ปลูกด่วน 5ชนิด ต้นไม้กันงูพิษเข้าบ้าน ปลูกไว้มีประโยชน์

ปลูกด่วน 5ชนิด ต้นไม้กันงูพิษเข้าบ้าน ปลูกไว้มีประโยชน์

1. จิงจูฉ่าย ต้นจิงจูฉ่าย มีอีกชื่อว่า ต้นโกฐจุฬาลัมพา หรือ ต้นเหี่ย เป็นต้นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก อายุประมาณ 1 ปี ความสูงประมาณ 45-120 เซนติเมตร มีเหง้าติดพื้นหรืออยู่ใต้ดิน ลำต้นตรง กลม มีร่องและมีขนขึ้นปกคลุม แตกกิ่งก้านตามต้น ออกใบเรียงสลับกัน ลักษณะใบคล้ายผักชี ปลายใบแหลมและแตกเป็นแฉก หน้าใบเรียบสีเขียว หลังใบสีเทา-เขียว มีขนขาวขึ้นเล็กน้อย ความกว้างใบ 1.5-9 เซนติเมตร และยาว 2.5-10.5 เซนติเมตร มีดอกขนาดเล็กสีขาวหรือแดง ความยาวประมาณ 3.5-5 มิลลิเมตร ออกผลรูปไข่ ทรงกลมรี ผิวเกลี้ยงไม่มีขน ขยายพันธุ์ได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด

2. กุ้ยช่ายประดับ กุ้ยช่ายประดับ หรือ กุ้ยช่ายม่วง เป็นไม้ยืนต้น อายุนานหลายปี ความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร มีหัวใต้ดิน ขึ้นเป็นกอ ลักษณะใบเรียวยาว แบน ปลายแหลม ความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ออกดอกสีม่วงลักษณะคล้ายดาวหกแฉก มีกลิ่นคล้ายกุ้ยช่ายทั้งที่ดอกและใบ ซึ่งนอกจากจะส่วนที่ช่วยป้องกันยุงและหมัดเข้าบ้าน ยังสามารถทำให้งูไม่กล้าเข้ามาในเขตบ้านและสวนของเราได้ด้วย

3. ดาวเรือง ดาวเรือง จัดเป็นไม้ล้มลุก มีอายุประมาณ 1 ปี ความสูงประมาณ 60-100 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง สีเขียว เป็นร่อง แตกกิ่งบริเวณโคนต้น ใบมีลักษณะคล้ายขนนก ออกเรียงตรงข้ามกัน มีใบย่อยประมาณ 11-17 ใบ เป็นรูปรี ปลายแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเป็นซี่ ความยาว 2.5-5 เซนติเมตร ออกดอกเดี่ยว มีทั้งสีเหลืองและสีเหลืองปนส้ม กลีบดอกมีขนาดใหญ่ซ้อนกันหลายชั้นเป็นวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 เซนติเมตร ความกว้าง 0.5-1.5 เซนติเมตร มีผลแห้งสีดำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดดาวเรือง เป็นหลัก นอกจากนี้กลิ่นของดาวเรืองยังรบกวนการจู่โจมของงู ส่วนยางในลำต้นก็มีฤทธิ์ระคายเคืองผิวและทำให้สายตาของงูพร่าเลือนได้

4. ฟ้าทะลายโจร ฟ้าทะลายโจร หรือ หญ้ากันงู เป็นไม้ล้มลุก ความสูง 50 เซนติเมตร ลำต้นเหลี่ยม ใบเลี้ยงเดี่ยว ผิวใบเกลี้ยง ออกสลับตรงข้าม ทรงใบรีและแคบ ความยาว 1.5-7 เซนติเมตร ความกว้าง 1-2.5 เซนติเมตร ออกดอกที่ซอกใบบริเวณปลายยอด มีสีขาว ความยาวประมาณ 0.9-1.5 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก ปลายกลีบดอกแตกเป็นแฉก มีผลแห้ง ทรงรี คล้ายฝักต้อยติ่ง มีรสขมทุกส่วนของต้น ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หากตัวงูถูกับรากหรือใบจะทำให้ผิวหนังเกิดอาการปวดบวม

5. ระย่อม ต้นระย่อม จัดเป็นไม้พุ่มเตี้ย ผลัดใบในฤดูแล้งและผลิใบในฤดูฝน ความสูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ลำต้นคดงอ เปลือกสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเทา มียางสีขาว มักมีรอยแผลตามลำต้น มีใบเดี่ยวออกสลับตรงข้าม ขึ้นหนาแน่ที่ปลายยอด ใบทรงรีคล้ายหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้มผิวมัน ความยาว 12-20 เซนติเมตร ความกว้าง 5-8 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ตั้งแต่ 1-50 ดอก ปลายกลีบสีขาว โคนกลีบสีชมพูหรือแดงเข้ม มีผลรูปทรงกลม ผิวเรียบ ฉ่ำน้ำ ชนาดประมาณ 1-1.8 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกจะกลายเป็นสีม่วงแดงหรือดำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด อีกทั้งต้นระย่อมนี้ยังมีฤทธิ์รบกวนระบบประสาทและระบบหัวใจของงูอีกด้วย

ข้อมูลจาก : zozaup

10 สูตรมาร์กหน้า ที่ใช้แล้ว “สิวไม่ขึ้นอีก” อย่าเลื่อนผ่าน

วันนี้จะพาทุกคนไปดู 10 สูตรมาร์คหน้าที่จะไม่มีปัญหาสิวมารบกวนใจคุณอีก บอกเลยว่าเป็นการรักษาผิวหน้าอีกทาง ที่ดีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแต่ละตัวช่วยมีผลต่อการลดสิวให้หายไปจริงๆ

สูตรพอกหน้าใส เจ๋งๆนับเป็นการเสริมความสวยความหล่อที่คนส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบและทำกันเป็นประจำ เนื่องจากการพอกหน้านั้น คือ การบำรุงผิวหน้าแบบง่ายๆ และการมาร์คหน้าบางวิธี ก็ช่วยกำจัดปัญหาใหญ่อย่างการเป็นสิวได้ด้วย และเราได้จัดรวบรวม 10 สูตรมาร์คหน้าที่จะไม่มีปัญหาสิวมารบกวนใจคุณอีก จะมีอะไรบ้างไปชมพร้อมๆกันเลย
1. ใบบัวบก

ตำใบบัวบกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำลงไปผสมเล็กน้อย คนให้เข้ากันจากนั้นนำมาพอกหน้าประมาณ 10-15 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาด ใบบัวบกจะช่วยรักษาอาการอักเสบสิว ทำให้สิวแห้งและยุบเร็ว อีกทั้งยังบำรุงผิวหน้าให้อ่อนเยาว์กว่าวัยได้ด้ว

แบบสำเร็จก็มีนะ

น้ำใบบัวบก

2. ว่านหางจระเข้


ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน เกิดฝ้า กระ สิวและจุดด่างดำ เพียงนำเนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณผิวที่มีปัญหาเป็นประจำก็จะช่วยลดอาการของผิวดังกล่าวลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ นับเป็นสูตรหน้าใสที่ทำง่ายแบบไม่ต้องลงทุนแพงเลยทีเดียว

ใสๆวัยรุ่นชอบ

แบบสำเร็จ

3. หอมแดง

เนื่องจากหอมแดงมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง เพียงหั่นหอมแดงเป็นแว่นๆ แล้วทุบเล็กน้อยเพื่อให้มีน้ำออกมา นำน้ำหอมแดงมาทาบนหัวสิว และตรงที่มีรอยสิว ก็จะช่วยรักษาสิวให้หายเร็ว และช่วยลดเลือนรอยสิวลงได้เป็นอย่างดี

หอมแดง

แบบสำเร็จ

4. กระเทียม

ฝานกระเทียมออกเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปทาลงบนหัวสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจึงล้างหน้าให้สะอาด สรรพคุณจากกระเทียมจะทำหน้าที่ยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยลดอาการอักเสบของสิว ลดรอยสิวและช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้

