ทำบุญไม่ขึ้น!! ทำอะไรติดๆขัดๆ ลองอ่านนี่ดูสิ ชีวิตคุณอาจจะเปลี่ยนไป


ตั้งใจอ่านทำจิตใจให้สงบ ต้องอ่านให้จบ

แพทย์ผ่าตัดโรคหัวใจมือหนึ่ง..เล่าเรื่องประสบการณ์ขอขมา

เจ้ากรรมนายเวรและบทขอขมา

อโหสิกรรม..ว่า ปกติเป็นคนที่สวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอน

จะท่องเฉพาะบท “นโมตัสสะ ฯลฯ” กราบ 3 ครั้ง แล้วนอนเลย

แต่เมื่อก่อนปีใหม่ ได้หนังสือสวดมนต์มา ก็เลยได้สวดบท

ขอขมาอโหสิกรรม เจ้ากรรมนายเวร

ตอนสวดครั้งแรก ก็ไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่า

เป็นบทที่น่าสวดดี หลังจากสวดเสร็จ .คืนนั้น…

ฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุด สีชมพูแดง มานั่งคุยด้วย

เธอบอกว่า เมื่อก่อนโกรธเรามาก แต่มาวันนี้

ไม่โกรธแล้ว พอเราตื่นขึ้นมา เรารู้สึกว่าอิ่มเอมใจ

แบบอธิบายไม่ถูก คุยกับแม่ แม่ว่า คงเป็นเจ้ากรรมนายเวร

เขามาอโหสิกรรมให้ ก็เลยไปเล่าให้เพื่อน สนิทฟัง เพื่อนก็เลย

ขอให้ส่งบทสวด บทนั้นให้ พอเพื่อนเราสวด เธอก็ฝันเห็น

เด็กตัวเล็ก ๆ บอกเธอว่า เขากำลังจะไปเกิด เธอบอกว่า

เธอรู้สึกดีมาก ๆ ก็เลยอยากจะแชร์บท สวดมนต์ให้เพื่อนๆ

เผื่อใครสนใจอยากจะสวดบทอธิฐานขออโหสิกรรม

กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง

อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม

กรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใดทั้งโดยตั้งใจก็ดี

ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรม

นายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้

จองเวรจองกรรม ต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใคร ๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม

ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ให้ทั้งสิ้น …. ยกถวายพระพุทธเจ้า

เป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้ เขาเหล่านั้น กลับมีเมตตาจิต

คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรม ต่อกันตลอดไป

ด้วยอานิสงส์…



แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจน…

วงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณ ของข้าพเจ้าพ้นจาก

ความทุกข์ยาก ลำบาก เข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้

ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดี มีชัย เสนียดจัญไร

และอุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป

นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ

ประกอบด้วยธรรม ขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ

จงพลันสำเร็จ…จงพลันสำเร็จ เทอญ

นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ
ขอกุศลผลบุญจงสำเร็จแก่ผู้อ่าน และผู้ที่แบ่งปัน


พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต ไม่มีใครหนีความตายได้


จากผู้ใช้ แฟนเพจและ facebook ได้มีการแชร์ภาพ พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต ทำให้มีผู้คนสนใจมากมายจนต้องแชร์ต่อว่ามันแปลกหูแปลกตาแค่ไหนลองมาดูกันเลย..

พิธีฝังศพบนฟ้า ของชาวทิเบต เห็นแล้ว ก็ปลงกันนะครับ ไม่มีใครหนีความตายได้………..การทำศพแบบทิเบตที่เห็นนี้ เรียกว่า sky burial หรือการฝังศพบนท้องฟ้า เป็นพิธีศพสำหรับสามัญชนทั่วไป ยกเว้นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีตั้งครรภ์ คนที่ตายจากโรคติดต่อหรืออุบัติเหตุ ส่วนการฝังในเจดีย์หรือเผาจะสงวนไว้สำหรับพระลามะตำแหน่งสูงๆเท่านั้น

 

Sky Burial ถือเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญมากในทิเบต ชาวทิเบตทุกคนในชุมชนจะได้รับเชิญให้ไปเป็นเกียรติในการทำพิธีนี้โดยทั่วกัน

พิธีจะจัดขึ้นโดยมีพระลามะคอยดูแลการชำแหละศพให้นกแร้งกิน เป็นเวลา 3 วัน ชาวทิเบตเชื่อว่า เมื่อวิญญาณออกจากร่าง ศพก็คือเปลือกที่ว่างเปล่า ควรให้เป็นทานแก่นกแร้ง ที่มีมากมายในแถบนั้นตามความเชื่อทิเบต นกแร้งเป็น “ผู้ร่ายรำบนท้องฟ้า” มีฐานะเทียบเท่าเทพบุตรและเทพธิดา ซึ่งเทพทั้งหลายเหล่านี้จะนำวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์

นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการทำกุศลครั้งสุดท้ายของผู้ตาย โดยได้ให้ทานร่างกายเป็นอาหาร ทำให้นกแร้งไม่ต้องไปจับสัตว์เล็กๆกินอิกหลายมื้อ จึงได้ช่วยชีวิตสัตว์เล็กๆไว้ได้หลายชีวิต

