูปมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคขาดอาหาร และการสะสมสารพิษได้

8. เมล็ดทานตะวัน

เมล็ดทานตะวันมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ทว่า… การกินมากเกิน หรือบ่อยเกินอาจทำให้กระบวนการเคมี (metabolism) ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดการสะสมไขมันในตับ ภาวะไขมันในตับสูงอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคตับ เช่น ตับแข็ง ฯลฯ เพิ่มขึ้น

9. เต้าหู้หมัก เต้าหู้ยี้

กระบวนการหมักเต้าหู้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย… ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนสูงอายุ หรือเด็กเล็กได้ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย

Close up of Monosodium glutamate (MSG), a flavor enhancer in many asian food

10. ผงชูรส

 

คนเราไม่ควรกินผงชูรสเกินวันละ 6 กรัม หรือประมาณ 1 ช้อนชา… การกินผงชูรสมากเกิน หรือบ่อยเกินทำให้เกิดภาวะกรดกลูตามิกในเลือดสูง อาจทำให้ปวดหัว ใจสั่น คลื่นไส้ และมีผลเสียต่ออวัยวะสืบพันธุ์”

7 สี รองเท้าผ้าใบ “นำโชควันเกิด” ใส่เเล้วมีเเต่ “รวย”

วัยรุ่นหรือทุกๆวัย เเน่นอนการเลือกซื้อรองเท้าบางครั้ง เพื่อนๆรู้ไหมว่าวันเกิดของเพื่อนๆนั้นมี มีสีรองเท้าที่ตรงกับวันเกิดด้วยนะ มาดูกันกันว่าเกิดวันไหนใส่รองเท้าสีไหนดีที่สุด…ต้องบอกเลยว่า ใส่สีรองเท้าตามวันเกิดอาจจะช่วยเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้นได้นะจร๊ะ มาดูกันเลย

 

“คนเกิดวันอาทิตย์”

รองเท้า สีขาว สีครีม

เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้าสีแดง

เสริมสง่าราศี มากด้วยบุญญาบารมี มีอำนาจวาสนา คนนบนอบยำเกรง

รองเท้า สีดำ

เสริมความน่าเคารพนับถือ เสริมดวงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การเงิน

รองเท้า สีม่วง

เสริมดวงด้านศรัทธา ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และดวงเรื่องการเงิน

รองเท้า สีเขียว

เสริมดวงให้คนรักเมตตา อุปถัมภ์ค้ำชู ช่วยเหลือทำให้สะดวกราบรื่นในเรื่องต่างๆ

รองเท้า สีเทา

เสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ การสนับสนุนเกื้อกูล

รองเท้า สีฟ้า สีน้ำเงิน

ไม่ควรใช้สีนี้ เพราะเป็นกาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันจันทร์”

รองเท้า สีส้ม สีเหลืองแก่ สีดำ

เสริมดวงเรื่องการเงิน ความมั่นคง ทุนทรัพย์ ราคาและคุณค่าที่จะเพิ่มพูนให้แก่ตนเองในปัจจุบันและภายภาคหน้า

รองเท้า สีดำ

เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีน้ำเงิน

เสริมเสน่ห์ ผู้ใหญ่รักเมตตาและเอ็นดู มีแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา

รองเท้า สีม่วง

เสริมดวงด้านความสะดวกราบรื่นทุกอย่าง

รองเท้า สีชมพู

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีฟ้า

เสริมดวงให้ประสพความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีเขียว

อำนาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับบัญชาคน

รองเท้า สีแดง

สีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันอังคาร”

รองเท้า สีม่วง

เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีดำ

เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ

รองเท้า สีเทา

เสริมความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ

รองเท้า สีแสด

เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีน้ำตาล

เสริมดวงด้านความมั่นคงในชีวิต เช่นมั่นคงเรื่อง หลักทรัพย์ ทรัพย์สิน หน้าที่การงาน

รองเท้า สีเขียว

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง

รองเท้า สีแดง สีชมพู

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รถสีขาว สีเหลืองนวล

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด

ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันพุธ” (กลางวัน 06.01-18.00)

รองเท้า สีน้ำเงิน สีฟ้า

เสริมดวงด้านความเคารพนับถือ ยกย่องยอมรับ

รองเท้า สีน้ำตาล

เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ

รองเท้า สีขาว สีเหลืองอ่อน

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีเทา

เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีดำ

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น

รองเท้า สีม่วง

เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีเขียว

เสริมดวงด้านเสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา

รองเท้า สีชมพู สีแสด

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันพุธ” (กลางคืน 18.01-06.00)

รองเท้า สีชมพู

เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ

รองเท้า สีดำ

เสริมดวงด้านความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

รองเท้า สีเทา

เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีม่วง

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีน้ำเงิน สีฟ้า

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น

รองเท้า สีแดง สีน้ำตาล

เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีส้ม

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันพฤหัสบดี”

รองเท้า สีขาว

เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ

รองเท้า สีแดง

เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีเทา สีบรอนซ์

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น

รองเท้า สีฟ้า

เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีเขียว

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีส้ม สีทอง

เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา

รองเท้า สีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันศุกร์”

รองเท้า สีแดง สีทอง

เสริมดวงด้านความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

รองเท้า สีเขียว

เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ

รองเท้า สีแดง สีชมพู

เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีเหลือง

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีดำ

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น

รองเท้า สีน้ำตาล

เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีฟ้า สีน้ำเงิน

เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา

รองเท้า สีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

 

“คนเกิดวันเสาร์”

รองเท้า สีแดง สีชมพู สีเหลือง

เสริมดวงให้คนยอมรับเชื่อถือและไว้วางใจ

รองเท้า สีชมพู

เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน

รองเท้า สีน้ำเงิน สีฟ้า

เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง

รองเท้า สีเทา สีบรอนซ์

เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี

รองเท้า สีทอง สีเหลือง

เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น

รองเท้า สีดำ สีม่วงแก่

เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา

รองเท้า สีเขียว สีแสด

เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

เรียบเรียงโดย สุมหัว

ขอบคุณ teeyai6646

ที่มา.sumhua.com

เขาโยน ขวดพลาสติกเปล่า ลงในเครื่องซักผ้า ผลลัพธ์น่าทึ่ง..ทำเอาร้านซัก อบ รีด ต้องหวั่น!!

ปัจจุบันเครื่องซักผ้ากลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับทุกบ้านไปแล้ว เพราะช่วยเบาแรงและประหยัดเวลา ทำให้ไม่ได้ต้องมานั่งซักผ้าอีก เจ้าเครื่องซักผ้านี้นำประโยชน์มาให้มากมาย

 

แต่มันก็นำพาความยุ่งยากต่างๆมาให้เหมือนกัน โดยเฉพะาเครื่องซักผ้าฝาบน เมื่อซักเสื้อผ้าเสร็จเราก็จะนำผ้าออกมาตากนั้นก็สังเกตเห็นว่า เสื้อผ้าจะพันกันไปหมด ทำให้เสื้อผ้าเปลี่ยนรูป นี่เป็นปัญหาใหญ่ของการใช้เครื่องซักผ้าเลยก็ว่าได้

 

แต่วันนี้ไลค์เกอร์จะเผยเคล็ดลับอย่างหนึ่งให้เพื่อนๆได้ลองทำกันดู โดยการเอาขวดน้ำอัดลืมพลาสติกเปล่าทิ้งลงไปในเครื่องซักผ้าด้วย แค่นี้ก็จะทำให้ความอัศจรรย์เกิดขึ้นภายในเครื่องซักผ้ากับผ้าที่ซักแล้ว

 

ก่อนอื่นต้องไปหาขวดน้ำพลาสติกก่อน จากนั้นล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ปิดฝาให้สนิท แล้วทิ้งขวดพลาสติกเปล่าลงไปในถังเครื่องซักผ้าด้วย ในขณะที่ซักผ้าตามปกติ เมื่อเครื่องทำการซักผ้า ขวดเหล่านั้นก็จะอยู่ติดกับเสื้อผ้า ไม่ว่าเครื่องซักผ้าจะหมุนแรงแค่ไหน ก็ไม่ทำให้เสื้อผ้าพันติดกันแล้ว

 

ทิศทางของขวดพลาสติกสามารถเปลี่ยนทิศทางของการไหลของน้ำได้อย่างง่ายดาย และเพิ่มแรงบิดระหว่างการไหลของน้ำ วิธีนี้ทำให้เสื้อผ้าสามารถหมุนไปตามทิศทางของน้ำ ไปและกลับได้ดี ทำให้เสื้อผ้าไม่พันกันด้วย ต่อไปการซักผ้าก็ไม่ทำให้เราต้องเป็นกังวลอีก ซักเสื้อผ้าได้อย่างสะดวกสบาย

ขอขอบคุณ : LIEKR.com

วิธีทำ “น้ำนมข้าวโพด” สรรพคุณบำรุงผิวพรรณ บำรุงสายตา ต้านมะเร็งร้าย

ก่อนจะเป็นนมข้าวโพด ต้องเริ่มจากนำข้าวโพดสดมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด ใช้มีดบางและคมฝานเอาเฉพาะเมล็ดข้าวโพดออก (ในที่นี้ตามสูตรน้ำหนัก 5 กิโลกรัม) เทน้ำสะอาดลงไปในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 นำไปต้มไฟปานกลางจนเดือดพอประมาณแล้วยกลง ทิ้งให้ข้าวโพดเย็น นำไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียด หรือเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แล้วใช้ผ้าขาวบางกรอง สิ่งที่จะได้คือน้ำนมข้าวโพดสีขาวขุ่นคล้ายน้ำนมถั่วเหลือง พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวโพด

 

จากนั้นเป็นการปรุงรสชาติ สำหรับข้าวโพด 5 กิโลกรัม อาจต้องใช้น้ำตาลทรายประมาณ 750 กรัม เกลือ 2 ช้อนชา หากอยากเพิ่มความหอมอาจใช้ใบเตยสดทั้งใบ ล้างให้สะอาดใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำนมข้าวโพด นำไปตั้งไฟอ่อนถึงไฟกลางแล้วค่อยๆ เคี่ยวไปจนกระทั่งเดือด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ผู้ประสบความสำเร็จในการขายน้ำนมข้าวโพดบอกว่า เคล็ดลับอยู่ที่เวลาเคี่ยวต้องคอยหมั่นสังเกตอย่าให้น้ำนมข้าวโพดแตกมัน และอย่าเคี่ยวนานเกินไป เพราะความร้อนจะทำให้ความหวานของน้ำนมข้าวโพดหายไป