กระเทียมฝาน

ช่วยได้

5. มะเขือเทศ และมะนาว

นำมะเขือเทศประมาณ 1-2 ลูก ไปปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวลงไปครึ่งซีก คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียป้องกันการเกิดสิวใหม่ และช่วยทำให้สิวที่เป็นอยู่ยุบเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงได้ง่ายอีกด้วย

มะเขือเทศ

มะนาว

6. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

สูตรนี้ง่ายมากๆเลย เพียงแค่นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่แช่เย็นแล้วมาพอกหน้า นวดเบาๆแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้ทุกวันเลยนะคะ สิวผดหรือสิวเม็ดเล็กๆจะค่อยๆหายไป และยังจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย

มาร์คแล้วสวย

หาซื้อได้ง่าย

7. ดินสอพอง ผงขมิ้นชัน และน้ำผึ้ง

นำดินสอพองมาละลายกับน้ำสะอาดพอข้นๆ จากนั้นผสมผงขมิ้นชันและน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออกให้สะอาด หลังพอกหน้าเสร็จจะรู้สึกว่าหน้านุ่มขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยทำให้สิวอับเสบแห้งลงได้ง่าย แถมยังจะช่วยจัดการกับสิวผดที่มากวนใจได้อีกด้วยนะ
ขมิ้นชัน

น้ำผึ้ง

8. น้ำผึ้งมะนาว

นำน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้ทำบ่อยๆ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้สิวแห้ง รอยสิวจางลงได้เร็ว และช่วยป้องกันสิวใหม่ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังจะทำให้รูขุมขนเล็กลงอีกด้วย

น้ำผึ้งเลม่อน

ช่วยได้เยอะ

9. มะขามเปียก และนมสด

นำมะขามเปียกมาผสมกับนมสด พอให้ได้เนื้อข้นๆ ไม่เหลวจนเกินไป จากนั้นให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้สามารถทำได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดสิวได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวผด สิวอุดตัน สิวเสี้ยน สิวหัวดำ หรือแม้แต่รอยสิวก็ยังจะช่วยให้ดูจางลงได้ง่ายๆ

มะขามเปียก

นมสด

10. ไข่ขาว และน้ำมะนาว

นำไข่มาตอกใส่ถ้วย จากนั้นแยกเอาไข่แดงออก (ใช้แต่ไข่ขาว) ผสมน้ำมะนาวลงไปประมาณ 1 ช้อนชา ตีให้เข้ากันจนเป็นฟอง แล้วให้นำสำลีแผ่นบางๆมาชุบแล้วแปะลงไปบนใบหน้า ทิ้งไว้จนไข่ขาวเริ่มแห้ง แล้วค่อยๆลอกแผ่นสำลีออก จากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นตามด้วยน้ำเย็นให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยกระชับรูขุมขน ลดสิวเสี้ยน สิวหัวดำ และช่วยให้หน้ามันน้อยลงได้ด้วย

ไข่ขาว

น้ำมะนาว

เป็นยังไงกันบ้างกับ 10 สูตรมาร์คหน้าที่จะไม่มีปัญหาสิวมารบกวนใจคุณอีก บอกเลยว่าแต่ละสูตรที่เรานำเสนอไป จะเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาสิวกวนใจให้คุณได้แน่นอน เรียกได้ว่าการมาร์คหน้าเป็นการรักษาความใสของหน้าได้ดีทีเดียว

เรียบเรียงโดย : moobin , Pop lion

การเลี้ยงปลาดุกในโอ่งซีเมนต์ ให้ได้กำไร 100,000บาทต่อเดือน

การเลี้ยงปลาดุก ถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทำให้เรามีรายได้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่ก่อนที่จะเลี้ยงปลาดุกเป็นอาชีพนั้นจะต้องมีการศึกษา และหาตลาดให้ดีซะก่อน แต่สำหรับใครที่เลี้ยงไว้กินเอง ก็เลี้ยงสักบ่อ สองบ่อแล้วแต่ความสะดวก อันนี้ไม่ว่ากัน ไม่ต้องไปศึกษาหรือหาตลาดให้มากมายก็สามารถเลี้ยงได้

วิธีการการเลี้ยงปลาดุกในโอ่งซีเมนต์
1. ใช้โอ่งซีเมนต์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร สูง 50 ซม. ทำการต่อท่อข้างล่างโอ่งเพื่อระบายนำ
2. ล้างโอ่งซีเมนต์ให้สะอาด เพื่อไม่ให้ลูกปลาดุกตาย โดยทำการปล่อยน้ำใส่โอ่ง แล้วน้ำหยวกกล้วยลงไปแช่ประมาณ 7 วัน ล้างให้สะอาด
3. ปล่อยน้ำใส่โอ่งซีเมนต์ โดยให้มีความสูงประมาณ 20 ซม. เพื่อให้ลูกปลาดุกหายใจสะดวก
4. ทำการปล่อยปลาดุก 1 โอ่ง ประมาณ 80-100 ตัว โดยการปล่อยจะนำน้ำจากโอ่งมาใส่ภาชนะที่เตรียมลูกปลาดุกเพื่อให้ปรับสภาพก่อน ใส่ผักตบชวาเข้าไปด้วย เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นอาหารของลูกปลาดุก
5. ในช่วงอนุบาลควรให้อาหารสำเร็จอย่างเต็มที่ เช้า-เย็น เลี้ยงได้ประมาณ 15-20 วัน ให้ทำการลดอาหารสำเร็จ ใส่ผักตบลงไป และเพิ่มปริมาณน้ำเข้าไปด้วยโดยค่อยๆ ปรับระดับน้ำให้สูงขึ้น และตกเย็นให้อาหารสำเร็จรูปเมื่อปลาอายุได้ 3-4 เดือนจะมีขนาด 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม
6. ในช่วงการเลี้ยงจะมีการใส่น้ำหมักชีวภาพในช่วงเปลี่ยนน้ำ หรือตามความเหมาะสมเพื่อปรับคุณภาพน้ำ โดยน้ำหมักที่ได้จะผลิตขึ้นมาเอง โดยจะใช้กล้วยน้ำว้า ฟักทอง มะละกอ อย่างละ 3 กิโลกรัม นำมาสับ และผสมกับกากน้ำตาลอีก 3 กิโลกรัม คนให้เข้ากันเก็บไว้ในภาชนะปิด ผ่านไป 7 วัน ก็ผสมน้ำในอัตราส่วน 9 ลิตรเทลงไป ตั้งทิ้งไว้ 15 วันก็สามารถนำไปใช้ตามต้องการ

วิธีการเลี้ยงปลาดุกด้วยน้ำหมักชีวภาพ

1.) เมื่อนำน้ำใส่โอ่งแล้วให้ใส่น้ำหมักชีวภาพลงไปตามความเหมาะสม เพื่อให้จุลินทรีย์ปรับสภาพน้ำ จากนั้นปล่อยปลาลงไป สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของปลา และน้ำ

2.) หากไม่พบสิ่งปกติก็ให้ใส่น้ำหมักปริมาณเล็กน้อยในรอบ 10 วัน หากน้ำผิดปกติให้ใส่น้ำหมักปริมาณมากกว่าเดิมและเพิ่มความถี่ขึ้นผลที่ได้รับทำให้ปลาแข็งแรง เจริญเติบโตเร็ว และที่สำคัญน้ำไม่มีกลิ่นเหม็นด้วย