ในพุทธประวัติ มีเรื่องเล่าว่า พระพุทธเจ้าทรงเคยเฉือนเนื้อตนเองให้เป็นทานแก่พญาเหยี่ยว เพื่อช่วยชีวิตนกพิราบเช่นเดียวกัน พิธีนี้อาจทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่หากมองถึงรากลึกแล้ว ใครจะรู้บ้างว่า Sky Burial เข้าถึงปรัชญาการให้ทานและการปล่อยวาง ขั้นสูงสุด ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ ไม่ต้องตัดไม้มาทำเชื้อเพลิง ดีกับระบบนิเวศ เพราะคืนร่างกายกลับคืนสู่ธรรมชาติ ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารแก่สัตว์กินซาก ดังนั้น จึงอาจเรียกได้ว่าเป็น…..พิธีศพ ที่ดีที่สุดในโลก

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต พิธีฝังศพบนฟ้าของชาวทิเบต

5พืชเกษตรควรปลูก อาจรวยพลิกชีวิตต้องอ่าน!!!


ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรชั้นดี ที่ผ่านมาเราขาดการส่งเสริมและสนับสนุน หนำซ้ำยังหันไปหมกมุ่นอยู่กับสินค้าอุตสาหกรรมจนล้นตลาด แต่วันนี้หลายคนเริ่มตระหนักว่าอาหารคือปัจจัยสำคัญของชีวิต ทุกคนบนโลกล้วนต้องการอาหาร แล้วทำไมเราไม่ผลิตอาหารป้อนสู่ตลาดโลก ล่าสุดสำนักข่าว “Thai quote” ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพืชเกษตรทั้ง 5 ชนิดที่ใครก็ตามตั้งใจทำจริง รวยเว่อร์..แน่นอน

ตะไคร้ เป็นพืชเกษตรที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งเพราะใช้ได้ตั้งแต่โคนจรดปลาย ทำได้ตั้งแต่เครื่องต้มยำยันน้ำสุขภาพ โรงงานเครื่องแกงเสาะหากันจ้าละหวั่น ขนาดทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่เตรียมดิน สนนราคาการันตีขั้นต่ำ กก.10-15 บาท ว่ากันว่าเกษตรกรบางคนมีรายได้จากการปลูกตะไคร้ขายมากถึงวันละ 30,000 บาท ปลูกง่ายรายได้ดีขนาดนี้ ไม่ทำไม่ได้แล้ว

กล้วย ขึ้นชื่อว่ากล้วยไม่ว่าจะเป็นกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม หรือแม้กระทั่งกล้วยตากมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เพราะตลาดมีความต้องการสูง โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นกับจีนต้องมาจองกันถึงสวน ไม่ต้องมองอื่นไกล แค่ในบ้านเรา กล้วยหอมหวีสวยๆขายกันหวีละ 90-150 บาท ในคอนวีเนียนสโตร์ลูกละ 8 บาท ไม่พอขาย เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่เกษตรกรหลายคนจะหันไปปลูกกล้วยโกยรายได้ในช่วงน้ำแล้งแบบนี้

มะนาว พืชอีกชนิดที่ทำเป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำ จะปลูกแบบเป็นไร่หรือปลูกในกระถางอ่างซีเมนต์ก็ได้ กรรมวิธีการปลูกไม่ยาก ถ้าได้พันธุ์ดีๆให้น้ำมาก เป็นที่ต้องการของตลาด สามารถขายได้ราคา ผลละ 4-5 บาท แหล่งระบายสินค้ามีตั้งแต่ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหาร เรียกว่าถ้ามีแรงปลูกก็มีคนซื้อว่างั้นเถอะ

มะพร้าว กินสดก็ได้ แปรรูปก็ดี โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอมของไทยขึ้นชื่อลือชาติดตลาดโลกโกยเงินเข้าประเทศปีละหลายพันล้าน ตลาดใหญ่ๆคือฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และยุโรป ยิ่งในปัจจุบันคนรุ่นใหม่มองข้ามมะพร้าวหันไปปลูกพืชชนิดอื่น เจ้าของสวนมะพร้าวเลยโกยเงินเพลิน เพราะคนปลูกน้อย แต่ความต้องการในตลาดมีมาก ประกอบกับตอนนี้มีเทคนิคปอกเปลือกกินได้ทั้งลูกก็เลยยิ่งได้รับความนิยม ขายกันลูกละ 20-30 บาท ว่ากันว่าตลาดต่างประเทศอย่างเกาหลีใต้วางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตลูกละ 70 บาท

มะม่วง ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนมะม่วงก็ยังเป็นสินค้ายอดฮิตติดลมบน เป็นผลไม้มีอนาคต ถ้าทำดี ผลผลิตงาม รับรองพ่อค้าวิ่งมาจองซื้อถึงสวน กำไรก็ไม่มากไม่น้อย บวกลบต้นทุนเหลือประมาณไร่ละ 50,000 บาท ถ้าปลูกซัก 30 ไร่ก็ลองคูณว่าจะได้กำไรเท่าไหร่ ในต่างประเทศขายกันใบหนึ่งหลายสิบบาท เช่นมะม่วงน้ำดอกไม้ในญี่ปุ่นขายกันลูกละ 50 บาท เห็นแบบนี้ไม่ปลูกไม่ได้แล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าการจะปลูกพืชชนิดไหน ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ใช่เห็นคนอื่นรวยเว่อร์ก็ทำตาม แบบนั้นนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังทำให้สินค้าล้นตลาดอีกต่างหาก

ขอบคูณข้อมูลจาก https://pantip.com/topic/35001241

ทำยังไงให้รวย!! 7 นิสัยทำให้คุณรวยแน่นอน!!