 

น้ำนมที่ต้มได้ที่แล้ว เมื่อยกลงยังมีอุณหภูมิประมาณ 75 องศาเซลเซียส กรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งเพื่อเอากากข้าวโพดและแป้งข้าวโพดที่เป็นคาร์โบไฮเดรตออกไปบ้าง คงเหลือแต่แคลเซียม วิตามิน โปรตีน ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการและมีไขมันต่ำ นำน้ำนมข้าวโพดผ่านการฆ่าเชื้อโดยเทใส่ภาชนะที่เป็นหม้อร้อนในเครื่องพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส แล้วไหลผ่านความเย็นทันทีในหม้อเย็นจัด

 

บรรจุขวดสะอาดที่ผ่านการซ่าเชื้อแล้ว (นึ่งฆ่าเชื้อประมาณ 5-10 นาที หรือลวกด้วยน้ำเดือด ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาบรรจุ) ปิดฝาขวดให้แน่น นำไปใส่ในถังน้ำแข็ง เมื่อความร้อนพบกับความเย็นทันทีจะสามารถฆ่าเชื้อได้ระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นการพลาสเจอร์ไรส์ได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากบรรจุในขวดที่มีขนาด 250 ซีซี จะบรรจุน้ำนมข้าวโพด 5 กิโลกรัมได้ประมาณ 40 ขวด เก็บรักษาโดยแช่เย็นในอุณหภูมิไม่เกิน 2-3 องศาเซลเซียส เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทำน้ำนมข้าวโพดพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรซ์

 

ข้อแนะนำ หากต้องการให้น้ำนมข้าวโพดมีสีขาวข้น และกลิ่นหอม ควรใช้ข้าวโพดหวานพันธุ์ เอ ที เอส และสามารถต้มขายลักษณะวันต่อวัน เช่นเดียวกับน้ำเต้าหู้ก็ได้ หรือหากมีเงินลงทุนมาก ควรซื้อหม้อพาสเจอร์ไรส์ ราคาประมาณ 30,000 บาท

 

ส่วนกากข้าวโพดที่กรองไว้ ยังนำไปแปรรูปเป็นอาหารว่างที่ถูกปากหลายคนไม่แพ้เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด คือข้าวโพดกวน วิธีทำ เริ่มจากนำกากข้าวโพด (จากข้าวโพด 5 กิโลกรัม) ลงกะทะ ตามด้วยกะทิ 1,000 กรัม น้ำตาล 1,800 กรัม ค่อยๆ กวนด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งข้าวโพดไม่เกาะติดกระทะ แล้วยกลง ขั้นตอนต่อไปเป็นการประดิษฐ์ประดอยว่าจะปั้นเป็นก้อนทานพอคำ หรือทำเป็นรูปอะไรก็ได้ หรืออาจจะห่อด้วยกระดาษแก้วหลากสีให้กลายเป็นอาหารขบเคี้ยวที่น่าทานและขายได้

 

กลับไปที่นมข้าวโพด คุณประโยชน์ที่ได้รับประกอบด้วยไขมันและโซเดียมต่ำ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต มีเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงผิวและสายตา มีแคลเซียมช่วยกระตุ้นการเจริญของกระดูก ผม และฟันในเด็กวัยเรียน นอกจากนั้น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แมกนีเซียม โพแตสเซียม เมไธโอนีน วิตามิน เอ บี และอื่นๆ อย่างละเล็กน้อย และรสพอหวาน ยังเป็นเครื่องดืมเพิ่มพลังงานในคนฟื้นจากไข้ หรือผู้มีอาการอ่อนเพลีย

อีกหนึ่งสูตร

วัตถุดิบและส่วนผสม

1) ข้าวโพดหวานฝานเมล็ดบางๆ 5 ฝัก

2) ใบเตยหอมใบใหญ่มัดเป็นปม 2-3 ใบ

3) น้ำ 10 ถ้วย

4) เกลือสมุทร ¼ ช้อนชา

วิธีทำน้ำนมข้าวโพด

1. ตั้งหม้อบนไฟขนาดกลาง จากนั้นใส่น้ำ ใบเตย และเมล็ดข้าวโพดที่ฝานลงไปต้มจนเดือด เมื่อต้มจนได้กลิ่นหอมของใบเตยแล้วจึงยกลงพักไว้ แล้วกรองเอาเมล็ดข้าวโพดออก

2. ใส่เมล็ดข้าวโพดที่กรองออกมากับน้ำต้มลงในโถปั่น ปั่นจนละเอียดเข้ากัน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ นำไปใส่หม้อเดิม แล้วตั้งบนไฟขนาดกลางอีกรอบ

3. ใส่เกลือ แล้วลดเป็นไฟขนาดอ่อน ขณะต้มคอยคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ก้นไหม้ ใส่น้ำตาลปรุงรสเพิ่มหากชอบหวาน ใช้เวลาต้มประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ แล้วยกลงพักไว้

3. รอให้อุ่นรินใส่แก้ว แล้วพร้อมเสิร์ฟค่ะ

 

สำหรับคุณประโยชน์ของน้ำนมข้าวโพด

1. ประกอบไปด้วยไขมันและโซเดียม ที่ต่ำ ทำให้ไปเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต และไม่ทำให้อ้วน

2. มีสารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงผิวและบำรุงสายตา และยังมีมีแคลเซียมช่วยกระตุ้นการเจริญของกระดูก ผม และฟันในเด็กวัยเรียน

ยังมี คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แมกนีเซียม โพแตสเซียม เมไธโอนีน วิตามิน เอ บี และอื่นๆ

3. ยังเป็นเครื่องดื่มเพิ่มพลังงานในคนฟื้นจากไข้ หรือผู้มีอาการอ่อนเพลีย

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก :ruk-health

ไม่ได้โง่!! เปิดผลวิจัย “คนขี้ลืมคือคนฉลาด” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? นักวิจัยมีคำตอบ

ใครเคยถูกด่าเพราะตัวเองเป็นคนขี้หลงขี้ลืม ขอให้ยกมือขึ้น! ลืมความเจ็บปวดที่เคยถูกต่อว่านั้นไป ทำใจให้สบายและมาอ่านเรื่องราวที่เรานำมาเสนอในวันนี้ เพราะล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ มีผลการวิจัยจากต่างประเทศที่ชี้ให้เห็นแล้วว่า คนขี้ลืมไม่ได้หมายความว่าเป็นคนโง่! แต่คนขี้ลืมคือคนฉลาดต่างหากล่ะ!

Paul Frankland และ Blake Richards สองนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต ประเทศแคนาดา ผู้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องกลไกการทำงานของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ และพวกเขาก็ได้พบว่า ความขี้หลงขี้ลืมไม่ได้เกิดจากประสิทธิภาพในการเรียกคืนข้อมูลล้มเหลว หากแต่นี่เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้สมองสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Blake Richards กล่าวว่า “เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ สมองของคนเราต้องลืมหรือตัดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง และให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญกับเรื่องที่จำเป็นหรือเรื่องที่ต้องตัดสินใจในช่วงเวลา ณ ขณะนั้น เพราะถ้าคุณพยายามจะจำทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สมองของคุณก็จะอัดแน่นไปด้วยความจำเหล่านั้นมากเกินไป ทำให้สมองเบลอ เชื่องช้า ส่งผลให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำได้ยาก พูดง่ายๆ ก็คือ คุณจะลังเลไม่กล้าตัดสินใจในทุกๆ เรื่องนั่นเอง และสมองของคนเราเป็นตัวกรองข้อมูลชั้นดี นั่นหมายความว่า อะไรที่ไม่สำคัญก็ควรจะลืมๆ มันไปซะ เหมือนเป็นการเคลียร์สมองเพื่อเก็บพื้นที่เอาไว้จดจำในเรื่องที่สำคัญๆ หรือเรื่องที่ตัวเองสนใจก็เพียงพอแล้ว”

Paul Frankland ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “จากผลการวิจัยที่เราได้ศึกษาค้นคว้ากันมา แสดงให้เห็นว่า สมองของคนเรามีกลไกบางอย่างที่สนับสนุนให้เกิดอาการหลงๆ ลืมๆ ซึ่งมันแตกต่างจากกลไกของสมองที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกข้อมูลเป็นอย่างมาก และประโยชน์ของเจ้ากลไกชนิดนี้ก็คือ ทำให้คนที่ขี้ลืมนั้นมีความคิดความอ่านที่ฉลาดและหลักแหลมนั่นเอง”

อย่างไรก็ตามนักวิจัยทั้งสองคนก็ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ผลงานวิจัยของพวกเขาชิ้นนี้หมายถึงคนที่มีนิสัยขี้ลืมหน่อยๆ ไม่ได้หมายถึงคนที่ขี้หลงขี้ลืมมากๆ ชนิดที่ว่าจำเรื่องราวสำคัญๆ ต่างๆ ไม่ได้เลย เพราะนั่นคืออาการป่วยหรือเป็นอาการของโรคความจำเสื่อมซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลการวิจัย แต่ควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะเป็นการดีที่สุดนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก  SpokeDark.TV

22 วิธีใช้สิ่งของในบ้าน ที่คุณทำผิดมาตลอดชีวิต เชื่อสิ!!

เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์แต่ละอย่าง เค้าทำมาเพื่ออะไร? แล้วมันใช้ทำอะไร? คนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะได้สังเกตกันหรอก ก็มักจะใช้กันไปตามมีตามเกิด เห็นว่าใช้ได้ไม่มีปัญหาก็ใช้กันต่อไป แต่ทว่านั่นเป็ฯวิธีการใช้สิ่งของเหล่านั้นในวิธีที่ผิด เพราะฉะนั้นตามเหมียวมาดูกันดีกว่า

1. ไม่มีช้อนตักเหรอ ก็ใช้ฝานั่นแหละทำเป็นช้อนซะ

how-to-use-things (1)

2. แผ่นซีดีเป็นรอย เครื่องอ่านไม่ได้เลย ลองใช้กล้วยทาลงไปซิ

how-to-use-things (2)

3. ใช้เครื่องเป่าผม หมดปัญหาเรื่องไอน้ำเกาะเต็มห้องน้ำ

how-to-use-things (3)

4. วิธีป้องกันไม่ให้ชีสขึ้นรา ก็แค่เอาเนยมาถูไว้บางๆ บนขอบชีส

how-to-use-things (4)

5. กล่องบะหมี่สำเร็จรูปเค้าก็ออกแบบมาให้ใช้เป็นจานรองด้วยนะ

how-to-use-things (5)

6. หมดปัญหาของปลั๊กหลุดออกจากกัน ม้วนไว้ด้วยกันซะ

how-to-use-things (6)

7. กล่องฟอยล์จะมีตัวยึดอยู่ด้านข้าง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเห็น

how-to-use-things (7)

8. หูของกล่องนม กล่องน้ำผลไม้ มีไว้ป้องกันหลุดมือนั่นเอง เหมาะกับเด็กๆ จะได้ไม่ต้องบีบกล่องแรงๆ

how-to-use-things (8)

9. วิธีขยายถ้วยกระดาษใส่ซอส ลองฉีกขอบซักนิดซิ ใส่ได้เยอะกว่าเดิม

how-to-use-things (9)

10. ฝาปิดแก้วไว้ใช้รองแก้วนะจ๊ะ

how-to-use-things (10)

11. กระเป๋าถือมักจะมีอะไรติดอยู่เยอะ ใช้ลูกกลิ้งช่วย

how-to-use-things (11)

12. การทำเช่นนี้ จะเป็นการกระจายน้ำมันได้ทั่วขวดโหลเลย

how-to-use-things (12)

13. ใช้แขวนรูปได้นะ

how-to-use-things (13)

14. ใช้ล็อกหลอดให้อยู่กับที่ได้อีก

how-to-use-things (14)

15. ช่องว่างๆ นั้น นอกจากจะเอาไว้แขวนแล้ว เค้าก็เอาไว้พักช้อนคนด้วย

how-to-use-things (16)

16. ขวดปิดแน่น ก็ใช้ช้อนงัด

how-to-use-things (15)

17. คราบน้ำอยู่บนเฟอร์นิเจอร์ไม้เหรอ ใช้มายองเนสซิ

how-to-use-things (17)

18. ฝาของมันออกแบบมาเพื่อการนี้แหละ

how-to-use-things (18)

19. วิธีกิน Toblerone ที่ถูกต้อง

how-to-use-things (19)

20. วิธีวางตัวรองนั่งชักโครกที่ถูกต้อง

how-to-use-things (20)

21. ปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมแต่ละครั้ง ก็คือ ขนาดเท่าเม็ดถั่ว

how-to-use-things (21)

22. ในถ้วยมีท๊อปปิ้งให้ผสมกัน บิดอีกด้านขึ้นให้มันไหลลงผสมกันโลด

how-to-use-things (22)

โอ้!! ไม่น่าเชื่อว่าแต่ละอย่างนี้มันออกแบบมาเพื่อการนี้จริงๆ

ที่มา : awesomeinventions

เสี่ยงทายรักและนิสัยตามปีเกิด!! คุณเป็นใครใน BNK48

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย…แอบส่งใจให้นิดๆ แต่ดูเธอช่างเฉยเมย
เอาล่ะเตรียมใจไว้หน่อยมันจะหัวก้อยต้องเสี่ยงกัน  Yeah Yeah Yeah

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพลงที่ฮิตและฮัมตามได้โดยไม่รู้ตัว นั่นคือเพลงของวงไอดอลสัญชาติไทยหัวใจญี่ปุ่นวงBNK48 ที่ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเธอ ด้วยความสดใสน่ารัก ท่าเต้นฟรุ้งฟริ้งและบทเพลงฮิตเป็นกระแส แรงไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างเพลง “Koisuru fortune Cookie คุกกี้เสี่ยงทาย”    

เรามาเช็กความเป็นโอตะ ของสาว ๆ BNK48 กันหน่อย สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเข้าสู่วังวนของสาวๆ BNK48 ก็อาจจะต้องเตรียมตัวกันหน่อย

ตามความเชื่อของโหราศาสตร์ไทยและจีน ปีเกิดหรือปีนักษัตรที่เกิดจะส่งผลถึงบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ รวมถึงอีกหลายอย่างในชีวิต มาลองตรวจสอบกันดูดีกว่า ว่าปีเกิดหรือปีนักษัตรของคุณบ่งบอกตัวของคุณอย่างไร มาลุ้นดูสิว่า คุณเป็นใครใน BNK48 ไม่แน่อาจเจอเรื่องของหัวใจอยู่ข้างในก็เป็นได้

 

 

หัวหน้าวง/กัปตันวง
CENTER เพลง BNK48
เฌอปราง อารีย์กุล
เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม 2539 (ปีชวด)

CENTER เพลง Namida Surprise! ตาหวาน -อิสราภา ธวัชภักดี เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 2539 (ปีชวด)
น้ำหนึ่ง – มิลิน ดอกเทียน เกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน 2539 (ปีชวด)

เฌอปราง , ตาหวาน , น้ำหนึ่ง (ปีชวด)

ลักษณะเฉพาะ มีเสน่ห์ ฉลาด รอบรู้ ในอดีตหากชาวจีนเห็นหนูตัวโตวิ่งอยู่ในบ้าน ก็จะทำนายได้ว่าในปีนั้นจะมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวอย่างอุดมสมบูรณ์

จุดเด่น สติปัญญาที่เฉียบแหลม ความสามารถในการเข้าสังคม และวิญญาณนักธุรกิจที่มี ทำให้คุณประสบความสำเร็จทุกเรื่องที่คุณลงมือทำ

จุดอ่อน  บางครั้งความพยายามที่จะไต่เต้าของคุณก็ทำให้คุณเผลอเป็นคนเห็นแก่ตัวได้เหมือนกัน

คู่รักที่เหมาะสม   ปีมะโรง วอก ฉลู

ชาวหนูนั้นเกิดภายใต้ดาวเสน่ห์ และความแข็งกร้าว มักเป็นคนชอบแสดงออก และช่างพูดเป็นบางครั้ง ชอบปาร์ตี้ ชอบใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนฝูงเป็นเวลานานๆ แม้คนเกิดปีชวดจะสามารถสงบปากสงบคำได้ แต่เราก็แทบจะไม่เคยเห็นคนเกิดปีนี้นั่งเงียบๆ สักที ชาวหนูมักมีคนรู้จักมากกว่าที่จะมีเพื่อนแท้ แต่ชาวหนูก็บูชา และชื่นชมผู้คนที่ใกล้ชิดมากทีเดียว เมื่อคุณได้เป็นเพื่อนแท้ของคนปีชวดแล้วล่ะก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ราวครอบครัวเดียวกัน คนเกิดปีนี้เป็นคนเก็บตัว และไม่ชอบเล่าปัญหาส่วนตัวให้ใครฟัง เห็นช่างพูดช่างคุยอย่างนั้นเถอะ เคยไว้ใจใครเสียที่ไหน

เป็นคนซื่อสัตย์ดี แม้ชีวิตจริงจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันแล้ว ชาวหนูสามารถประสบความสำเร็จได้เสมอ คนเกิดปีชวดนั้นหัวไว และทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จเร็วกว่าคนอื่นมาก นอกจากนั้นยังมีความมั่นใจสูง และมีสัญชาตญาณที่ดี ด้วยความดื้อที่มีอยู่ ชาวชวดจึงนิยมดำรงชีวิตอยู่ด้วยกฎเกณฑ์ของตัวเองมากกว่ากฎที่ผู้อื่นตั้งขึ้น การทำงานกับคนปีชวดนั้นไม่ง่ายเลย เนื่องจากพวกเขานิยมแต่ความสมบูรณ์แบบเท่านั้น

ความรัก

เพราะความว่องไวปราดเปรียวของเจ้าหนูจอมซน จึงทำให้ความรักของคนเกิดปีนี้อลเวงร้อนแรง ชนิดไฟแรงสูงทั้งหญิงและชาย ชาวปีชวดขนานแท้รับรองเรื่องเซ็กซ์ของเขาไม่เป็นสองรองใคร อาจถึงขั้นใฝ่หาเลยทีเดียว คนเกิดปีชวดถ้าได้รักใครแล้วจะทุ่มเทแบบสุดๆ แต่อย่าให้เขาเกลียดเชียวนะ พลังความเกลียดของหญิงชายชาวปีหนู รุนแรงยิ่งกว่าพายุทอร์นาโดเสียอีก แล้วก็เพราะความรุนแรงยิ่งกว่าพายุหมุนนี่เอง เวลาที่เขาพลาดหวังจากความรัก เขาจะฟูมฟายซะใหญ่โต แต่ก็เป็นเพียงแป๊บเดียว เมื่อคลื่นลมสงบ เขาและเธอก็จะมีความรักใหม่หมุนเวียนเข้ามาในชีวิตอย่างต่อเนื่อง

ด้วยพื้นดวงของปีเกิด พวกเขาเกิดมาพร้อมกับเสน่ห์เลยทีเดียว ใครพบเห็นก็หลงใหลปลาบปลื้ม หมุนเวียนเข้ามาแต่ก็มิได้จีรังยั่งยืน เพราะตัวเขาเองที่เป็นประเภท รักง่ายหน่ายเร็ว หนุ่มสาวปีชวดมักไม่จริงจังกับแก่นสารสาระของชีวิตสักเท่าไร ไม่ค่อยจะดิ้นรนหาความมั่นคง เพราะชอบหมกมุ่นอยู่กับความรัก และกามารมณ์เป็นยอดปรารถนาเหนือสิ่งอื่นใด

 

ไข่มุก – วรัทยา ดีสมเลิศ เกิดวันที่ 27 สิงหาคม 2540 (ปีฉลู)

แคน – นายิกา ศรีเนียน  เกิดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2540 (ปีฉลู)

CENTER เพลง โชนิจิ  เนย – กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล  เกิดวันที่ 9 เมษายน 2540 (ปีฉลู)

อร – พัศชนันท์ เจียจิรโชติ เกิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2540 (ปีฉลู)

ไข่มุก , แคน , เนย , อร (ปีฉลู)

ลักษณะเฉพาะ  เป็นคนขยัน แน่วแน่ และเชื่อมั่นในตัวเอง

จุดเด่น  มีความสุขุม รอบคอบ กล้าตัดสินใจ  มีความรับผิดชอบสูง ซื่อสัตย์ รักครอบครัว

จุดอ่อน  ต้องการความแน่นอนในชีวิต บางครั้งคิดและตัดสินใจช้า ไม่ชอบเข้าสังคมและมักจะเงียบมากตามงานปาร์ตี้ต่างๆ