เกร็ดความรู้
1. การซื้อพันธุ์ปลาก่อนการเคลื่อนย้ายให้ปลาอดอาหาร 1 – 2 วัน เพื่อป้องกันปลาดิ้นและทำให้ปลาไส้ขาดเวลาเลี้ยงปลาจะไม่โต
2. การเคลื่อนย้ายปลาให้เตรียม น้ำมันพืช 30 ซีซี : เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันตักใส่ในถุงหรือที่มีพันธุ์ปลา อยู่ประมาณ 1 ช้อนชา เพื่อป้องกันปลาบาดเจ็บ
3. การป้องกันปลาหนีจากบ่อเวลาฝนตก ใช่วิธีหากมีฝนตกให้หว่านอาหารให้ปลากิน สัก 2 – 3 ครั้ง เพื่อหลอกว่าเวลาฝนตกจะได้กินอาหารแล้วปลาจะไม่หนี
4. การเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ดูดน้ำออก 1 ส่วน ใน 3 ส่วน และนำน้ำที่ใส่ใหม่ให้ทำเป็นละอองฝอยโดยใช้สายยางเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่ปลา
5. การจับปลาเพื่อบริโภคโดยใช้วิธีใช้สายยางฉีดน้ำเหมือนกับฝนตกปลาจะเล่นน้ำ จากนั้นใช้สวิงตักปลา ที่เล่นน้ำทันที ปลาจะไม่รู้สึกถึงอันตรายและจะกินอาหารต่อและไม่หนี้

www.zozaup.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก: saraupdate.com , wanchai

แชร์เก็บไว้!! วิธีตากอาหารแดดเดียว เนื้อ,หมู,ปลา ไม่ให้แมลงวันตอม ง่ายนิดเดียว!! อ่าน

เส้นผมบังภูเขาจริงๆ เคล็ดลับความรู้เล่านี้ มีคุณค่าควรแก่การถ่ายทอดให้ลูกหลานเอาไว้ใช้ในภายภาคหน้าได้เลยทีเดียว


หากพูดถึงอาหารแห้ง แน่นอนว่าหลายๆ คนนั้นนึกไปถึงหมูแดดเดียว เนื้อแดดเดียว หรือว่าปลาแดดเดียวโดนเฉพาะปลาสลิดแดดเดียวนี่ทอดอร่อยฝุดๆ ไปเลยครับ หลายคนนั้นก็มักจะชอบทำอาหารแดดเดียวแบบนี้ไว้ทานเอง

แหม่ ก็เวลาที่ไปซื้อมากินมันแพงเอาการเหมือนกันนี่นา แถมถ้าทำเองได้ก็จะประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกระดับหนึ่งด้วย ยุคนี้ต้องประหยัดไว้ก่อน
ที่จะทำอาหารแดดเดียวไว้ทานเอง ปัญหาต่อมาของการตากอาหารก็คือ แขกไม่ได้รับเชิญที่น่ารังเกียจอย่าง แมลงวัน ที่มันจะคอยมาบินวน เกาะๆ ตอมๆ อาหารที่เราตากเอาไว้

แถมบางครั้งมันยังไข่ลงไปในอาหารแดดเดียวของเราซะด้วย ทำเอาอาหารสุดแสนที่จะอร่อยของเรานั้นไม่น่ากินขึ้นมาในทันใด ไหนจะเชื้อโรคที่จะตามมาอีกต่างหาก ถ้าปล่อยไว้นานอาจจะเป็นตัวหนอนชอนไช ยี้!!!
และเคล็ดลับง่ายๆ ที่เราจะป้องกันไม่ให้แมลงวันมาตอมอาหารแดดดเดียวของเรานั้นก็คือ ?ชิงทำกินตั้งแต่ยังไม่ได้ตากแดดครับ เพี้ยะ!! เสียงฝ่ามือลงที่กระบาลผู้เขียน จนต้องหยุดเล่นมุข!
วิธีการง่ายๆ ก็คือ

ให้นำพริกแห้ง ลงไปวางไว้ในภาชนะที่เรานำไปตากอาหาร อาจจะเป็นกระด้งหรือชาม ก่อนที่เราจะนำอาหารไปตาก หรือจะเอาไม้เสียบพริกแห้งไปปักไว้รอบๆก็ได้ จะช่วยไล่แมลงวันไม่ให้มารบกวน หมู เนื้อ และปลาแดดเดียวของเราอีกต่อไป ซึ่งวิธีนี้ผ่านการทดลองมาแล้วได้ผลจริง 100%!!!
แต่ว่าพริกแห้งนั้นป้องกันได้เฉพาะแมลงวันเท่านั้นน่ะครับ ฉะนั้นคุณต้องเฝ้าระวัง แมว และสัตว์อื่นๆ ที่จะมาขโมยอาหารแดดเดียวของคุณไปแบบไม่ได้กลับคืนด้วยก็แล้วกัน อิอิ

ขอบคุณข้อมูลจาก : saraupdate.com

สาวๆอ่านด่วน 16 พฤติกรรมของ “ผู้ชาย” ที่ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ถ้าไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!!

วันนี้ทาง DPS News เอาเรื่องรายดีๆสำหรับสาวๆที่ต้องอ่าน ผู้ชาย” ที่ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ถ้าไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1.เขาเปลี่ยนตัวเองหลายๆอย่างเพื่อคุณ แม้บางข้อที่ยากเขาก็พยายามเต็มที่

2.เขาทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุข และมีรอยยิ้มเสมอ ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำอาจทำให้เขาเจ็บเอง

3.เขาจะแชร์ชีวิตของเขาให้ฟังทุกอย่าง พร้อมทั้งพูดถึงอนาคตและแผนที่เขาคิดไว้ซึ่งมีคุณอยู่ด้วย

4.เขาจะไม่ปิดบังอะไรคุณเลย แม้แต่เรื่องไร้สาระ เล็กๆน้อยๆ เขาก็จะบอกกับคุณเสมอ

5.เขาจะทำในสิ่งที่เขาพูดว่าจะทำโดยไม่ลังเล

6.เขาจะห่วงใยคุณมาก จนบางทีอาจทำให้คุณอึดอัด แต่นั่นคือเขาแคร์คุณจริงๆ

7.เขาอาจจำวันสลับปะปนมั่วไปหมด แต่เขาจะจำวันที่เขามีความสุขได้ดี วันสำคัญต่างๆเขาอาจลืมไปบ้าง แต่วันเกิดคุณและวันครบรอบเขาจำไม่ลืม

8.เขาจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้คุณมั่นใจ และเชื่อใจเขา และเขาจะทำได้ดีเมื่อรู้ว่าคุณมั่นใจในตัวเขาจริงๆ

9.เขาจะเหมือนเด็กในมุมมองคุณ และมักจะทำให้คุณทึ่งเวลาที่เขาจริงจัง

10.เขาจะไม่เปลียนไปหลังจากที่มีอะไรกับคุณแล้ว แต่เขากลับชอบมีอะไรกับคุณมากขึ้นกว่าเดิม (เหมือนติดใจ)​

11.เขาให้โอกาสคุณเสมอ ไม่ว่าคุณทำผิดอะไรไป (แต่เชื่อเถอะครับว่าอย่าบ่อยเกิน คนเรามีลิมิตเนอะ )

12.เขาจะไม่นอกใจคุณและเขาพร้อมที่จะพูดกับทุกคนที่เข้ามาว่าเขารักคุณคนเดียว

13.เขาจะเข้าหาพ่อแม่ญาติพี่น้องของคุณได้ดีเสมือนเป็นลูกชายคนนึง

14.เขาจะเคียงข้างคุณในวันที่คุณอ่อนแอไม่มีใคร แม้ในวันที่เขาไม่มีใครเช่นกัน

15.เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนๆคุณอิจฉาคุณที่มีแฟนอย่างเขา เพื่อให้คุณรู้สึกว่าคุณโชคดีที่ได้คบกับเขา (เพราะเขาคิดเสมอว่าเขาโชคดีที่ได้คบกับคุณ)

16.เขาจะคุยกับคุณแทบตลอดเวลาที่เขาว่าง เพื่อไม่ให้คุณเหงา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรอยู่ก็ตาม และเขาจะบอกว่าห่วงใยคุณ คิดถึงคุณ และรักคุณแทบทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกคืนนะ

ขอบคุณที่มา : kaazip

ผู้หญิงต้องอ่าน!! 14 เหตุผลที่ผู้หญิงควรมีเซ็กซ์

ในแบบสอบถามที่ถามผู้หญิงว่าทำไมจึงควร มีเซ็กซ์ พบคำตอบหลายหลาก ส่วนใหญ่ตอบว่าเป็นการแสดงความรัก อยากมีความสุข อยากตื่นเต้น อยากผูกพันกับแฟน ตนเองมีความต้องการ แฟนมีความต้องการ อยากมีลูก ฯลฯ แต่หากถามเหตุผลทางการแพทย์ เหตุผลดีๆ ที่ผู้หญิงควรจะมีเซ็กซ์มีดังนี้ค่ะ

sex,เซ็กส์,เซ็กซ์, เพศสัมพันธ์, เหตุผลที่หญิงควรมีเซ็กซ์,ผู้หญิง,ผู้หญิงมีเซ็กซ์,

1. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงสวยขึ้น เพราะเซ็กซ์ไปกระตุ้นรังไข่ให้หลั่งฮอร์โมนเพศหญิง เอสโทรเจนเพิ่มขึ้น ผิวพรรณของคุณผู้หญิงที่มีเซ็กซ์เป็นประจำมักเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผมดกหนามันเป็นเงางาม ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดช้า ทำให้ดูอ่อนเยาว์ งานวิจัยจากประเทศสก็อตแลนด์ พบว่าผู้หญิงที่มีเซ็กซ์ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ จะดูอายุน้อยกว่าคนที่ไม่มีเซ็กซ์ 7-12 ปีทีเดียว

2. เซ็กซ์ลดความอ้วน การมีเซ็กซ์แต่ละครั้งนานประมาณ 30 นาที เท่ากับวิ่งทาง ไกลในระยะ 2-3 กิโลเมตร สามารถเผาผลาญพลังงานไปอย่างน้อย 85 แคลอรี่ ทั้งยังช่วยลดไขมันตัวร้าย เพิ่มไขมันตัวดี ทำให้หุ่นดี ไร้ไขมันส่วนเกิน

3. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงบุคลิกดีขึ้น นอกจากฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจนที่เพิ่มขึ้น เซ็กซ์ ยังเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย DHEA (Dehydroepiandrosterone) และเทสทอสโทโรน(Testosterone) ทำให้คุณผู้หญิงคล่องแคล่ว ปราดเปรียว มั่นใจ ส่งผลให้บุคลิกดีขึ้น

4. เซ็กซ์สามารถลดอาการปวดประจำเดือน เหตุผลจากการเพิ่มของฮอร์โมน คอร์ติโคสเตอรอยด์จากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สามารถต้านการอักเสบ ลดความเจ็บปวด นอกจากนั้นเซ็กซ์ยังเพิ่มฮอร์โมนออกซิโตซินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผู้หญิง ตกอยู่ในห้วงความรัก และฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีน ซึ่งรวมกันแล้วสามารถลดความเจ็บปวดได้ชะงัด

5. เซ็กซ์สามารถลดกลุ่มอาการก่อนเป็นประจำเดือน (PMS, Premenstrual syndrome) อาการ PMS นั้นเชื่อว่าเกิดเพราะมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนก่อนเป็นประจำเดือน คุณผู้หญิงร้อยละ 80 ที่มีประจำเดือนมักเคยเป็น แต่คนที่มีอาการรุนแรงจนต้องรักษาพบประมาณร้อยละ 50
กลุ่มอาการนี้ได้แก่ หงุดหงิด เบื่อ ซึมเศร้า เครียด วิตกกังวล กระวนกระวาย นอนไม่หลับหรือหลับมากไป ตัวบวม ไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว ปวดข้อ ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ท้องเสีย กินไม่ได้ หรือกินไม่หยุดฯลฯ ที่เซ็กซ์สามารถลดอาการ PMS ได้ เชื่อว่าเป็นผลของฮอร์โมนแห่งความรักออกซิโตซิน ฮอร์โมนต้านการอักเสบคอร์ติโคสเตอรอยด์และ ฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีนซึ่งสามารถลดความเครียด ลดความเจ็บปวดทางร่างกายลงได้

6.เซ็กซ์แก้ไขโรคไมเกรน จากฤทธิ์ของฮอร์โมนต้านการอักเสบคอร์ติโคสเตอรอยด์และ ฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีนซึ่งสามารถลดความเครียด ลดความเจ็บปวดทางร่างกาย ดังนั้นหากคุณปวดหัวด้วยโรคไมเกรน การมีเซ็กซ์อาจช่วยคุณได้

7. เซ็กซ์ทำให้ประจำเดือนมาปกติสม่ำเสมอ เพราะเซ็กซ์ทำให้รังไข่ทำงานดี ทั้ง ช่วยลดความเครียดจากผลของฮอร์โมนแห่งความสุขเอ็นโดรฟีน จึงทำให้ประจำเดือนมาปกติตามกำหนด ผลพลอยได้คือ สามารถคุมกำเนิดแบบนับวันได้ เนื่องจากรู้ว่าประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่

8. เซ็กซ์ป้องกันโรคมีบุตรยาก จากผลของประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ฮอร์โมนเพศดี ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ จิตใจไม่วิตกกังวล ยิ่งมีความสุขในการมีเซ็กซ์ก็ทำให้มีเซ็กซ์ที่บ่อยครั้ง โอกาสตั้งครรภ์ก็มากขึ้นด้วย

9. เซ็กซ์ป้องกันโรคปัสสาวะเล็ด เป็นที่ทราบดีว่าการขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน หรือที่เรียกว่า Kegel exercise ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานพีซี (Pubococcygeus muscle) แข็งแรง กล้ามเนื้อพีซีนี้ห่อหุ้มช่องคลอด ทวารหนัก และหูรูดรูปัสสาวะ การมีเซ็กซ์เป็นการบริหารกล้ามเนื้อพีซีโดยตรง ส่งผลให้ช่องคลอดแข็งแรง หูรูดรูปัสาวะแข็งแรง ลดและรักษาอาการปัสสาวะเล็ด

10. เซ็กซ์ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืม เนื่องจากเซ็กซ์ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เลือด สูบฉีดขึ้นไปเลี้ยงสมอง ให้ออกซิเจนแก่สมอง เก็บเอาของเสียออกไปได้ดีขึ้น คุณผู้หญิงที่มีเซ็กซ์สม่ำเสมอมักมีความจำดี ไม่ขี้หลงขี้ลืม คิดอะไรก็ออก บอกอะไรก็เข้าใจง่าย

11. เซ็กซ์ป้องกันโรคหัวใจ เหตุผลเพราะเซ็กซ์คือการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจ ทำให้ไม่อ้วน ทำให้ไขมันตัวดีเพิ่มขึ้น สามารถลดความเครียด

12. เซ็กซ์ป้องกันโรคนอนไม่หลับ การมีเซ็กซ์ประดุจการรับประทานยานอนหลับ เซ็กซ์ป้องกันและรักษาผู้นอนหลับยาก จากการได้ออกกำลังกาย และได้ผ่อนคลายจากผลของฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin)

13. เซ็กซ์ป้องกันโรคกระดูกพรุน จากผลของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโทรเจน และฮอร์โมนเพศชายเทสทอสโทโรนที่ช่วยลดการสลายของกระดูก

14. เซ็กซ์ทำให้ผู้หญิงอายุยืนยาวและมีความสุข เป็นผลรวมจากข้อ 1-13 ค่ะ

14 ข้อนี้เป็นเหตุผลดีๆ ที่ผู้หญิงควรมีเซ็กซ์ แต่มีข้อแม้ค่ะว่าเซ็กซ์ดังกล่าวต้องเป็นเซ็กซ์ที่สอดคล้องกันระหว่างชาย หญิง เป็นเซ็กซ์ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ รวมทั้งเป็นเซ็กซ์ศีลธรรม ไม่เป็นเซ็กซ์ที่ได้มาจากการทำผิดศีลธรรมเช่นโกหกหลอกลวง ฉุดคร่า แย่งชิงสามีภรรยาผู้อื่น ฯลฯ มิฉะนั้นเซ็กซ์นั้นจะทำให้เกิดผลในทางตรงข้าม คือทำให้ชีวิตสั้นและเต็มไปด้วยความทุกข์

ขอบคุณที่มาจาก : board.postjung.com

เรียบเรียงรูปโดย : DPSNews

เผย 5 อันดับพระเครื่องไทยที่ควรห้อยเวลาเดินทาง ช่วยให้เเคล้วคลาด ไร้อุบัติเหตุ ศักดิ์สิทธิ์จริง หาบูชาด่วน!!!