คนเราจะเป็นเศรษฐีได้ ไม่ได้อยู่ที่เก่งเรื่องการหาเงินเพียงอย่างเดียว เพราะว่าจะหาเงินมาได้เท่าไหร่หากมีนิสัยการบริหารเงินที่ไม่ดี มีเงินเท่าไหร่ก็เก็บเอาไว้ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการมีนิสัยการสร้าง และการบริหารเงินที่ดีด้วย ถึงจะเรียกว่าเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง แต่ว่าจะต้องทำยังไงให้รวยล่ะ?

ความร่ำรวยไม่ได้มาจากโชคหรือโอกาส แต่มาจากนิสัยการบริหารเงิน นิสัยบางอย่างที่เราทำทุกๆวัน ทำซ้ำๆ ทำวันละนิด แต่ทำตลอด วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่านิสัย 7 อย่างที่จะทำให้คนเป็นเศรษฐีนั้นมีอะไรบ้าง
1. ตั้งเป้าหมาย

ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือเราจะต้องมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงเสียก่อน ถ้าไม่มีเป้าหมายแล้วจะวางแผนการเดินทางได้ยังไง ถูกมั้ย เป้าหมายการสร้างความร่ำรวยก็เหมือนกัน คนที่ร่ำรวยไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่มาจากการที่คนเหล่านั้นมีเป้าหมายชัดเจน และสามารถวัดผลได้ เช่น ฉันจะต้องมีเงิน 5 ล้านใน 10 ปีข้างหน้า โดยการสร้างรายได้จากธุรกิจ… (รูปแบบธุรกิจที่คุณทำอยู่ หรือ กำลังจะทำ) หรือ จากการออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม คุณจะต้องประกาศให้ตัวเองรับรู้ และ หมั่นย้ำคำประกาศของคุณเพื่อเตือนตัวเองถึงเป้าหมายอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ

ทำอย่างไรให้รวย_ตั้งเป้าหมาย
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง

2. ตอกย้ำเป้าหมายทุกวัน

เมื่อคุณได้ตั้งเป้าหมายแล้ว สิ่งต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ  ความมุ่งมั่น คุณจะต้องใช้พลังทั้งหมดของคุณ ทำทุกสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทำ เพื่อที่จะไปให้ใกล้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เตือนตัวเองอยู่เสมอด้วยการสำรวจตัวเองว่าวันนี้คุณทำอะไรไปแล้วบ้าง แล้วสิ่งที่ทำไป ช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายหรือไม่ ถ้าสิ่งที่ทำไม่ได้ช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายกว่าเดิม แล้วคุณยังทำอยู่ทำไม?

ทำอย่างไรให้รวย กับนิสัย 7 อย่างทำให้คุณรวยแน่นอน - ภาพที่ 1

3. ใช้เงินให้น้อยกว่าที่หาได้

อีกนิสัยที่สำคัญสำหรับการเป็นเศรษฐี คือ การใช้เงินน้อยกว่าที่หามาได้ คิดง่ายๆ หามาได้เท่าไรก็ใช้เท่านั้น สิ่งสำคัญก็คือการมีวินัยในการออมเงินนั่นเอง ไม่ใช่ว่าได้เงินมาเท่าไหร่ก็หน้าใหญ่ทันที อะไรจำเป็นก็ซื้อ อะไรแค่อยากได้แต่ไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ อาจจะใช้วิธีเดินดูไปก่อน อย่ามือไวรูดปื้ดรูดปื้ด เงินที่อุตส่าห์หามาได้อย่างลำบากยากเย็นจะได้ไม่หมดไปเพราะมือไวใจเร็ว

ทำอย่างไรให้รวย กับนิสัย 7 อย่างทำให้คุณรวยแน่นอน - ภาพที่ 2
คุณต้องการมีวินัยในการออมเงิน

4. สร้างคุณค่า

คนที่เป็นเศรษฐีส่วนใหญ่จะสร้างคุณค่าในการทำงานได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2-3 เท่า ซึ่งนี้เกิดขึ้นมาจากการใส่ใจในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานที่เล็กน้อยเพียงไหนก็ตาม หากคุณเห็นคุณค่าในงานชิ้นนั้น เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนั้น พวกเขาก็ยังเลือกสร้างคุณค่าในตัวเองด้วยการลงทุน ค้นหา ค้นคว้าหาความรู้ตลอดเวลาอีกด้วย

ทำอย่างไรให้รวย_สร้างคุณค่า
ไม่ว่าจะเป็นงานที่เล็กน้อยเพียงไหนก็ตาม คุณควรเห็นคุณค่าในงานชิ้นนั้น