คู่รักที่เหมาะสม  ปีชวด ปีระกา ปีมะเส็ง ปีวอก

ผู้ที่เกิดปีฉลูเป็นคนขยัน แน่วแน่ และเชื่อมั่นในตัวเอง ด้วยความที่มีมาตรฐานความดีความชั่วแบบขาวกับดำ จึงมักตัดสินผู้อื่นอย่างไร้การประนีประนอมด้วยมาตรฐานเหล่านั้น คนเกิดปีนี้ไม่ชอบเข้าสังคมและมักจะเงียบมากตามงานปาร์ตี้ต่างๆ ภายใต้ลักษณะภายนอกอันสงบนิ่งนั้นซุกซ่อนความช่างคิด และความรุนแรงหากถูกยั่วให้โกรธเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยจึงมิควรทำให้คนเกิดปีฉลูโกรธเอา

คนเกิดปีฉลูเป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี มีความจำเป็นเลิศและสามารถรายงานทุกสิ่งที่พบได้อย่างแม่นยำ ถ้าพูดถึงครอบครัวแล้วคนเกิดปีฉลูนับว่าเป็นสมาชิกครอบครัวที่เยี่ยมมาก ส่วนเรื่องการงาน ชาวฉลูก็ทำได้ดีในเรื่องที่เกี่ยวกับศิลปะ รับเหมาก่อสร้างหรือแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ นอกจากนั้นความสามารถในการใช้สองมือเพื่อทำสิ่งต่างๆ บวกกับความฉลาดจึงทำให้ชาวฉลูเป็นศัลยแพทย์ได้ดีเช่นกัน คนเกิดปีฉลูนั้นดื้อและยึดมั่นในความคิดของตนเอง โดยเชื่อการตัดสินใจของตนเองอย่างไม่มีการเสียใจภายหลัง

ความรัก

นอกจากนั้นยังเป็นคนรักครอบครัว แม้จะคิดอยู่เสมอว่าบุคคลใกล้ชิดไม่เข้าใจตัวเองก็ตาม แต่ชาวฉลูก็ยังเป็นคนอดทน เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น และเป็นเพื่อนที่น่าคบคนหนึ่ง ชาวฉลูนั้นมีความรับผิดชอบสูง ซื่อสัตย์ เห็นความสำคัญของครอบครัว และหัวโบราณ แม้จะไม่ใช่คนขี้หึง แต่ชาวฉลูก็ถือว่าตนเองมีสิทธิ์ได้รับความซื่อสัตย์ เรื่องหวานแหววไม่ค่อยจะมี แต่เรื่องความซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวต้องยกให้เลย

มิโอริ มี่โกะ – มิโอริ โอคุโบะ  เกิดวันที่ 30 กันยายน 2541 (ปีขาล)

ปูเป้ – จิรดาภา อินทจักร  เกิดวันที่ 18 มกราคม 2541 (ปีขาล)

มิโอริ , ปูเป้ (ปีขาล)

ลักษณะเฉพาะ  เป็นผู้นำ ชอบเสี่ยง ทำก่อนคิด เป็นคนโชคดีมากและมักเอาตัวรอดได้เสมอ

จุดเด่น  กล้าทำตามความเชื่อของตนเองเป็นที่ชื่นชมของผู้อื่น

จุดอ่อน  เนื่องจากใช้หัวใจนำทาง จึงกลายเป็นคนอารมณ์ร้อน

คู่รักที่เหมาะสม  ปีมะเมีย ปีมะโรง หรือปีจอ

คนเกิดปีขาลนั้น เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังมีจิตใจสูงส่ง และกล้าหาญจนได้รับความเคารพแม้กระทั่งจากศัตรูของตนเอง  คนเกิดปีขาลคือนักสู้ผู้กล้าหาญที่สามารถต่อสู้ได้จนหยดสุดท้ายเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แม้บางทีจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้างในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จริงๆ แล้วชาวปีขาลนั้นใจกว้างไม่เบา คนเกิดปีเสือนั้นมักทำให้ผู้อื่นแปลกใจเสมอ รวมทั้งตื่นตัวและเร่งรีบอยู่ตลอดเวลาด้วย บุคลิกอันน่าเกรงขามแต่ดึงดูดใจในเวลาเดียวกัน ทำให้ใครๆ ก็หลงใหลคนเกิดปีขาล

ชาวเสือเป็นพวกชอบทำงาน ขยัน และคล่องแคล่ว ถ้าคุณมอบหมายงานให้คนปีเสือทำล่ะก็มั่นใจได้เลยว่า จะได้รับผลงานยอดเยี่ยมมีประสิทธิภาพ คนเกิดปีเสือมักหาเงินได้มากแม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากนักก็ตาม ชาวขาลเป็นคนความรู้สึกไว และใจน้อย ความรู้สึกรุนแรงที่มีอาจทำให้คนปีเสือพลาดท่าได้ในเรื่องความรัก นอกจากนั้นยังเป็นคนขี้หึง ขี้หวงเอามากๆ ถ้าคุณมีเพื่อนเกิดปีขาล เขาอาจขอให้คุณเข้าข้างเขาจนวินาทีสุดท้าย และด้วยความน่ารักเฉพาะตัวของเขา คุณจึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลยสักครั้ง

ความรัก

แม้เป็นเสือที่มีเขี้ยวเล็บแพรวพราว แต่ชาวปีขาลกลับมีความอ่อนไหวในเรื่องความรัก จึงไม่น่าแปลกที่แวดวงคนเกิดปีนี้จะอบอวลไปด้วยความรักอย่างมากมาย แต่กว่าจะหารักแท้หรือที่จะเป็นคู่ชีวิตก็ยากเต็มที เพราะความเป็นเสือซึ่งก็บอกยี่ห้ออยู่แล้วว่า ทั้งเขาและเธอ รับรองคุณภาพของความเจ้าชู้ได้ทุกคน จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความร้อนแรงของวันเกิดและเดือนเกิดอีกที คนเกิดปีขาลเป็นคนที่เริ่มต้นใหม่กับความรักได้เสมอ เข้าทำนองอกหักดีกว่ารักไม่เป็น ลูกเล่นในเรื่องความรักความใคร่แพรวพราว คารมคมคายน่าหลงใหล

คนเกิดปีนี้จึงทำให้คนรักได้ไม่ยากเย็น หนุ่มสาวปีขาลไม่ชอบหลอกตัวเอง เป็นคนใจแข็งปานเหล็ก เรียกว่าต่อให้รักขนาดไหน ถ้ามีสิ่งที่ไม่พอใจมากระทบความรู้สึก ประเภทที่รับไม่ได้ก็ตัดใจได้ทันทีเหมือนกัน ลักษณะเฉพาะตัวที่เด่นๆ ของเขาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความเป็นคนช่างสังเกต

แม้ต่อหน้าเหมือนไม่ใส่ใจอะไรเลย แต่ถ้าเป็นคนที่ถูกใจจะจับตาคนคนนั้น ประเภทไม่ให้พลาดเลยทีเดียว คนปีเสือมักจะมีเรื่องประหลาดเกี่ยวกับความรักเกิดขึ้นกับเขาอยู่เสมอ ถ้าเขาหลงรักใครก็จะหลงหัวปักหัวปำ ประเภทเอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่แต่สำหรับความผิดหวังแล้วเป็นคนละเรื่อง เมื่ออกหักก็จะจากไป ไม่ให้ความทุกข์ตามไปด้วยเป็นอันขาด

เมษา จีนะวิจารณะ  เกิดวันที่ 8 เมษายน 2542 (ปีเถาะ)

 

ก่อน – วฑูศิริ ภูวปัญญาสิริ  เกิดวันที่ 21 มกราคม 2542 (ปีเถาะ)

น้ำใส – พิชญาภา นาถา  เกิดวันที่ 26 ตุลาคม 2542 (ปีเถาะ)

ก่อน , เมษา , น้ำใส (ปีเถาะ)

ลักษณะเฉพาะ นุ่มนวล รู้กาลเทศะ ชอบสังคม มักมีโชคด้านการเงิน ได้รับมรดกตกทอด

จุดเด่น มารยาทงดงาม รสนิยมดี สู้ไม่ถอย หากต้องปกป้องครอบครัวและบ้านเรือน

จุดอ่อน  ไม่ชอบการเผชิญหน้า และมักโอนอ่อนผ่อนปรนมากกว่าที่จะดันทุรัง

คู่รักที่เหมาะสม  ปีมะแม ปีกุน หรือปีจอ

กระต่ายคือสัตว์ที่อ่อนโยนน่าทะนุถนอมมากที่สุดอย่างหนึ่งในบรรดา 12 นักษัตร นอกจากนั้นยังเป็นที่เข้าใจกันว่ากระต่ายคือลักษณ์ของความเมตตากรุณา อ่อนหวานน่ารักและเป็นที่รักของผู้อื่น ไม่มีใครปฏิเสธผู้ที่เกิดปีเถาะ เนื่องจากชาวเถาะนั้นเป็นเพื่อนที่ดี และรู้จักวางตัว บ้านเรือนของชาวกระต่ายมักจะสวยงามเสมอ คนเกิดปีเถาะมีชื่อเสียงด้านความเป็นศิลปินและมีรสนิยมที่ดี

คุณจึงมักพบชาวกระต่ายที่แต่งตัวดีอยู่เสมอๆ และถ้าคุณลองแอบค้นตู้เสื้อผ้าของเพื่อนชาวกระต่ายเข้า คุณก็จะพบแต่เสื้อผ้าสวยงามราคาแพงทั้งนั้น แต่ถึงแม้จะเป็นที่รักของเพื่อนฝูงและครอบครัว ชาวกระต่ายก็ยังคงเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอยู่ดี นอกจากนั้นยังหัวโบราณและรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ง่าย จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากผู้เกิดปีเถาะเป็นคนสุขุม จึงเป็นการยากที่จะปลุกอารมณ์กระต่าย ไม่ว่าจะในแง่ใดก็ตาม เพราะกระต่ายไม่ชอบโต้เถียง และรักชีวิตที่เงียบสงบ นอกจากนั้นยังมีอารมณ์อ่อนไหว และขี้สงสาร ถ้าคุณเผลอเล่าปัญหาส่วนตัวให้ฟัง ชาวกระต่ายก็มักจะอินไปกับคุณ และอาจร้องไห้ได้ง่ายๆ ดังนั้นถ้าคุณมีอาชีพเป็นนักขายล่ะก็ อย่าพลาดที่จะแวะเวียนไปทักทายชาวกระต่าย เพราะพวกเขาจะต้องยอมซื้อสินค้าของคุณแน่ๆ (บอกแล้วว่าคนเกิดปีนี้ขี้สงสาร)