พระเครื่องเป็น วัตถุมงคล ที่ช่วยเสริมความมั่นใจสบายใจให้กับผู้ที่ครอบครอง เเละเป็นตัวเเทนเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า คนไทยส่วนใหญ่ชอบสะสมพระเครื่อง เราคงเคยได้ยินข่าวคราวของการเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง เเต่ละครั้งก็ร้ายเเรงถึงขั้นเสียชีวิต เเต่ทุกคนสังเกตไหมว่าบุคคลที่ใส่พระรอดกันเกือบทุกคน อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เเละสำหรับวันนี้อัพยิ้มขอเอาใจนักเดินทาง เราจึงนำ 5 พระเครื่อง ที่ควรห้อยขณะเดินทางช่วยในเรื่องของความปลอดภัย ให้เราดินทางอย่างเเคล้วคลาด มีองค์ไหนกันบ้างมาดูกันเลยจร้า

 

อันดับ 1 หลวงปู่ทวด

ไม่ว่าจะเป็นพระใหม่ พระเก่า ก็ไม่จำเป็น ขอให้ระลึกถึงท่านก่อนเดินทาง แขวนพระท่านแล้วท่อง นะโม 3 จบ พร้อมด้วย คำอธิษฐาน

“นะโม โพธิสัตโต อะติคันมายะ อติ ภะคะวา”

ขอให้การเดินทางไป …….. อย่าได้พบเจออุบัติเหตุใด ๆ กลับบ้านด้วยความปลอดภัยทั้งไป และ กลับ

 

อันดับ 2 หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

ระลึกถึงท่านก่อนเดินทาง แขวนพระท่านแล้วท่อง นะโม 3 จบ พร้อมด้วย คำอธิษฐาน

“มะอะอุ นะมะพะธะ นะโมพุทธายะ พุทโธ ยานะ”

ขอให้การเดินทางไป …….. อย่าได้พบเจออุบัติเหตุใด ๆ กลับบ้านด้วยความปลอดภัยทั้งไป และ กลับ

 

อันดับ 3 หลวงพ่อโสธร

ระลึกถึงท่านก่อนเดินทาง แขวนพระท่านแล้วท่อง นะโม 3 จบ พร้อมด้วย คำอธิษฐาน

“นะทรงฟ้า โมทรงดิน พุทธทรงสิน ยาทรงสมุทร ยะทรงอากาศ พุทธัง แคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด”

ขอให้การเดินทางไป …….. อย่าได้พบเจออุบัติเหตุใด ๆ กลับบ้านด้วยความปลอดภัยทั้งไป และ กลับ

 

อันดับ 4 วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

ระลึกถึงท่านก่อนเดินทาง แขวนพระท่านแล้วท่อง นะโม 3 จบ พร้อมด้วย คำอธิษฐาน

“สัมมาอะระหัง”

ขอให้การเดินทางไป …….. อย่าได้พบเจออุบัติเหตุใด ๆ กลับบ้านด้วยความปลอดภัยทั้งไป และ กลับ

 

อันดับที่ 5 หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

เมื่อใดที่คุณต้องเดินทางไกล หรือเดินทางบ่อยๆ อย่าลืมหาพระเครื่องที่แนะนำเหล่านี้มาห้อยคอติดตัวไว้ เพื่อสร้างบารมีให้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเป็นพระใหม่ พระเก่า ก็ไม่จำเป็น ขอให้ระลึกถึงท่านก่อนเดินทาง และขอพรให้เดินทางปลอดภัยเสีย

การห้อยพระถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลเป็นการสร้างเสริมขวัญกำลังใจเเละมีความมั่นใจในการขับรถ ให้ตัวเองนั้นมีความสบายใจมากขึ้นเเล้ว สิ่งที่จะช่วยคุณได้อีกอย่างหนึ่งคือตัวคุณเอง หากคุณยังมีสติ เเละไม่ประมาทเเล้วยังไงคุณก็ต้องขับรถถึงที่หมายโดยไม่มีอุปสรรค์ใดๆได้เเล้ว

 

ขอขอบคุณที่มาจาก : box.upyim

เพื่อความอยู่รอด! มีเงิน 500 บาท อยู่ได้ 21มื้อ ไม่มีอด ทำได้จริง ลองมากับตัวเองแล้ว!

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาช่วงสิ้นเดือนทีไร ต้องกินมาม่ากันทุกทีแต่กินไปกินมาหลายคนคงเบื่อ วันนี่้มีสูตรดีๆมาฝาก วิธีบริหารเงิน 500 บาทสำหรับค่าอาหาร 1 สัปดาห์ ( 21 มื้อ)โดยไม่ต้องอดอาหาร ฟังดูบางคนอาจคิดว่าจะเป็นไปได้หรอจริงๆแล้วเงิน 500 บาทถ้าบริหารดีๆ ไม่ใช่แค่พออย่างเดียวนะ อาจเหลือเลยด้วย
เหลือเงิน 500 บาท จะบริหารอย่างไรสำหรับค่าอาหาร 1 สัปดาห์ ถ้าคุณมีตู้เย็นและอุปกรณ์ที่สามารถทำอาหารทานเองได้ 500 บาท นี่เหลือๆเลยล่ะ แถมทำได้หลายเมนูอีกต่างหาก ยิ่งถ้ามีข้าวสารและพวกเครื่องปรุงรสอยู่แล้วก็อยู่ได้สบายเลย เมนูที่แนะนำได้แก่ เมนูไข่ ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น ไข่ต้ม ไก่ผัดกะหล่ำปลีน้ำมันหอย กระเพราไก่ ไข่ดาว กระเพราหมูสับ น้ำพริก ไข่ต้ม (อาจเลือกซื้อน้ำพริกสำเร็จรูป) ไก่กระเทียม ข้าวผัดหมู / ไก่ ใส่ไข่ อกไก่ทอดก อกไก่ย่าง ข้าวต้มทรงเครื่องหมูสับ สุกี้รวมผัก เป็นต้น
เนื่องจากเป็นสัปดาห์ที่เราต้องประหยัด จึงจำเป็นต้องบริหาร 500 บาทอย่างคุ้มค่า แต่ก็ยังได้ทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยมีวิธีการเลือกซื้อวัตถุดิบดังนี้ เลือกซื้อผักที่ตลาดเพราะราคาถูกกว่า การเลือกซื้อเนื้อสัตว์ แนะนำให้ซื้อเนื้อไก่ เพราะถูกกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น แถมปริมาณก็ได้เยอะ ทำได้หลายเมนูอีกต่างหาก หรืออาจจะเลือกซื้อหมูบดสัก 5 ขีดก็ได้ค่ะ
การเลือกซื้อผัก แนะนำให้ไปซื้อที่ตลาดจะได้ผักราคาถูกกว่าในห้าง หรือถ้าไม่สะดวกก็เลือกซื้อพวกผักลดราคาในห้าง ประหยัดไปเยอะเลย ส่วนผักที่แนะนำคือ กะหล่ำปลี กระเพรา หอมใหญ่สักหัว พริกสด 10 บาท คะน้า ผักบุ้ง ต้นหอมผักชีรวมกันมัดละ 5 บาท 10 บาท ถ้าซื้อในห้างก็แพงหน่อย และก็วุ้นเส้นไว้ทำสุกี้ค่ะ