5. ไม่ท้อแท้

แต่ละคน ต่างก็มีวันดีและวันที่เลวร้ายด้วยกันทั้งนั้น สิ่งสำคัญคือการที่เราไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคทั้งหมดทั้งมวล ความผิดพลาดเป็นบทเรียน ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่สิ่งที่คนจะเป็นเศรษฐีถามตัวเองเมื่อมีสิ่งที่ผิดพลาดเกิดขึ้น คือ เราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดนี้บ้าง เมื่อได้คำตอบแล้ว ได้บทเรียนแล้ว ก็อย่าทำพลาดซ้ำ ยืดอกแล้วเดินต่อไป มุ่งไปที่เป้าหมายต่อไป อย่าให้อะไรมาหยุดยั้งเรา

ทำอย่างไรให้รวย_ไม่ท้อแท้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สิ่งที่คนจะเป็นเศรษฐีถามตัวเองเมื่อมีสิ่งที่ผิดพลาดเกิดขึ้น คือ เราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดนี้บ้าง

6. ความเสี่ยง

เศรษฐีส่วนใหญ่จะกล้าทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ จนบางทีดูเหมือนคนบ้า ดูอย่าง สตีฟ จ๊อบส์สิ เหมือนใครซะทีไหน โดนไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมา แล้วก็โดนจ้างกลับมาทำงานใหม่ แล้วก็ทำให้แอปเปิ้ลกลายเป็นยักษ์ใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้ ทำให้เราเห็นว่าความสำเร็จที่ได้จากความกล้าบ้าบินนั้น จริงๆ แล้ว ถ้าเกิดจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ความเสี่ยงที่มีก็จะแตกต่างออกไป เพราะว่าเข้าใจความเสี่ยง จึงทำให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุน ต้นทุน และ ความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ก็ลงมือทำ แม้ว่าจะดูกล้าบ้าบิ่นขนาดไหนก็ตาม

ทำอย่างไรให้รวย_เข้าใจความเสี่ยง
เศรษฐีส่วนใหญ่จะกล้าทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ จนบางทีดูเหมือนคนบ้า

7. ไม่เห็นแก่ตัว

คนมากมายสมัยนี้ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่เป็นเศรษฐี เพราะหลายคนคิดว่าคนที่จะเป็นเศรษฐีได้นั้นจะต้องเอาเปรียบคนอื่น ทำนาบนหลังคน เห็นแก่ตัว ถึงทำให้เขาได้มาถึงจุดที่ตัวเองอยู่ได้ แต่จริงๆแล้ว คนเป็นเศรษฐีได้นั้น จะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวมาตั้งแต่ต้นอย่างเหน็ดเหนื่อย ยากลำบาก พอได้มาถึงจุดที่ตัวเองเป็นเศรษฐีแล้ว คนๆ นั้นมักจะเห็นคุณค่าในการสร้างผลประโยชน์ให้คนอื่น เห็นความสำคัญในการสร้างคุณค่าให้คนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว แค่ไม่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ และมักจะเป็นคนใจกว้าง เปิดใจฟังคนอื่นเสมอ และเชื่อในการคืนผลประโยชน์ให้กับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อคิด แบ่งปันแนวคิด ผลิตภัณฑ์ หรือ ทรัพยากรอื่นๆที่มีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น

ทำอย่างไรให้รวย_คืนคุณค่าให้แก่สังคม

ขอบคุณที่มา https://daily.rabbit.co.th

เกษตรกร”ทองพูน วงษา”เผยเคล็ดลับ ทำสวนส้มโอเงินล้าน!!


ปลูกส้มโอส่งออก 10ไร่ ทำรายได้หลักล้าน งานเกษตรประณีตของคน อำเภอ บ้านแท่น จังหวัด ชัยภูมิ เน้นเทคนิคการจัดการที่ไม่เหมือนใคร ได้ผลผลิตเกรดเอ ราคาดี มีตลาดรองรับ จับเกษตรผสมผสาน เสริมรายได้ เก็บขายตลอดปี ส้มโอส่งออก เงินล้าน จากการเปิดเผยของคุณทองพูน วงษา อายุ 54 ปี เจ้าของสวนส้มโอเมืองทอง ถึงความสำเร็จของสวนส้มโอเงินล้านว่า เริ่มปลูกส้มโอครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2550 จำนวน 10ไร่ ชุดแรก 400 ต้น ได้ผลผลิตต้นละประมาณ 200 ผล ต่อ 1ต้น จะได้ผลผลิตเกรด เอ ประมาณ 100 ผล ขายส่งออก 60% ขายภายในประเทศ 40% ผลเกรด เอ ขายกิโลละ 45 บาท เกรดลองลงมา ขาย กิโลกรัมละ 35 บาท แม่ค้ามารับที่สวนแบบตกเกรด กิโลกรัมละ 25บาท เหมาหมดพื้นที่ 10ไร่ ทำรายได้ต่อปี กว่า 1,500,000 บาทต่อปี นายทองพูน วงษา เจ้าของสวนส้มโอเมืองทอง   “ปีนี้ส้มโอราคาดี ผมจะดูแลส้มโอให้มีคุณภาพ 1 ต้น ออกผลเยอะมาก บางต้นออกถึง 500-800 กว่าลูก แต่ผมจะเด็ดออกเราจะคัดลูกที่สวยๆไว้ต้นละประมาณ 200 ลูก/ต้น เพราะถ้าปล่อยให้ติดผลทั้งหมดจะทำให้ลูกเล็ก ผลล่วง คุณภาพไม่ได้ ขายไม่ได้ราคา ถ้าเราควบคุมคุณภาพได้จะทำให้ส้มโอสวยๆได้ต้นละ 200 ลูกก็เพียงพอ ผมมีส้มโอตอนนี้ 400 ต้น เกือบ 80,000 ลูก บางทีก็มากกว่า บางทีก็ไม่ถึง 1 ผล น้ำหนัก 1-1.5 กิโลกรัม/ลูก ผมได้เกรด เอ 60%ขึ้นไป