ความรัก

คนเกิดปีเถาะ เปรียบเสมือนกระต่ายน้อยใต้แสงจันทร์อ่อนไหว อ่อนโยน มีจินตนาการเพ้อฝัน และไม่ค่อยหนักแน่นมั่นคงในเรื่องความรัก หินผายังโดนกัดกร่อนแล้วหัวใจอ่อนๆ จะไม่แปรปรวนได้อย่างไร ฉะนั้นถ้าคิดจะรักคนเกิดปีเถาะ ก็ต้องเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง อย่าหวังกับความยั่งยืนกับกระต่ายน้อย เขาหรือเธอต่างก็มีหัวใจเปราะบาง

ถ้าใครมาทำดีด้วยก็หลงใหลปลื้มแบบสุดๆ คิดเลยเถิดจนถึงขั้นอยากจะควงแขนให้หายเปลี่ยวใจ ชายปีกระต่ายเวลารักชอบใคร มักจะคิดไปไกลถึงขั้นสัมพันธ์สวาท หนุ่มสาวปีกระต่ายขี้หึงแบบสุดๆ ประเภทของของข้าใครอย่าแตะ

ปัญหาเรื่องความรักของคนเกิดปีนี้ จึงมาจากเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่ ความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของคนเกิดปีกระต่ายคือ มักมีเทคนิคสร้างสีสันในเรื่องความรักให้แปลกใหม่อยู่เสมอ คู่รักของคนเกิดปีนี้ ไม่มีคำว่าเบื่อหรือไร้อารมณ์อย่างเด็ดขาด พื้นดวงของเขา เป็นคนปรารถนาความรักอย่างสุดยอด คนเกิดปีกระต่ายจึงมีหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักอยู่ตลอดเวลา แม้วัยจะล่วงเลยผันผ่านไปนานขนาดไหนก็ตาม

หัวหน้าทีม BIII  ปัญ – ปัญสิกรณ์ ติยะกร  เกิดวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543 (ปีมะโรง)

เจน – กุลจิราณัฐ อินทรศิลป์ เกิดวันที่ 23 มีนาคม 2543 (ปีมะโรง)

นิ้ง-มนัญญา เกาะจู  เกิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2543 (ปีมะโรง)

รองหัวหน้าทีม BIII CENTER เพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ  

เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ  เกิดวันที่ 4 กรกฎาคม 2543 (ปีมะโรง)

ปัญ , เจน , นิ้ง , เจนนิษฐ์ (ปีมะโรง)

ลักษณะเฉพาะ  เซ็กซี่ คล่องแคล่ว มีเสน่ห์ ดึงดูดเพศตรงข้าม ชาวจีนถือว่ามังกรคือสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ

จุดเด่น  มีชีวิตชีวา ทะเยอทะยาน

จุดอ่อน  เน้นรายละเอียด ชอบสั่ง รักความหรูหรา มือเติบ

คู่รักที่เหมาะสม  ปีชวด มะเส็ง วอก หรือระกา

คนเกิดปีมะโรงนั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ใครๆ ก็ชื่นชมในความพร้อม ความโชคดี และความมีอำนาจของคนปีมะโรง เนื่องจากมังกรเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิจีน คนเกิดปีมะโรงจึงเห็นว่าอำนาจที่ตนมีนั้นเป็นอำนาจสิทธิ์ขาดที่ทุกคนต้องยอมรับ และยังเป็นผู้นิยมความสมบูรณ์แบบตัวยงอีกด้วย คนเกิดปีมะโรงเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง กระตือรือร้น ทรงอิทธิพล และคล่องแคล่ว

นอกจากนั้นยังแข็งกร้าว ยืนหยัดและแน่วแน่ คนเกิดปีมะโรงเป็นคนมีศิลปะในการพูด มักมีความคิดเห็นดีๆ และเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมมาก พรสวรรค์บวกกับความใจกว้างทำให้คนเกิดปีนี้มีหน้าที่การงานโดดเด่น  อย่างไรก็ตาม คนเกิดปีมะโรงมีนิสัยโกรธง่าย และมีแนวโน้มที่จะภูมิใจในตัวเอง และมั่นใจจนเกินไป จนทำให้กลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ดื้อรั้น คนเกิดปีมังกรนี้มีแต่คนรัก และไม่เคยผิดหวังในรักเลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีชายหนุ่มมารุมตอมจนหัวกระไดไม่แห้ง

ความรัก

หนุ่มสาวชาวงูใหญ่มักมีนิยายอมตะเกิดขึ้นในชีวิตอยู่เสมอ เพราะคนเกิดปีนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องความรัก ยกย่องบูชาเหนือสิ่งอื่นใด ในการที่จะหาหรือเลือกคนรักสักคน เขาและเธอที่เกิดปีมะโรง จะไม่สนใจในฐานะหรือชาติตระกูล มาประกอบในการตัดสินใจ ถ้าพอใจเสียอย่างยังไงก็ได้นะ พวกเขามีความโรแมนติกไม่เบาเชียวแหละ หนุ่มสาวชาวงูใหญ่มีอารมณ์รักอยู่ในขั้นที่ใช้ได้ แต่เป็นประเภทที่อ่อนหวาน นุ่มนวลซะมากกว่า

คนเกิดปีนี้ถ้าเจ้าชู้ก็เป็นแบบเจ้าชู้เงียบแต่ไม่สำส่อน สามารถยับยั้งชั่งใจได้ดี สาวชาวงูใหญ่อาจจะเลือกผู้ชายที่ขี้เหร่ที่สุดมาเป็นแฟน ทั้งๆ ที่มีคนมาจีบจนหัวบันไดไม่แห้ง เรียกว่ามีอะไรแปลกๆ ให้เซอร์ไพรส์อยู่เสมอ เช่นเดียวกับหนุ่มชาวงูใหญ่ ที่อาจเลือกสาวที่ใครๆ ต้องเบือนหน้ามาเป็นแฟน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกและพฤติกรรมของเขา สามารถครองความรักได้นานเลยทีเดียว เวลาที่ชาวงูใหญ่รักใคร มักคอยห่วงหาอาทรคอยดูแลเอาใจใส่คนรักเหมือนไข่ในหิน ประเภทจงอางหวงไข่เลยแหละ

CENTER เพลง อยากจะได้พบเธอ, ก็ชอบให้รู้ว่าชอบ และ โชะนิจิ   

มิวสิค – แพรวา สุธรรมพงษ์  เกิดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2544 (ปีมะเส็ง)

เคท – กรภัทร์ นิลประภา  เกิดวันที่ 9 มิถุนายน 2544 (ปีมะเส็ง)

CENTER เพลง พลิ้ว  มายด์ – ปณิศา ศรีละเลิง  เกิดวันที่ 6 กันยายน 2544 (ปีมะเส็ง)

มิวสิค , เคท , มายด์  (ปีมะเส็ง)

ลักษณะเฉพาะ ลึกลับ พูดจาแผ่วเบา รูปร่างหน้าตาสวยงาม ถูกใจเพศตรงข้าม

จุดเด่น  ฉลาด เดาสถานการณ์เก่ง รักการอ่าน การเรียนรู้ และดนตรี

จุดอ่อน  หลงตัวเอง ใจแคบเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ (แทบจะไม่ให้ใครหยิบยืมเลย)

คู่รักที่เหมาะสม  ปีฉลู หรือระกา

คนเกิดปีมะเส็งนั้นมีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น และดึงดูดใจ แต่คนเกิดปีงูก็ไม่เคยส่งเสียงดังหรือพยายามพูดจาหวานหูเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น เพราะชาวปีงูไม่เคยนินทาว่าร้ายใคร และมีมารยาทดีมาก คนเกิดปีมะเส็งนั้นมีโชคเสมอ และไม่เคยขาดเงิน เคล็ดลับสำหรับคนเกิดปีงูคือ ให้พยายามหางานที่ไม่เสี่ยง และไม่หนักมากนัก เนื่องจากคนเกิดปีนี้มีนิสัยเกียจคร้านเป็นทุนอยู่แล้ว คนเกิดปีมะเส็งเป็นคนช่างคิด ฉลาด และล้ำลึก นอกจากนั้นยังเป็นคนมุ่งมั่นไม่ทิ้งอะไรไปกลางคัน คนเกิดปีมะเส็งเชื่อเรื่องความประทับใจแรก ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ คำแนะนำและความเห็นของผู้อื่น รวมทั้งสัมผัสที่หกในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ

คนเกิดปีมะเส็งนั้นชอบหว่านเสน่ห์ ด้วยความเจ้าเสน่ห์นี้เองที่ทำให้ใครต่อใครพากันมาหลงรักคนปีมะเส็งอย่างหัวปักหัวปำ เมื่ออยู่ในห้วงรัก หนุ่มมะเส็งจะโรแมนติก และเจ้าเสน่ห์ นอกจากนั้นยังมีอารมณ์ขันเหลือเฟือ ส่วนสาวมะเส็งก็จะสวยหวาน และประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างไรก็ตามหากใครได้สมรักสมรสกับชาวปีมะเส็งแล้วละก็ เตรียมถูกงูรัดแบบถาวรได้เลย เพราะคนปีมะเส็งนั้นขี้หึงมาก และจะหวงยาวไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะหมดรักกันไปเนิ่นนานแล้วก็ตาม

ความรัก

เพราะความปราดเปรียวและมีเสน่ห์ของชาวงูเล็ก คนเกิดปีนี้จึงมักมีแฟนมากมาย บางช่วงชีวิตต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับความรักเสียจนน่าปวดหัว แต่บทจะปักหลักกับใคร ก็หยุดเลื้อยเอาเสียดื้อๆ ยังงั้นแหละ ชาวงูเล็กมักมีความรักแบบร้อนแรงประเภทเจ้าชู้ประตูดิน บางคนอาจมีคู่ควงแทบไม่ซ้ำหน้าเลยทีเดียว ความเป็นคนมีเสน่ห์ทั้งชายและหญิง ถึงไม่หล่อหรือสวยแต่สาวแก่แม่ม่ายตอมกันหึ่ง

เพราะทั้งลีลาและคารมของเจ้าประคุณ มันช่างจับใจอย่าบอกใครเชียว แม้ชาวงูเล็กจะเข้าข่ายประเภทเจ้าชู้ แต่ถ้าได้ใครมาเป็นแฟนแล้ว บอกได้เลยว่าขี้หึงที่สุด เรียกว่าข้าทำไม่เป็นไร แต่เมื่อเป็นของข้าแล้วห้ามใครยุ่งเด็ดขาด หนุ่มสาวชาวปีมะเส็งมักเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ใจร้อนก็เป็นที่หนึ่ง ปัญหาเรื่องความรักส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุจากตัวเองนั่นแหละ คนเกิดปีนี้มีรักมากก็จริง แต่มักอาภัพคู่ที่แท้จริง ถึงจะมีมากมาย ง่ายแต่ก็ไม่ยั่งยืน เรื่องนี้คนปีงูเล็กต้องทำใจ เพราะไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่างหรอก