ไข่ไก่ เลือกซื้อไข่ไก่ 1 แผง 30 ฟอง ประมาณ 80 บาท ทำได้หลายเมนูเลือกซื้อไข่ไก่เพราะทำได้หลายเมนู นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเจ๋งๆ อีกหลายคำแนะนำจากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ว่าแล้วก็ไปต่อกันเลย
คำแนะนำ1

ถ้าไม่ต้องซื้อข้าวเครื่องปรุง อยู่ได้สบายเลย ซื้อขนมปังแถวนึง 30 บาท ไข่3 ใบ 12 บาท น้ำสลัด 2 ซอง30 บาท ทูน่ากระป๋อง 30 บาท ไก่ 30 บาท มื้อเช้าวันที่ 1 ก็กินขนมปังไส้ไข่ต้มใส่น้ำสลัด 2 ขนมปังไส้ทูน่าใส่น้ำสลัด ทูน่าทำได้สองครั้ง ไว้ทานวันที่ 5 วันที่ 3 ก็ขนมปังไส้ไก่ฉีกใส่น้ำสลัด วันที่ 4 กินแบบวันที่ 1 วันที่ 5 แบบวันที่สอง เวียนไปจนครบอาทิตย์ เฉพาะอาหารเช้ารวม 132 บาท ส่วนกลางวันกะเย็นทำหนเดียวเลย กินสองมื้อ
วันที่ 1 ผัดกระเพราหมู ไข่เจียว

ซื้อหมูสับ 30 บาท กระเพรา 5 บาท พริก 5 บาท ไข่ 4 บาท รวม 44 บาท

วันที่ 2 ผัดพริกไก่ ผัดผักบุ้งจีน

ไก่ 30 บาท หอมใหญ๋ 5 บาท พริก 5 บาท ต้นหอม 5 บาท ผักบุ้ง 10 บาท เต้าเจี้ยว 5 บาท รวม 60 บาท

วันที่ 3 สุกี้

ลูกชิ้นรวม 20 บาท ปลาหมึก 20 บาท กุ้ง 20 บาท ขึ้นไช่ 5 บาท วุ้นเส้น 5 บาท ผักบุ้งเหลือจากเมื่อวาน ผัดกาดขาว 5 บาท รวม 75 บาท

วันที่ 4 ผัดพริกแกงถั่วหมู แกงจืดผักกาดขาว

หมู 30 บาทถั่วฝักยาว 10 บาท พริกแกง 10 บาท แบ่งหมูหน่อยนึงไปแกงจืดผัดกาดขาวที่เหลือจากมะวาน รวม 50 บาท

วันที่ 5 ราดหน้าไก่

เส้น 10 บาท คะน้า 10 บาท ไก่ 30 บาท เต้าเจี้ยวเหลือจากผัดผักบุ้ง รวม 50 บาท

วันที่ 6 ต้มยำขาหมู ไข่เจียว

ขาหมู 30 บาท ไข่ 8 บาท เครื่องต้มยำ 5 บาท มะนาว 5 บาท (เพิ่งซื้อขาหมูที่โลตัสมา 33 บาทกินสองคนได้สองมื้อ) รวม 48 บาท

วันที่ 7 ข้าวผัดแหนม

แหนม 30 บาท ขิงซอย 5 บาท ถั่วลิสง 5 บาท รวม 40 บาท

รวมอาหารเช้า 132

วันที่ 1 รวม 44 บาท

วันที่ 2 รวม 60 บาท

วันที่ 3 รวม 75 บาท

วันที่ 4 รวม 50 บาท

วันที่ 5 รวม 50 บาท

วันที่ 6 รวม 48 บาท

วันที่ 7 รวม 40 บาท

ทั้งหมดเป็นเงิน 499 บาท กับข้าวก็กินได้สองอย่าง


คำแนะนำที่ 2

เข้าร้านสะดวกซื้อตามงบเลย เฉลี่ยตกมื้อละ 24 บาท ได้หลายอย่างอยู่นะ

คำแนะนำที่ 3

ถ้ามีครัว มีหม้อกระทะ มีตู้เย็น แล้วสบายมากครับเหลือๆ ครับ

ข้าวสาร เสาไห้ 35 2 กิโล 40 บาท หาแบบถูกๆ lotus มีขาย

เนื้ออกไก่ กิโล ละ 80 2 กิโล 160 บาท

ผักหาผักถูกๆ เช่นผักคะน้า กะหล่ำปลี อะไรก็ได้ สัก 100 นึง กินได้อาทิตย์นึง พอ

เครื่องปรุง พริก ต่างๆ น้ำมัน 100 นึง

เหลืออีก 100 นึงอยากซื้ออะไรก็ซื้อ ไข่ไก่ ขนม นู่นนี่นั่น 500 เหลือๆ

เมนู ก็ mix and match ผัดๆไป


คำแนะนำที่ 4

-สันในไก่ 95 บาท ประมาณโลนิดๆ

-ไข่ 1 แผง เบอร์ 3 ไม่เกิน 90 บาท

-ข้าวเสาไห้ ซัก 5 โล ไม่เกิน 80 บาท

-ผักก็ถั่วฝักยาว กล่ำปลี ใบกระเพรา ที่ตลาด

(เลือกอย่างใดอย่างนึงหรือคละกันก็ได้คะ)

พริกแกงผัด เอาไว้ผัดพริกแกงใส่แต่น้อยพอหอมๆ

– วุ้นเส้น เอามาทำต้มจืดใส่ไข่ ใส่ไก่ ใส่กะหล่ำ ทานได้หลายวัน

– ถั่วฝักยาวเอามาผัดพริกก็ได้ หรือผัดเฉยๆ ก็อร่อย

หากเงินเหลือซื้อน้ำจิ้มสุกี้ติดไว้ก็ได้ค่ะ เอาวุ้นเส้นใส่ผักใส่ไก่มาต้มเอาไว้ซดเบาๆยามค่ำคืนได้ค่ะ


คำแนะนำที่ 5

ลองไปซื้อในแมคโครจะได้ของถูกนะ ที่ซื้อประจำใน 1 อาทิตย์

มีคะน้าถุงนึง 25 บาท ทำกินได้ 2-3 ครั้ง

ผักบุ้ง 25 บาท ได้ 2-3 ครั้ง

ผักกาดขาว 2 หัวต่อถุง ทำได้ 2-3 ครั้ง

ผักสลัด 1 ถุงกินได้ 1 อาทิตย์

ซื้อปลาทู 1 โล 110 บาททำแกงส้มได้ 2 ครั้ง

ปลากะพง 1 ตัวแบ่งเป็น 3 ชิ้น

หัวปลาแซลมอน 2 หัว 48 บาท มาต้มซีอิ๊วญี่ปุ่นได้ 2 ครั้งใช้เงินประมาณ 5-600 บาท


คำแนะนำที่ 6

ของผม 500 / 1 อาทิตย์ 3 มื้อ 2 คน

ข้าวขาวคัดพิเศษ 5 โล 80 บาท

เส้นใหญ่ 1 ห่อ 30 บาท

เนื้อหมูหมักนุ่ม 1 โล 79 บาท

อกไก่ 1/2 โล 35 บาท

หมูสไลด์สันนอก 1 โล 132 บาท

ผักกาดขาว 20 บาท

แครอท 15 บาท

กระเพรา 5 บาท

คื่นช่าย 5 บาท

กะหล่ำปลี 20 บาท

วุ้นเส้น 12 บาท

คะน้า 10 บาท

ไข่ 15 ฟองเบอร์ 1 ประมาณ 56 บาท

รวม 499 บาท

ไม่รวมพวกเครื่องปรุงนะครับ พวกเนื้อสัตว์ผมซื้อในแม็คโคร ผักตลาดแถวบ้าน แต่ในแม็คโครก็ได้แต่กระเพรากับตั้งโอ๋ในแม็คโครไม่มีแบบกำหละ 5 บาท อย่างอื่นหยิบชั่งเองเอาที่พอใจได้เลย กระเพราะไก่ไข่ดาวขาดไม่ได้เด็ดขาด 500 บาทนี่ทำอะไรได้เยอะเลย ถ้าบริหารดีๆก็อยู่ได้เหลือๆ ใครที่กำลังช็อตช่วงปลายเดือนอยู่ ลองดูไว้เป็นไอเดียนะคะ รับรองว่า 500 ช่วงปลายเดือนจะไม่มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ละก็ไข่เจียว ไข่เจียว ละก็ไข่เจียวอีกต่อไป 55555