ส่วนใหญ่ ส่งออกโดยจะมีพ่อค้าส่งออกมารับซื้อถึงสวน ส่วนเกรดรองลงมาก็มีแม่ค้ามารับถึงที่เหมือนกันครับ” คุณทองพูน เกษตรกรคนเก่ง กล่าวถึงผลผลิตภายในสวน คุณทองพูน กล่าวอีกว่า คำว่าเกรด เอ ไม่ใช่ดูที่น้ำหนักอย่างเดียว ต้องดูผิวสวย และน้ำหนักประกอบกัน บางครั้งน้ำหนักแค่ 8 ขีดก็เป็นเกรดเอได้ แต่ ไม่ว่าจะเป็นเกรดใด ก็ขายไดหมด ตอนนี้ส้มโอบ้านแท่น เป็นที่ต้องการของตลาด ผลผลิตไม่พอขาย ทางจังหวัดมีโครงการขยายพื้นที่ปลูก เดิมทีมีพื้นที่ปลูกกว่า 1,000 ไร่ แต่ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ตลาดส่งออกคือประเทศจีน มีบริษัทมารับซื้อถึงแปลงเกษตร อำเภอบ้านแท่น จึงนิยมปลูกส้มโอ ตอนนี้มีกลุ่มที่ปลูกส้มโอ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกส้มโอบ้านแท่น กับ กลุ่มส้มโอหวานบ้านแท่น ทางจังหวัด เข้ามาสนับสนุนต้นพันธุ์ และปัจจัยการผลผลิตบางส่วน ก็ทำให้มีคนสนใจปลูกมากขึ้นเรื่อย “ส้มโอบ้านแท่นมีผลผลิตออกตลอดปี เพราะส้มโอสามารถทำทวายได้ บางสวนก็จะทำผลผลิตออกปีละ 2 ครั้ง แต่ผลผลิตจะไม่ค่อยได้คุณภาพเต็มที่ ยิ่งทำส้มโอทวายลูกจะเล็กรสชาติจะไม่แน่นอน แต่ก่อนสวนของผมก็ทำปีละสองครั้งผมว่ารสชาติไม่อร่อยเหมือนกับส้มโอปี ตอนนี้ผมเลยทำส้มโอออกปีละครั้ง เน้นให้ออกช่วงเดือน สิงหาคม-กันยายน ผลผลิตจะมีคุณภาพ รสชาติดี คือผมจะเริ่มตัดแต่งกิ่งใส่ปุ๋ยเดือนธันวาคมหรือวันพ่อ แล้วเก็บเกี่ยวผลผลิตเดือนสิงหาคม คือวันแม่ เรียกง่ายๆ ตัดกิ่งวันพ่อเก็บเกี่ยววันแม่ครับ” คูณทองพูนกล่าว คุณทองพูน กล่าวถึงการปลูกส้มโอให้ได้คุณภาพดีว่า การปลูกส้มโอต้องมีเทคนิค มีความเข้าใจ จึงจะได้ผลดี ในสวนเมืองทองจะเริ่มจากการเตรียมแปลงด้วยการยกร่องในสวนพรวนดินให้ร่วนซุย ร่องสวนขนาดใหญ่ ไม่ต้องขุดหลุมลึก ดูระดับถุงชำกิ่งตอนส้มโอพันธุ์ดีก็พอ ปลูกห่างกันต้นละประมาณ 6 เมตร ตามความยาวของร่องสวน