CENTER เพลง (Koisuru Fortune Cookie) คุกกี้เสี่ยงทาย  โมบายล์ – พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม 2545 (ปีมะเมีย)

จิ๊บ – สุชญา แสนโคต เกิดวันที่ 4 กรกฎาคม 2545 (ปีมะเมีย)

น้ำหอม – คริสติน ลาร์เซ่น เกิดวันที่ 17 มิถุนายน 2545 (ปีมะเมีย)

โมบายล์ , จิ๊บ , น้ำหอม (ปีมะเมีย)

ลักษณะเฉพาะ มีสไตล์ พูดจาดี มีความตั้งใจ และเป็นนักกีฬา

จุดเด่น มีแรงบันดาลใจ มีเพื่อนมาก ทักษะการปรับตัวทำให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์

จุดอ่อน  มักตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่งและบ่อย ๆ รวมทั้งทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักเพียงอย่างเดียว

คู่รักที่เหมาะสม ปีขาล ปีจอ และปีมะแม

ผู้เกิดปีมะเมียมักใช้สติปัญญา และแรงกายอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ นอกจากนั้นยังมีความทะเยอทะยาน และพลังงานเต็มเปี่ยม รวมทั้งขยันขันแข็งเป็นยอด คนที่เกิดปีมะเมียนั้นเป็นคนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แต่งตัวดี และเซ็กซี่ชอบเป็นจุดสนใจ มักชอบอยู่ตามงานปาร์ตี้ คอนเสิร์ต และการแข่งขันกีฬาต่างๆ เสมอ

ความที่ชอบเดินทาง และรักการแข่งขันทำให้คนเกิดปีมะเมียมักแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว ตั้งแต่อายุไม่มาก ความเป็นตัวของตัวเอง และความกบฏที่มีอยู่ในตัวทำให้ชาวมะเมียเกลียดระเบียบแบบแผนจนมักจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นเสมอ นอกจากนั้นยังเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่าจะฉลาดหลักแหลม รวมทั้งมีแนวโน้มว่าจะขาดความมั่นใจในตัวเองที่แท้จริงอีกด้วย เนื่องจากเป็นคนเลือดร้อน หุนหัน และไม่อดทน ชาวมะเมียจึงมีความสนใจในระยะที่สั้นมากๆ (ขี้เบื่อ หน่ายเร็วว่างั้นเถอะ)  ทั้งหยิ่งแต่ก็อ่อนหวานในเวลาเดียวกัน

ความรัก

ถึงจะเป็นม้าศึกแต่กลับไม่คึกสักเท่าไหร่ ความรักของคนเกิดปีมะเมีย จึงไม่หวือหวาโลดโผนเหมือนคนอื่นเขา ความรักเป็นแบบเรื่อยๆ ซะมากกว่า หญิงที่เกิดปีม้าเรียกได้ว่าเป็นสาวเสน่ห์แรง เรียกได้ว่ามีมาไม่ขาด ดังสายน้ำไหลเลยทีเดียว และแน่นอนเรื่องปวดหัวใจก็จะเป็นเรื่องอะไรล่ะ เพราะความรักที่มีแต่คนมาเสนอให้นี่เอง

หนุ่มสาวชาวปีมะเมียมีความชอบที่เหมือนกันอยู่อย่างก็คือ ชอบให้คนอื่นมาคอยเอาอกเอาใจ ดูแล ห่วงใย ถ้ารู้ใจเธอข้อนี้แล้วไม่ผิดหวังหรอกนะ ถ้าหากเกิดมีคนรักเป็นชาวปีมะเมียแล้ว เกิดเป็นคนที่เอาใจใครไม่เป็น ห่างหาย ขาดความสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย เพราะสิ่งนี้คนเกิดปีมะเมียต้องการมากเลยทีเดียว หนุ่มสาวปีม้า มักเป็นคนหน้าตาดี จึงมักติดนิสัยหลงตัวเอง ประเภทชอบมองกระจก เป็นนกหงส์หยกเลยทีเดียว ชอบคิดอยู่เสมอว่า ตัวเองช่างหล่อหรือสวยเสียนี่กระไร

คนเกิดปีนี้คิดว่าตัวเองต้องเลิศ เป็นหนึ่งเท่านั้น ถ้าเป็นสองรองใครเห็นทีจะทำใจลำบาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนรักเดียวใจเดียว มั่นใจได้เลยว่าผูกมัดใจเขาได้แน่นอน แต่ถ้าไม่มาทั้งใจ ชาวปีม้าก็โบกมือลาไม่เหลือเยื่อใยทันที งานนี้ม้าสาวมักจะคึกกว่าม้าหนุ่ม เพราะพื้นดวงบ่งบอกว่าเธอใช้แฟนเปลืองเสียนี่กระไร ถ้าคิดจะรักสาวปีม้าก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง

CENTER เพลง พลิ้ว  จ๋า – ณปภัช วรพฤทธานนท์  เกิดวันที่ 20 มกราคม 2546 (ปีมะแม)

เปี่ยม – รินรดา อินทร์ไธสง เกิดวันที่ 4 มิถุนายน 2546 (ปีมะแม)

ซัทจัง – สวิชญา ขจรรุ่งศิลป์ เกิดวันที่ 13 ธันวาคม 2546 (ปีมะแม)

จ๋า ,  เปี่ยม , ซัทจัง  (ปีมะแม)

ลักษณะเฉพาะ เป็นศิลปิน โรแมนติก น่ารัก ช่างฝัน ชอบทำอะไรแบบนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป

จุดเด่น ปีมะแม คือสัญลักษณ์แห่งความใจบุญตามราศีแบบจีน มีทักษะและความรับผิดชอบสูง ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ และมักคาดหวังว่าผู้อื่นและตนเองจะไร้ที่ติ

จุดอ่อน เมื่อผิดหวังจะโอดครวญ ไม่ค่อยรู้กาลเทศะ

คู่รักที่เหมาะสม ปีเถาะ ปีกุน หรือปีมะเมีย

ผู้เกิดปีมะแมนั้นสง่างาม มีเสน่ห์ เป็นศิลปิน มีพรสวรรค์ และรักธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าบรรดาผู้เกิดปีอื่นๆ ความนุ่มนวล มารยาทงดงาม และเสน่ห์ทำให้มีคนมาหลงรัก และชื่นชอบมากมาย ผู้เกิดปีนี้ไม่ค่อยมั่นใจ ต้องการความรักความคุ้มครองตลอดเวลา ไม่ชอบเผชิญหน้า ไม่ชอบตัดสินใจเรื่องหนักๆ และมักปฏิเสธที่จะอยู่ข้างที่มีแววว่าจะแพ้เอาดื้อๆ เมื่อยามมีข้อขัดแย้งกัน

คนเกิดปีมะแมเป็นคนช่างฝัน แต่บางครั้งก็มองโลกในแง่ร้าย ลังเล กังวล วิตกจริตมากไป คนเกิดปีนี้ค่อนข้างขี้เกียจ ดังนั้นหากสบโอกาสก็พร้อมจะยอมแต่งงานกับคนร่ำรวย เพื่อความสะดวกสบายของตนเอง นอกจากนี้ชาวปีมะแมยังหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ของตนเอง ด้วยคิดว่ารูปลักษณ์ภายนอกส่งผลต่อความมั่นคงทางจิตใจ เพราะฉะนั้นถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองดูดี ชาวมะแมก็จะไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเด็ดขาด นอกจากนั้นยังชอบอ่านหนังสือเรื่องโหราศาสตร์ และโชคชะตาราศี จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะพบหมอดูที่เกิดปีมะแมอยู่บ่อยๆ คนเกิดปีมะแมเป็นคนโรแมนติก อ่อนไหว อ่อนหวาน และเป็นที่รักของผู้อื่น

ความรัก

ใครที่เคยเห็นแพะเป็นสัตว์ที่เซื่อง แต่เอามาเปรียบกับคนที่เกิดปีแพะไม่ได้หรอกนะ เขาและเธอช่างเฮงเสียเหลือเกินในเรื่องความรัก มีความโดดเด่นมากกว่าเรื่องงาน และการเงินอย่างเหลือเชื่อ หนุ่มสาวที่เกิดปีนี้ พวกเขาต่างมีอารมณ์โรเเมนติก สุนทรีย์ในเรื่องความรักเป็นอย่างยิ่ง มีอารมณ์อย่างล้นเหลือ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พวกเขามีความคิดไปไกลเป็นพิเศษ

เพราะเพียงเริ่มมีความรัก เขาก็ฝันไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยทีเดียว ชาวแพะรักใครชอบใครก็มักหลงใหลใฝ่ฝันเลยทีเดียว ชอบพร่ำเพ้อละเมอหา ชนิดที่เรียกว่าคลั่งรัก คนเกิดปีนี้พิสูจน์ได้ในสัจธรรมที่ว่าความรักทำให้คนตาบอดได้ชัดเจน การที่ทุ่มเทความรักให้คนอื่นมากมายเช่นนี้ เวลาที่เขาผิดหวัง คนปีแพะจึงต้องทรมานเป็นนานแสนนานกว่าจะหาย ดูเหมือนหัวใจของคนเกิดปีแพะ จะเป็นหัวใจสะออน เพราะแม้จะเจ็บปางตายจากความรัก แต่เขาก็ไม่เคยเข็ดอะไรหรอก พอรักใครก็จะทุ่มเทอีหรอบเก่า จนอาจถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนที่เกิดปีนี้กว่าจะเจอคู่แท้ ก็ต้องใช้เวลานานพอควร จนหัวใจเริ่มชินนั่นแหละ และเมื่อเจอคู่แท้แล้ว มักเป็นคู่ที่อุปถัมภ์ค้ำจุนกันดีนักแล

ปีวอก (ไม่มีปีเกิดของสาวๆ วง BNK48) แต่ไม่ต้องเสียใจไป เรามาเช็กตัวตนของคุณกันเถอะ

ลักษณะเฉพาะ  ฉลาด มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจผู้อื่น ขี้เล่น

จุดเด่น เป็นนักแก้ปัญหาและหาทางลัด มีเสน่ห์ พูดจาน่าหลงใหล

จุดอ่อน บางทีคุณชอบปลุกปั่นผู้อื่น และบางครั้งก็ชอบแกล้งคนเพื่อความสนุกสนาน

คู่รักที่เหมาะสม ปีมะโรง หรือชวด

คนเกิดปีนี้เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริง คล่องแคล่ว และน่ารัก นอกจากนั้นยังฉลาดเป็นกรด ลองยื่นหนังสือน่าเบื่อให้สักเล่ม แล้วคุณจะเห็นว่าคนปีวอกสามารถทำเรื่องน่าเบื่อให้สนุกได้อย่างน่าประหลาดด้วยความมีทักษะ และความคิดสร้างสรรค์ส่วนตัว อย่าแปลกใจถ้าคุณพบคนเกิดปีวอกเป็นจุดสนใจของผู้คนในงานปาร์ตี้ ความมีเสน่ห์และอารมณ์ขันคือตัวดึงดูด