ขอขอบคุณที่มาจาก : kaiwhan.com

ออกแบบ”เล้าเป็ด”ให้เป็ดออกไข่เยอะๆ ทุน2หมื่น

สวัสดีครับม.. วันนี้เราขอนำเสนอวิธีการออกแบบ เล้าเป็ด ให้อยู่แบบสบาย ออกไข่เยอะๆ เป็ดไม่เครียด ลงทุนไม่มากสามารถทำได้จริงรายได้งามได้จริง มาดูกันเลยครับ ว่าจะมีวิธีการแบบใดมาดูกัน

ณ ศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่หนองสามพราน ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่นั่นมี ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ เจริญพร เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ได้มีแปลงสาธิตการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของ “ผู้ว่าหัวใจเกษตร” นายศักดิ์ สมบุญโต และสำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยเกษตรกรรมที่หลากหลาย ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ จัดให้ครบครัน

 

แต่ละส่วนของเกษตรกรรมที่ดำเนินการขึ้นถือว่าน่าสนใจทั้งสิ้น “มีความรู้มากมายให้ค้นหา” และที่จะนำมาบอกกล่าวในครั้งนี้ก็คือ การเลี้ยงเป็ดไข่ โดยเฉพาะการออกแบบโรงเรือน หรือ “เล้าเป็ด” ที่ทำเป็น “ห้องหับ” ให้มีสัดส่วนต่างๆอย่างลงตัว มันโดนใจผู้เขียนสุดๆ ส่วนจะโดนใจผู้อยู่อาศัยคือเป็ดแค่ไหน เดี่ยวไปหาคำตอบกัน…

ได้แรงบันดาลใจหรือว่ามีแนวคิดอย่างไร?

ผมเริ่มจากความคิดที่ว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่… คือเรามาคิดว่า ธรรมชาติของเป็ดชอบอยู่อาศัยอย่างไร ทีนี้พื้นที่ของเราตรงนี้มันขาดน้ำ “น้ำมีน้อย” ทำอย่างไรจึงจะเลี้ยงเป็ดได้ ก็เลยทำเป็นสระน้ำเล็กๆขึ้นมา และคิดต่อว่าน้ำที่ใช้เลี้ยงเป็ดนั้น เราจะต้องเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ จะใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง เราเริ่มจากตรงนี้

แบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยอย่างไรบ้าง?

ในการออกแบบเล้าเป็ดหรือโรงเรือนเลี้ยงเป็ดของเรามีขนาดพื้นที่ 12X12 เมตร เลี้ยงเป็ดได้ 350-400 ตัว เราได้ออกแบบให้มีพื้นที่ต่างๆ เป็น 3 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 เป็นสระว่ายน้ำ ใช้พื้นที่ประมาณ 1 ส่วน (1 ใน 5 ส่วนของพท.ทั้งหมด) ขนาด 4X4 เมตร น้ำลึกประมาณ 40 ซ.ม. โดยจะออกแบบให้มีระบบท่อเติมน้ำและระบบน้ำล้นไว้ จะมีการเปลี่ยนน้ำทุก 3 วัน สิ่งสำคัญได้ออกแบบให้มีท่อน้ำทิ้งที่ต่อท่อไปยังแปลงปลูกพืช วิธีนี้จะทำให้น้ำกลายเป็นปุ๋ยไปในตัว

“น้ำที่เปลี่ยนทุก 3 วัน เราจะนำไปรดพืชผัก และไม้ผลต่างๆ เป็นปุ๋ยไปในตัว”

ส่วนที่ 2 พื้นที่พักอาศัย(ห้องพัก) ใช้พื้นที่ประมาณ 3 ส่วน (3 ใน 5 ส่วนของพท.ทั้งหมด) ในส่วนนี้จะทำเป็นหลังคากระเบื้องลอนใหญ่ ออกแบบเพื่อไว้ให้เป็ดพักผ่อน โดยที่พื้นดินนั้นจะใช้ฟางข้าวปูและเมื่อเกิดความชื้นหรือเปียกก็จะปูทับไปเรื่อยๆ

“ประโยชน์ของฟางข้าวที่ปูทับไปเรื่อยๆนี้ เมื่อเป็ดรุ่นหนึ่งหมดอายุไข่ก็จะรื้อเปลี่ยนทีหนึ่ง และนำฟางข้าวนี้ไปเป็นปุ๋ยต่อไป”

นอกจากนี้ภายในห้องพักนี้ ได้แบ่งพื้นที่มุมหนึ่งที่ติดกับผนังให้มีส่วนของที่วางไข่ โดยใช้อิฐบล็อก 1 ก้อนก่อขึ้นทำเป็นช่องๆ ขนาดกว้าง 40 ซ.ม. สูง 20 ซ.ม. และใช้ไม้กระดานปูด้านบน (ตามภาพ) มีทั้งหมด 10 กว่าช่อง และแต่ละช่องจะทำเป็นแอ่งกระทะมีฟางรองให้เป็ดนอนไข่อย่างสบายใจ ไม่ต้องมีเพื่อนเป็ดตัวใดมารบกวน ซึ่งเป็ดแต่ละตัวจะเข้าไปวางไข่หมุนเวียนกัน

“วิธีการออกแบบที่วางไข่แบบนี้ จะทำให้สะดวกต่อการเก็บไข่ไม่ให้ไปไข่ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งบางทีก็เลอะเทอะ และสิ่งสำคัญที่วางไข่ที่ทำเป็นช่องๆแบบนี้เป็ดจะรู้สึกสงบหลบภัยได้ โดยธรรมชาติเป็ดจะขี้ตกใจง่าย…”

ส่วนที่ 3 พื้นที่เดินเล่นกลางแจ้ง ใช้พื้นที่ประมาณ 1 ส่วน (1 ใน 5 ส่วนของพท.ทั้งหมด) ไว้เพื่อให้เป็ดเดินเล่นออกกำลังกายและรับแสงแดดตามธรรมชาติ ทั้งนี้ ในการทำรั้วล้อมรอบโรงเรือน จะใช้อิฐบล็อกจำนวน 2 ก้อน ก่อสูงขึ้นมา และต่อด้วยตาข่ายพลาสติกแบบหนาสูงขึ้นอีกประมาณ 1 เมตร เพื่อป้องกันเป็ดออกนอกเล้า และที่ต้องใช้อิฐบล็อกก่อตรงพื้นดินก็เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาทำร้ายเป็ด โดยเฉพาะพวกงูที่มักมาเยี่ยมเยือนแบบไม่รับเชิญ เป็ดอยู่กันอย่างมีความสุข…ใครใคร่ทำกิจกรรมอะไรก็จะมีพิ้นที่เป็นสัดส่วน มองไปจากด้านหน้าจะเห็นว่า สมาชิกเป็ดอยู่กันอย่างมีความสุข…ใครใคร่ทำกิจกรรมอะไรก็จะมีพิ้นที่เป็นสัดส่วน

เล้าเป็ดแบบนี้ จะดีต่อคุณภาพชีวิตหรือการออกไข่อย่างไรบ้าง?