โดยมีเทคนิคการปลูก ดังนี้

1. ปลูกแบบกระจายราก หรือคุณทองพูน เรียกว่า “แพร่ราก” คือเมื่อได้กิ่งตอนมาแล้ว ให้เอาดินออก ค่อยคลี่ดินออกให้เหลือแต่ราก แล้วล้างราก นำมาปลูกลงหลุมแบบกระจายรากออกรอบลำต้นทุกทิศทาง ตอกหลักยึดลำต้นมัดให้แน่น แล้วใช้ดินละเอียดค่อยๆกลบรากให้เต็มหลุมเท่าระดับคอต้นเดิม ใช้ฟางคลุมโคนต้น
2. รดน้ำโดยใช้ระบบสปริงเกอร์ ช่วงแรกๆเปิดทุกวันๆละประมาณ ครึ่งชั่วโมง รดน้ำในตอนเย็น 3. การใส่ปุ๋ย ในช่วงแรกปลูกไป 1 เดือนจะใส่ปุ๋ยคอก ขี่หมู ขี่วัวหรือขี้ไก่ก็ได้ ใส่เดือนละครั้งๆละประมาณ 1 กำมือ และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ก็ได้ ใส่พอประมาณ เดือนละครั้ง ต้นละ 1 ซ้อนโต๊ะ ทุกวัน อย่าพึ่งใส่เยอะเพราะต้นยังเล็ก
4. ส้มโอ ที่ปลูกจากกิ่งตอนจะออกดอกทุกปี ต้องเด็ดดอกออก ไม่ควรไว้ผลตอนต้นยังเล็กจะทำให้ต้นส้มโอโทรม ไม่แข็งแรงส่งผลในระยะยาว จะทำให้ผลผลิตไม่มีคุณภาพ ควรจะเริ่มไว้ผลผลิต เมื่อปีที่ 3 แต่ไม่ควรเกิน 30 ผล/ต้น ปีที่ 4 ไว้ 30-40 ผล/ต้น ปีที่ 5 ไว้ผล 60-70 ผลต่อต้น ปีต่อๆไปก็ไว้ผลมากขึ้นตามความสมบูรณ์ ในสวนคุณทองพูน ส้มโอโตเต็มที่อายุ 10 ปี ไว้ผลผลิตต่อต้น ประมาณ 200 ผล
5. การบำรุงรักษา ตั้งแต่ส้มโอเริ่มออกดอกหรือการกระตุ้นตาดอก เริ่มตั้งแต่ก่อนส้มโอจะอายุได้ 2 ปี ใส่ปุ๋ยคอกโรยรอบโตนต้นๆละ 1 ถัง ปุ๋ยเคมี ต้นละ 1 กำมือ ใส่พร้อมกันได้เลย โดยโรยปุ๋ยเคมีก่อนแล้วใช้ปุ๋ยคอกกลบไปเลย เมื่อส้มโอเริ่มติดดอกออกผลให้งดใส่ปุ๋ยคอก เพราะจะทำให้เปลือกส้มโอบวม
6. เทคนิคการเปิดตาดอก หลังจากตัดแต่งกิ่ง หรือเตรียมต้นแล้ว ก่อนเปิดตาดอกให้งดน้ำ 20-30 วัน จากนั้นให้อัดน้ำเต็มที่ แล้วใส่ปุ๋ยเลย ปุ๋ยสูตรแรกที่ใส่ คือ 8-24-24 ต้นละ 1 กก. พอเริ่มออกดอก ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ใส่ทุก 2 เดือน หลังจากที่ออกดอกติดผล ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ทุก 15 วัน หยุดใส่ปุ๋ยก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน ส้มโอตั้งแต่ออกดอก จนถึงเก็บเกี่ยวจะมีอายุ 8 เดือน ทางสวนส้มโอเมืองทอง จะยึดวันเตรียมความพร้อมเปิดตาดอกในวันพ่อ และจะเริ่มเก็บขายได้ในวันแม่ ของทุกปี ส้มโอมีอายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยาวนาน ถ้าดูแลให้ดี มีการตัดแต่งกิ่งทุกปี บำรุงทุกปี สามารถเก็บผลผลิตได้ยาวนานถึง 30 ปี

สำหรับการปัญหาและอุปสรรคที่พบในการทำสวนส้มโอ จะมีทั้งโรคและแมลง แมลงจะพบในช่างส้มโอแตกใบอ่อน ส่วนมากจะเป็นแมลงงวงช้าง ทางสวนเมืองทองจะใช้สารเคมีไล่แมลงฉีดพ่น สารไล่แมลงทั่วไป ส่วนโรคที่พบ ส่วนใหญ่จะเป็นโรคโคนเน่า ปัญหานี้จะเกิดช่วงฝนตกชุก หรือน้ำท่วมขัง วิธีแก้จะโรยปูนขาวรอบโคนต้น ฉีดพ่นยาแก้เชื้อรา หรือโรยยาแก้เชื้อราแล้วแต่ชนิดของยาแก้ แต่มีวิธีป้องกันด้วยการสูบน้ำออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้น้ำท่วมในสวน จบแค่ ป.4 ชีวิตมีสุข ด้วยส้มโอ คุณทองพูน เล่าอีกว่าตั้งแต่ทำอาชีพปลูกส้มโอมา กว่า 10 ปี รู้สึกมีความสุขมากมาย สบายใจ ได้เพื่อน ได้รู้จักผู้คนมากมาย ได้มีโอกาสเดินทางไปออกงาน ขายผลผลิต ได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการ ได้ไปศึกษาดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ “ผมภูมิใจมากครับกับอาชีพปลูกส้มโอ นอกจากได้เงินใช้แล้ว ที่มากกว่านั้นผมรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น มีคนมาศึกษาดูงานในสวนเรามากมาย เราได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอื่นแบบไม่ปิดบัง รู้สึกว่าได้บุญครับ ตอนนี้สวนเราได้รับคัดเลือกจากทางจังหวัด ให้เป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกส้มโอ ประจำจังหวัดชัยภูมิ เป็นสวนต้นแบบให้ผู้สนใจทั่วประเทศ ผมเองได้รับเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นอันดับ 1 ของจังหวัดชัยภูมิ เกษตรกรดีเด่นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผมได้รับเกียรติจากทางจังหวัดให้ไปขายหน้าศาลากลาง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดให้การสนับสนุน ผมขนส้มโอไป 3 ตัน ขายวันเดียว 3 ชั่วโมงขายหมดเลยครับ ตลาดตอบรับดีมาก ส้มโอบ้านแท่นไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ผมจบแค่ ป.4 ไม่มีการศึกษามากมาย วันนี้ผมเดินมาได้ขนาดนี้ มีอาชีพที่มั่นคง ได้ถ่ายทอดวิชาให้กับผู้คนมากมาย ผมเริ่มต้นชีวิตจากลูกจ้าง ทำงานมาแบบสู้ชีวิต เก็บเล็กผสมน้อยมาจนมาเปิดร้าน อลูมิเนียม จากผู้รับเหมาก็มาเป็นเจ้าของเอง ผมขยายกิจการจนเป็นร้านใหญ่ที่สุดในละแวกนี้