นอกจากนั้นยังดูเชี่ยวชาญด้านสังคม พูดจาเสนาะหู มีวาทศิลป์ แต่บางทีก็สวมหน้ากากเพื่อพรางความคิดเห็นที่ตนเองมีต่อผู้อื่นได้อย่างแนบเนียนภายใต้ท่าทางที่แสนเป็นมิตร อย่างไรก็ตามคนเกิดปีวอกไม่เคยซ่อนอารมณ์ของตัวเอง เพราะทุกอย่างจะออกมาที่ใบหน้าให้รู้กันทั่ว คนเกิดปีวอกแก้ปัญหาเก่งมาก ถ้าคุณมีปัญหา เชิญหมุนหาคนเกิดปีนี้รับรองไม่ผิดหวัง เพราะชาววอกเป็นผู้ฟังที่ดีและจะให้คำแนะนำที่เหมาะสมเสมอ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้คนเกิดปีนี้ต้องการจะเรียนรู้ตลอดเวลา

ส่วนข้อเสียของคนปีวอกคือบางครั้งก็ขาดเหตุผล และพร้อมที่จะสร้างภาพให้ตัวเองและคนอื่นเชื่อได้ว่าทุกสิ่งที่คนเกิดปีวอกกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เจ้าเล่ห์ แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร คนเกิดปีนี้ก็ไม่เคยใส่ใจ คนเกิดปีวอกชอบรับประทานอาหารมาก เพียงแต่ชอบรับประทานขนมขบเคี้ยวตามใจปากเท่านั้น และเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับคนเกิดปีนี้ก็คือ พวกเขาชอบกินกล้วยเป็นที่สุด

ความรัก

คนเกิดปีวอกกับความอลเวงในเรื่องความรัก มักเป็นของคู่กัน เพราะเขาและเธอชาวปีวอกเป็นคนน่ารัก ช่างพูดช่างเจรจา งามงอน จริตมารยาชนิด 600 เล่มเกวียน หนุ่มชาวปีวอกเจ้าชู้เงียบ กรุ้มกริ่ม ขี้อ้อน เอาใจ เวลาปิ๊งใครขึ้นมา อย่าคิดว่าเขาจะบุ่มบ่าม ลุกลี้ลุกลน แต่ตรงข้ามเขาจะสงวนท่าที เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์ม หนุ่มสาวชาวปีวอกเป็นผู้ร้ายปากแข็ง

ถ้าไม่จับให้มั่นคั้นให้ตาย อย่าหวังจะได้ความลับหรือจับโกหกเขาได้หรอก ในเรื่องความรัก เขาและเธอมีชั้นเชิงแพรวพราว ทั้งรุกและรับ เรียกว่าเดินตามแผนการเผด็จศึกพิชิตใจ ครบทุกกระบวนท่าเลยทีเดียว บางทีถึงแม้เขาจะแอบชอบใครเป็นทุนเดิม แต่สาวปีวอกกลับทำท่าหยิ่งไม่สนใจ ถ้ารู้ตัวว่าจะแห้วนั่นแหละ เธอถึงจะเดินเกมใหม่เป็นฝ่ายรุกแทน คนเกิดปีวอกทั้งชายและหญิง เป็นแฟนใครก็ดูน่ารัก เพราะพวกเขาใจเย็น ใส่ใจในความรู้สึกของคนอื่นอยู่เสมอ ไม่ชอบเอะอะโวยวาย มักพูดจากันด้วยเหตุผล มากกว่าจะระเบิดอารมณ์เข้าใส่กัน

ชาวปีวอกเป็นคนช่างเลือก ถ้ายังไม่ตกลงปลงใจกับใคร ก็จะขอคบไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ไม่รับปากนะว่าจะไม่คบคนอื่นไปด้วย เขาจะเลือกคนที่ถูกใจเขามากที่สุด แต่ก็เพียงเข้ากันได้ ไปกันด้วยดี เข้าใจซึ่งกันและกันเท่านี้เองที่ถูกใจเขา ถ้าเขาได้เลือกแล้ว รับรองเขาจะเป็นลิงที่เชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

ปีระกา  (ไม่มีปีเกิดของสาวๆ วง BNK48) แต่ไม่ต้องเสียใจไป เรามาเช็กตัวตนของคุณกันเถอะ

ลักษณะเฉพาะ จริงใจ มีชีวิตชีวา มีความสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ คุณคือนาฬิกาปลุกของธรรมชาติที่คอยส่งสารและปลุกผู้คนขึ้นจากความหลับใหล

จุดเด่น มั่นใจในตัวเอง มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองอย่างหนักแน่น

จุดอ่อน  ความรู้มากของคุณอาจทำให้กลายเป็นว่าคุณกำลังยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่น บางครั้งคุณก็ทื่อเกินไป และไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น

คู่รักที่เหมาะสม  ปีฉลู มะเส็ง หรือมะโรง

ลึกๆ แล้วคนเกิดปีระกาเป็นพวกหัวอนุรักษนิยม ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมปิดบัง ชอบสังคม ต้องการการใส่ใจจากผู้อื่น เป็นเจ้าภาพที่ดี และชอบเอนเตอร์เทนผู้อื่น ชอบตกเป็นเป้าสายตา ชอบการเยินยอ และบางครั้งอาจแต่งตัวฟู่ฟ่าเพื่อเรียกความสนใจ คนเกิดปีระกามักจะแต่งตัวสวยงามเสมอ เพราะเป็นคนที่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองมากถึงจะติดหัวโบราณ แต่คนเกิดปีนี้ก็เต็มที่กับการจ่ายเงินเรื่องเสื้อผ้า และมักใช้เวลาหมุนตัวอยู่หน้ากระจกทีละนานๆ คนเกิดปีระกาแม้จะชอบใช้เงิน แต่ก็ไม่ได้มือเติบ

เพราะจริงๆ แล้วเป็นคนชอบของลดราคา ชอบเปรียบเทียบราคา และชอบต่อรอง คนเกิดปีนี้เป็นผู้สังเกตการณ์ที่แม่นยำ และมีสัมผัสที่หก ดังนั้นอย่าคิดว่าจะหลอกคนเกิดปีไก่ได้ง่ายๆ เชียวนะ เพราะชาวไก่มีพื้นฐานจิตใจที่ค่อนข้างระมัดระวัง ด้วยพรสวรรค์ในด้านการรับรู้นี้ ทำให้คนเกิดปีระกาแก้ปัญหาได้เก่ง เหมาะกับอาชีพแพทย์ นักสืบ นักจิตวิทยา และพยาบาล คนเกิดปีนี้มักอยู่เฉยไม่เป็น นอกจากนั้นทักษะที่มีในหลายๆ ด้านยังทำให้ประสบความสำเร็จได้มากมายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นนักปฏิบัติผู้มากความสามารถ แต่ชาวปีระกาก็เป็นนักฝันด้วยเช่นกัน และความช่างฝันนี่เองที่มักทำให้คนปีระกา ทำให้คนรักผิดหวังเสมอเนื่องจากความเป็นจริงไม่เหมือนกับความฝันสวยงามที่คนปีระกาวาดไว้ให้ แม้ว่าจริงๆ แล้วคนปีระกาจะเชื่อมั่นอย่างจริงใจว่าความฝันเหล่านั้นน่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็ตาม ความดีหมายเลขหนึ่งของคนเกิดปีระกาคือ ความซื่อสัตย์ โดยจะเป็นเพื่อนที่แสนทุ่มเท เมื่อคนปีระกาตกอยู่ในห้วงรัก จึงพร้อมจะมอบกายถวายชีวิตทำทุกอย่างตามใจคนรัก คู่ที่เหมาะสมที่สุดคือ คนเกิดปีมะเส็ง รองลงมาคือ ปีฉลู กุน วอก หรือมะโรง ที่พอเข้ากันได้บ้างคือ ปีชวด หรือปีจอ ปีต้องห้ามคือ มะเมีย ขาล เถาะ มะแม หรือระกาด้วยกัน

ความรัก

คำเปรียบเทียบของคนโบราณ สำหรับคนเจ้าชู้ประเภทหนึ่งไปเหมือนไก่แจ้ แสดงว่าธรรมชาติของไก่ ต้องมีกุ๊กกิ๊กเป็นเรื่องธรรมดา หนุ่มสาวชาวราศีนี้จะมีบ้างก็จะเป็นไรไปนะ หนุ่มสาวปีไก่ไม่เคยห่างหายจากความรัก เวลารักใครแล้ว เขาจะให้เกียรติและความสำคัญกับคนรักมาก คอยดูแลเอาใจใส่แม้กระทั่งความรู้สึกเล็กน้อยก็คอยเก็บตกอยู่เสมอ เขาและเธอมีลักษณะเด่นอย่างหนึ่งคือ ตื๊อเก่งชะมัด ถ้าลองได้ปิ๊งใครแล้วรับรองเช้าเย็นและทุกเทศกาล เขาไม่เคยลืมที่จะแวะเวียนหรือซื้อของขวัญติดไม้ติดมือให้กับคนที่เขารักไม่ว่างเว้น

หนุ่มสาวปีระกาเป็นคู่รักที่น่ารักมาก เขามักจะเติมสีสันให้กับชีวิตรักอยู่เสมอ ทั้งนอกบ้านและในบ้าน หรือแม้เรื่องบนเตียงนอน เรื่องนอกใจหรือแบ่งปันความรักให้คนอื่นแทบจะไม่มี ข้อผิดพลาดของคนเกิดปีไก่ในเรื่องความรักก็คือ การมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างไป ถ้าได้แฟนที่ไม่เข้าใจกัน เรื่องก็อาจบานปลายกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปได้โดยไม่รู้ตัว คนเกิดปีไก่ชอบมองโลกในแง่ดี จนบางทีก็เกินไป จึงทำให้ผิดหวังในเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ บางทีเพื่อนมาแย่งแฟนก็แสนจะปวดใจทีเดียว

CENTER เพลง Anata to chrismas Eve  แจน – เจตสุภา เครือแตง เกิดวันที่ 8 เมษายน 2537 (ปีจอ)