เรื่องแรกผมคิดว่า ทำให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น เช่น ควบคุมให้เป็ดกินอยู่ด้วยกันไม่ให้ไปไหนไกล ป้องกันอันตรายจากสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ มีที่วางไข่เป็นสัดส่วน ป้องกันเรื่องโรคหรือความสะอาดได้ ฯลฯ

เรื่องที่ว่ามีผลต่อการออกไข่หรือไม่นั้น อาจจะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็คิดว่ามีส่วนอยู่บ้าง มันเหมือนกับว่าเราให้เป็ดอยู่บ้านที่มีความปลอดภัย มีอาหารการกินอย่างดี มีที่ออกกำลังกาย มีที่ว่ายน้ำ ฯลฯ ก็ย่อมจะส่งผลต่อสุขภาพของเป็ด เมื่อเป็ดมีความสุขก็จะทำให้เป็ดออกไข่สม่ำเสมอ อย่างเช่น ตอนนี้เราเลี้ยงเป็ดทั้งหมดจำนวน 300 ตัว ก็จะออกไข่ได้วันละประมาณ 85 % ซึ่งก็ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เราพอใจ

หากจะสร้างเล้าเป็ดแบบนี้ขนาดนี้ใช้ทุนมากไหม?

ผมใช้ทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ของเราเน้นความยั่งยืน สร้างแข็งแรงหน่อย แต่ถ้าเกษตรทำเองก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงแบบของเรา ให้ใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่น เช่น ใช้โครงสร้างไม้ หลังคามุงจากหรือแฝก ฯลฯ ก็คิดว่ามีทุน 2 หมื่นก็น่าจะทำได้แล้ว

ลุงพร สอนอาชีพ เกาะติดรั้วเป็ด…และดูการเลี้ยงเป็ดอย่างใกล้ชิด


เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียน (ลุงพร สอนอาชีพ)ได้เกาะติดรั้วเป็ด…ทำให้รู้ว่าทุกงานอาชีพจะต้อง “เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา” นี่คือศาสตร์ของพระราชาที่เรียนรู้ได้ไม่จบสิ้น…ขอบคุณผู้ใหญ่พิเชษฐ์ เจริญพร ที่ได้เดินตามในหลวง ที่ทำให้ได้ความรู้มากมาย

ความคุ้มทุน…เลี้ยงเป็ดไข่ดีอย่างไร?

เป็ดตัวหนึ่งๆจะกินอาหารเฉลี่ยวันละ 150 กรัม ใช้อาหารเป็ดไข่เป็นหลัก ซื้อมาถุงละ 440 บาท และต้นทุนจะอยู่ที่ค่าพันธุ์เป็ด ซึ่งซื้อเป็ดสาวอายุ 18 สัปดาห์ พันธุ์ซุปเปอร์ซีพี ราคาตัวละ 136 บาท เลี้ยงไปประมาณ 3-4 สัปดาห์ก็ออกไข่

สำหรับไข่เป็ดที่ได้จะขายอยู่ที่ศูนย์เรียนรู้ ไม่ต้องไปขายที่ไหนไกล โดยขายฟองละ 4 บาท ซึ่งถือว่าราคาถูก แค่ให้พออยู่ได้ เพื่อเป็นแหล่งเพิ่มโปรตีนให้กับชาวบ้านในย่านใกล้เคียง โดยที่ถ้าไปซื้อที่ตลาดหรือตามห้างก็ตกฟองละ 5 บาทกว่า…

“ผมคิดว่าคุ้มทุนนะ ถ้าอยู่แบบพอเพียง ค่อยๆเลี้ยง และเพิ่มจำนวนเป็ดไข่ ตามความต้องการของตลาด และขยายตลาด หรือทำการแปรรูปเป็นไข่เค็ม ซึ่งก็จะเพิ่มมูลค่าได้ด้วย”

ทั้งหมดนี้ คือเล้าเป็ดในสไตล์ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ เจริญพร ซึ่งใครจะมาดูแบบหรือมาดูการเลี้ยงก็เชิญได้ ตามเบอร์โทร. ในภาพด้านล่างนี้ (081 4251163) โดยที่ผู้ใหญ่พิเชษฐ์ พร้อมที่จะให้ข้อมูลหรือแนวทางอย่างเต็มที่ครับ

ขอขอบคุณที่มาจาก : kasetkaoklai.com

ชาวนาเตรียมเฮ! ธ.ก.ส.เดินหน้าช่วยเหลือครัวเรือนละ12,000 บาท

ชาวนาเตรียมเฮ! ธ.ก.ส.เดินหน้าช่วยเหลือครัวเรือนละ 12,000 บาท

1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2560/61 โดยจ่ายสินเชื่อให้แก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเพื่อเก็บรักษาข้าวเปลือกไว้ที่ยุ้งฉางของตนเอง กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตันข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ในอัตราร้อยละ 90 ของราคาตลาด ตามชนิดข้าวเปลือก ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาตันละ10,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 7,200 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี 1ตันละ 8,500 บาท กำหนดวงเงินกู้สำหรับเกษตรกรสูงสุดรายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกร ไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ยจากผู้กู้ เนื่องจากรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนผู้กู้ทั้งหมด กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 5 เดือนนับถัดจากเดือนรับเงินกู้ เริ่มจ่ายสินเชื่อแล้วตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2561 ยกเว้นภาคใต้ไม่เกินเดือนกรกฎาคม 2561 เป้าหมาย 2 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 21,010 ล้านบาท

อกจากนี้รัฐบาลได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือเป็นค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก เพื่อจูงใจให้เกษตรกรได้มีการปรับปรุงคุณภาพโดยผ่านกระบวนการตากลดความชื้น การคัดแยกสิ่งเจือปน ก่อนนำขึ้นยุ้งฉางอีกตันละ 1,500 บาท ซึ่งจะจ่ายพร้อมการจ่ายสินเชื่ออัตราตันละ 1,000 บาท และจ่ายให้อีกตันละ 500 บาท เมื่อเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรนำเงินมาชำระหนี้

“การดำเนินโครงการดังกล่าวคาดว่าจะดูดซับปริมาณข้าวเปลือกไม่ให้ออกสู่ตลาดในปริมาณมากเกินความต้องการ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเปลือกมีเสถียรภาพ และปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ขอให้ทำการตากข้าวลดความชื้นและดูแลคุณภาพข้าวก่อนนำข้าวเปลือกขึ้นยุ้งฉาง แล้วจึงไปติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้านท่าน เพื่อดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวเปลือก โดย ธ.ก.ส. จะอนุมัติสินเชื่อ พร้อมจ่ายเงินกู้ภายใน 3 วัน” นายนุกูลกล่าว
 2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2560/61 เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับสถาบันเกษตรกรในการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรสมาชิก และรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อนำไปจำหน่ายหรือแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม รวม 2.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 12,500 ล้านบาท โดยสถาบันรับภาระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 และรัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกรไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 – 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งปัจจุบันจ่ายสินเชื่อให้สถาบันเกษตรกรไปแล้ว 20 สถาบัน เป็นเงิน 1,314 ล้านบาท

นอกจากการสนับสนุนสินเชื่อดังกล่าว รัฐบาลได้เห็นชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2560/61 ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ฯ ปีการผลิต 2560/61 กับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 3.9 ล้านราย ไร่ละ 1,200 บาท ตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริง แต่ไม่เกินรายละ 10 ไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 12,000 บาท เตรียมวงเงินไว้จำนวน 47,273 ล้านบาท ซึ่งพร้อมจะจ่ายเงินดังกล่าวโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ธ.ก.ส. Call Center 0-2555-0555 บริการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ศุนย์บริการลูกค้า 1593 บริการ ในวันและเวลาทำการ
สำนักงานใหญ่ 0-2558-6555
ข้อมูลจาก : www.zozaup.com