ต่อมาผมขยายกิจการไปสู่โรงงานหลังคาเหล็ก มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท เก็บเล็กผสมน้อยมา สร้างรีสอร์ท ชื่อเมืองทองรีสอร์ท ที่ อ.ภูเขียว เปิดร้านขายอุปกรณ์การเกษตร ปุ๋ย-ยา-เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรทุกชนิด และอีกหนึ่งธุรกิจคือ ร้านกระจก ผ้าม่าน พร้อมกับสะสมที่ดินไว้สร้างอนาคต อีกพอสมควร รวมมูลค่าทรัพท์สินและธุรกิจ ประมาณ 100 กว่าล้านบาท เร็วๆนี้ผมอยากจะเปิดโรงเรียนอนุบาล ให้ลูกๆที่เรียนจบแล้วเข้ามาดูแลกิจการ ทั้งหมดคือความภูมิใจของผมที่สร้างมาด้วยมือของตนเอง ซึ่งผมเรียนมาแค่ ป.4 ได้เท่านี้ผมก็ภูมิใจสุดๆแล้วครับ” คุณทองพูน กล่าวด้วยความภูมิใจ นอกจากนี้ เกษตรกร ป.4 กล่าวต่ออีกว่า เมื่อสร้างความมั่นคงในครอบครัวแล้ว ก็อยากทำในสิ่งที่ตนเองรักบ้าง คือการออกมาทำสวนเกษตร สวนส้มโอ ตอนนี้เก็บผลผลิตแล้ว 10 ไร่ ปีหน้าจะมีสวนใหม่เริ่มให้ผลผลิตอีก 8 ไร่ มีพืชอื่นๆ ผสมผสานอีกหลายอย่าง เช่น แก้วมังกร 500 หลัก ปลูกกาแฟอะราบิกา แซมสวนส้มโอ อีก 800 ต้น พื้นที่ปลูกข้าวอีก 10 ไร่ และพืชผักอื่นๆปลูกผสมไว้อีกหลายชนิด ผลผลิตเริ่มเก็บได้ทุกอย่าง ตามฤดูกาล สวนส้มโอเมืองทอง “วันนี้ นอกจากผลส้มโอแล้ว เรามีแก้วมังกร ที่เก็บขายได้ทุกปี กาแฟก็เริ่มออกผลก็จะเริ่มได้ขาย มีที่นาปลูกข้ากินเอง เรามีผลผลิตออกขายตลอดปี ที่สำคัญกิ่งส้มโอสามารถขายได้ตลอดเวลา กิ่งละ 50 บาท ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ผมกล้าพูดได้ว่าอาชีพเกษตร ทำให้ดี ดูแลเขาให้ดี รับรองได้เลย ว่าสามารถสร้างรายได้ เลี้ยงชีพได้แน่นอน ที่สำคัญเป็นงานอิสระ ที่สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้และสร้างสุขได้ครับ”

คุณทองพูนกล่าวทิ้งท้าย สนใจเข้าศึกษาดูงาน สวนส้มโอเมืองทอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณทองพูน วงษา สวนส้มโอเมืองทอง 108 ม.9 บ้านหนองผักหลอด ต.บ้านแท่น อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ โทร 06-1974-4854 ข่าวเกษตร

ขอบตุณที่มา : kasetthainews

เเชร์ไว้!! ปลูกมะละกอ รายได้ดี !! ทำเงิน 5 แสนต่อไร่


ทุกปีมะละกอจะแพง เพราะเป็นช่วงที่ให้ผลผลิตน้อยตามธรรมชาติ ราคาหน้าสวนเบอร์เอ ปกติ กก.ละ 30-40 บาท แต่ปีนี้แพงที่สุดในรอบ 20 ปี รับซื้อกันที่ 45-50 บาท ราคาขายส่งตลาดไทขยับขึ้นไปถึง กก.ละ 70-80 บาท…สาเหตุหลักมาจากภัยแล้งเมื่อต้นปี “มะละกอที่เก็บช่วง ส.ค.-ต.ค. ต้องออกดอกในช่วงแล้ง มี.ค.-เม.ย. เมื่อออกดอก ส่วนใหญ่จะร่วง ผลเลยติดน้อย อีกทั้งช่วงแล้งขาดน้ำในช่วงออกดอกและติดผล มะละกอที่เหลือรอดลูกเล็ก ผิวหยาบกระด้างเหี่ยวย่น เก็บได้ไม่นาน ตลาดไม่เอา ที่สำคัญช่วงแล้งยังทำให้ดอกมะละกอมีแต่เกสรตัวเมีย ไร้ตัวผู้ คนปลูกจึงไม่มีลูกให้ขาย”
แต่หากเกษตรกรวางแผนการผลิตที่ดี ธีรยุทธ มนตรี เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี บอกว่า… นี่คือโอกาสรับทรัพย์ของเกษตรกร.