แก้ว – ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ  เกิดวันที่ 31 มีนาคม 2537 (ปีจอ)

แจน , แก้ว  (ปีจอ)

ลักษณะเฉพาะ ซื่อสัตย์ ติดดิน มีสัญชาตญาณ แข็งนอกอ่อนใน ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ต้องการความรักโดยต้องการให้ผู้อื่นรักในความเป็นคุณ ไม่ใช่รักในสิ่งที่คุณทำเพื่อผู้อื่น

จุดเด่น  รู้เท่าทันเรื่องต่าง ๆ เสมอ มองสถานการณ์ได้ลึกซึ้ง ไม่ทอดทิ้งเพื่อนแม้ในยามยาก

จุดอ่อน  คุณคือนักสู้ของทั้ง 12 นักษัตร ถ้าใครมีความรู้สึกต่างไปจากคุณ คุณก็อาจเผลอตัววิพากษ์วิจารณ์และขาดการผ่อนปรนได้

คู่รักที่เหมาะสม  ปีมะเมีย ขาล หรือเถาะ

คนเกิดปีจอนั้นซื่อสัตย์ จริงใจและจงรักภักดี คนเกิดปีนี้มักเป็นคนจริงจัง ขี้บ่น ขี้วิตก แต่ก็เป็นคนมีศักดิ์ศรี และพร้อมจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมเสมอ คุณจะพบว่าคนเกิดปีจอเป็นคนช่างเลือก และระมัดระวังตัว แต่โดยรวมก็เป็นเพื่อนที่น่ารักพอตัว แต่เมื่อใดที่ตกใจกลัวขึ้นมา คนเกิดปีจอก็สามารถผันตัวเป็นคนน่ารังเกียจ และโวยวายไม่หยุดได้เหมือนกัน คนเกิดปีนี้รักษาความลับได้ เคารพประเพณี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสีสันอันจัดจ้านของงานปาร์ตี้

แต่คนเกิดปีนี้ก็เป็นคนฉลาด ช่างเอาใจใส่ และเป็นผู้ฟังที่ดี เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์ คนเกิดปีจอจะยอมให้คนรักเป็นฝ่ายได้ ส่วนตัวเองเป็นผู้ให้ คู่ที่เหมาะที่สุดกับคนปีจอคือ ปีมะเมีย ขาล หรือกุน ที่พอเข้ากันได้คือ ปีเถาะ ชวด หรือวอก หรือหากคิดจะรักกับคนเกิดปีฉลู มะโรง มะแม ระกา หรือจอด้วยกันก็ได้ แต่จะลำบาก

ความรัก

เรื่องราวของคนเกิดปีสุนัข รู้สึกจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนพิสดารพอสมควร แม้จะลึกๆ แล้ว หนุ่มสาวปีจอ จะมีความซื่อสัตย์ไม่กะล่อนหลอกลวงใครก็ตาม แต่ความลับที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกนะ เขาและเธอถ้ารักก็บอกว่ารัก ชอบก็บอกว่าชอบ ประเภทให้มานั่งจีบพร่ำรำพันบอกรักเช้าเย็นคนปีจอเขาไม่ทำกันหรอก วิธีแสดงความรักของเขา ก็แค่ส่งสายตาบอกภาษาใจก็พอแล้ว ชาวปีจอนิยมความรักแบบเงียบไม่กระโตกกระตาก บางทีเป็นแฟนกันมาเกือบปี ในที่ทำงานก็ยังไม่มีใครรู้ว่า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นแฟนกับใคร จนมีใครไปแอบเจอโน่นแหละความลับจึงแตก คนเกิดปีนี้เป็นคนประเภทหงิม สนิมหลบใน เห็นท่าทางเงียบๆ อย่างนี้แล้ว อย่าคิดว่าเรื่องความรักความใคร่จะไม่ได้เรื่อง บทรักของเขาไม่เบาหรอกนะจะบอกให้

คนเกิดปีจอก็มีปัญหาวุ่นวายกับเขาเหมือนกัน ประเภทเรื่องความรักความใคร่นี่แหละ เพราะความไม่แคร์โดยไม่กลัวเปลืองตัวของเขา บางครั้งแค่อยากลองสนุก แต่จะถอนตัวก็ลำบากเหมือนกันนะ เมื่อมีแฟนเป็นตัวเป็นตนนั่นแหละ ชาวปีจอจึงจะหยุดพฤติกรรมอย่างว่าได้หมด แล้วหันมารักเดียวใจเดียวได้ทันทีเหมือนกัน

สมาชิกแลกเปลี่ยนจาก AKB48 รินะ อิซึตะ  เกิดวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538  (ปีกุน)

รินะ อิซึตะ (ปีกุน)

ลักษณะเฉพาะ ฉลาด ไว้ใจได้ ใจดี ไม่เห็นแก่ตัว ชาวจีนนิยม “หมู” (สัตว์สัญลักษณ์แห่งความมั่งมี) เพราะถือว่าการมีหมูจำนวนมากในฟาร์มหมายถึงความกินดีอยู่ดี

จุดเด่น หมูเป็นสัตว์จิตใจดี ให้อภัย ไม่เคียดแค้น ใจดี บุคลิกง่าย ๆ สบาย ๆ ดังนั้นใครๆ ต่างก็เข้ามาหาเมื่อมีปัญหา

จุดอ่อน บางครั้งก็แสนซื่อไร้กลยุทธ์ เชื่อแทบทุกเรื่องที่มีคนบอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำเยินยอ

คู่รักที่เหมาะสม  ปีเถาะหรือมะแม

คนเกิดปีกุนคือ ต้นแบบแห่งความจริงใจ บริสุทธิ์ ผ่อนปรน และศักดิ์ศรี เมื่อแรกพบคุณจะรู้สึกว่าคนเกิดปีกุนนี้ช่างดีเหลือเกิน นอกจากนั้นยังเป็นคนระมัดระวัง ช่างเอาใจใส่ และกล้าหาญ ลองมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนเกิดปีกุนแล้ว คุณจะรู้ว่าพวกเขาช่างแสนดี พร้อมจะทำทุกสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ทำให้คุณผิดหวัง คนเกิดปีกุนมักเป็นที่รักของทุกคน

คนเกิดปีนี้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ และรักการบริการ คนส่วนใหญ่จึงฉวยโอกาสเอาเปรียบตรงข้อนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนปีกุนรู้สึกแย่แต่อย่างไร แม้จะเริ่มแก่ตัวขึ้น คนปีกุนก็ยังเชื่อมั่นว่ามนุษย์ล้วนแล้วแต่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่ดีงามเป็นพื้นฐาน คนเกิดปีนี้พร้อมสละความสุขส่วนตัวเพื่อผู้อื่น และเป็นเพื่อนที่ดี ดังนั้นหากคุณมีเพื่อนปีกุนที่คบกันมาเนิ่นนาน อย่าลืมถนอมน้ำใจกันไว้ดีๆ วิธีง่ายๆ ก็คือ อย่าไปบังคับขู่เข็ญให้เขามามีความคิดเหมือนกับคุณเด็ดขาด และอย่าลืมว่าคนปีกุนไม่ชอบขอหรือรับความช่วยเหลือจากใคร

คนเกิดปีกุนเป็นคนพูดน้อย แต่ลองได้พูดเมื่อไรล่ะก็ หยุดไม่ได้เลยล่ะ นอกจากนั้นยังเป็นคนฉลาด ใฝ่รู้ (เหมือนคนเกิดปีวอก) บางคนบอกว่าคนปีกุนนั้นหัวสูง และให้ความสำคัญกับมารยาท การเลี้ยงดู และรสนิยมที่ดีเป็นอันมาก แต่จริงๆ แล้ว คนเกิดปีนี้เพียงแต่เกิดมาพร้อมกับสไตล์ในทุกๆ เรื่อง คนเกิดปีกุนชอบรับประทานอาหาร และชอบทานช็อกโกแลตหลังอาหารค่ำโดยมักเผลอตัวรับประทานอาหารมากเกินไปเสมอในเรื่องความสัมพันธ์ คนเกิดปีกุนมีความรู้สึกไว อ่อนหวาน ซื่อบริสุทธิ์ ช่างเอาใจ โรแมนติก แต่บางครั้งก็ขี้หึงหวง

ความรัก

คนปีหมูดูน่ารักแต่ทำคนอกหักมานับไม่ถ้วน อารมณ์ของหนุ่มสาวชาวปีกุนก็ร้อนแรงเหมือนกันนะ ถ้าเป็นสาวก็ประเภทไฟแรงสูง ถ้าเป็นหนุ่มก็อยู่ในกลุ่มฮิตาชินั่นแหละ เขาและเธอเป็นคนมีเสน่ห์ ใครเห็นก็อยากใกล้ชิดแล้วก็อย่างที่บอกนั่นแหละคนเกิดปีนี้เขามีไฟ ถ้าเข้าใกล้ก็จะวูบวาบได้ง่าย พวกเขาจริงจังในทุกๆ เรื่อง ยกเว้นในเรื่องความรัก ถ้าใครจะรักชาวปีกุนก็ต้องทำใจสักหน่อย

เพราะเขาและเธอออกจะรวนเรและหวั่นไหวง่าย มีหัวใจที่เปลี่ยนแปลงเหมือนกังหันต้องลมเลยแหละ ยิ่งไปกว่านั้น เขาและเธอยังเป็นคนที่ไม่ยอมหักห้ามใจ มีไฟรักอยู่เต็มเปี่ยม โรคประจำตัวของคนเกิดปีนี้คือการแพ้คนหล่อคนสวย แบบที่ว่าหน้าตาดี อย่าได้ย่างกรายเข้ามาใกล้เชียว ทำให้คนเกิดปีกุนจะหลงรักเอาง่ายๆ เลยล่ะ

ถ้ารู้จุดอ่อนของตัวเองแล้ว ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้ความวุ่นวายในชีวิตก็จะลดลงมากทีเดียว คนเกิดปีกุนที่เป็นผู้หญิงจะดีกว่าผู้ชายเล็กน้อยในเรื่องคู่ครองและความรัก คือถ้าเจอคู่แท้ก็แล้วไป สาวเจ้าก็จะได้ไม่เปลืองตัวและปล่อยใจให้กับใครๆ อีก แต่สำหรับหมูหนุ่ม จะไม่หยุดอยู่แค่นั้นหรอก จึงมักจะหาคนจริงจังได้ยากสักหน่อย ตำราบอกว่าผู้หญิงปีกุนส่วนมากมักจะมีคู่ที่อ่อนวัยกว่านะ

ขอบคุณที่มาจาก : Sanook
ขออนุญาตนำรูปมาใช้ ขอบคุณรูปจาก : BNK48