จะทำให้มะละกอมีดอกผลในช่วงราคาแพงได้ ก่อนอื่นต้องวางแผนการผลิตให้ดี โดยต้องปรับเปลี่ยนการปลูกเป็นช่วง พ.ย.-ธ.ค. เพื่อให้ออกดอกในช่วง มี.ค.-เม.ย. และเก็บได้ช่วงราคาแพงคือ ส.ค.-ก.ย….ช่วงออกดอก อากาศร้อนมาก มักมีปัญหาดอกร่วงหรือไม่ออกดอก ฉะนั้นน้ำต้องถึง ความชื้นต้องสูง

“เราต้องลดความร้อน และเพิ่มความชื้นในอากาศ โดยการติดตั้งสปริงเกอร์ในแปลง ให้มีระดับความสูงของสปริงเกอร์ในตำแหน่งที่มะละกอออกดอกติดผล หรือสูงประมาณ 1.5 เมตร เพราะต้องให้ดอกและผลชุ่มชื่นอยู่เสมอ อย่าให้ขาดน้ำ”

สำหรับพื้นที่มีปัญหาน้ำน้อยหรือไม่สามารถหาน้ำในฤดูแล้งได้ ธีรยุทธ แนะนำให้เลื่อนเวลาปลูกมาเป็นช่วง ก.ย.-พ.ย. เพื่อให้ออกดอกในช่วงที่ไม่ร้อนเกินไป เพราะมะละกอจะเริ่มออกดอกหลังปลูกประมาณ 2-3 เดือน เก็บผลได้นาน 4-7 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่การดูแลให้ต้นสมบูรณ์แค่ไหน แม้ช่วงนี้ราคามะละกอจะไม่สูงมากนัก แต่เป็นวิธีที่ทำให้เรามีมะละกอออกจากสวนไปทำเงินได้บ้าง

ส่วนการเลี้ยงบำรุงเพื่อเสริมการออกดอกติดผล ธีรยุทธ ใช้วิธีให้ปุ๋ยทางดิน สูตรตัวท้ายสูง ร่วมกับฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดทางใบ สูตรตัวท้ายสูงเช่นกัน รวมทั้งให้ธาตุอาหารรองจำพวกแคลเซียม โบรอน เพื่อให้ดอกตัวเมียบานนานขึ้น มีโอกาสติดผลมากขึ้น

ถ้าทำได้อย่างนี้ มะละกอ 1 ไร่ ใช้เงินลงทุน 15,000-20,000 บาท ปลูก 8 เดือน เก็บผลผลิตได้เดือนละ 8 ครั้ง ครั้งละ 300 กก.นาน 8 เดือน…แค่นำออกมาขายในช่วง 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค.) ที่ขายได้ กก.ละ 45 บ. เป็นเงิน 324,000 บาท นี่ยังไม่นับอีก 5 เดือน ที่เหลือ ขายได้ กก.ละ 15 บาท เป็นเงินอีก 180,000 บาท

อยากรู้เคล็ดลับละเอียดลึกกว่านี้ เสาร์นี้ไป หาข้อมูลได้ที่งานสัมมนา “มะละกอ…พืชเงินล้าน …ปลูกอย่างไรให้รวย” สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย สอบถามได้ที่ 0-2940-5425-6หรือ 08-6340-1713.

ข้อมูลดีๆจาก : https://www.thairath.co.th


ไม่เคยอายมีพ่อติดคุก!!! น้องปอนด์ เด็ก19สู้ชีวิตตามหาความฝันตัวเอง 11ปีไม่ได้กอดพ่อ (มีคลิป)


วันนี้DPSNews มานำเสนอชีวิตเด็กหนุ่มสู้ชีวิตทำตามความฝันตัวเอง เดินทางมาตามหาความฝันไกลจากจังหวัดเชียงราย  “สุริยกุล พรหมเสน” หรือ ปังปอนด์ อายุ 19  ปี เป็นคนจังหวัดเชียงราย  ติดตามได้ที่เฟสบุ๊คsuriyakun prommasen

น้องปอนด์ ชายหนุ่มสุดหล่อที่ทำเอาสาวๆกรี๊ดทั้งรายการ โดยมาประกวดรายการ ลาแบนด้าไทยแลนด์

“ความฝันของผมคือการได้เป็นนักร้อง ได้มีแฟนคลับ มีคนปรบมือให้เรา ทำให้เรามีผลักดันทำตามความฝันตัวเอง ที่ผมมาประกวดรายการ ลาแบนด้าไทยแลนด์ เพราะผมเชื่อว่ารายการนี้ทำให้ความฝันของผมเป็นจริงได้ครับ เพราะความฝันผมอยากมีแฟนคลับเข้ามากรี๊ด มายกป้ายไฟให้กำลังใจ”


ปอนด์ ซึ่งเดินทางมารายการ ลาแบนด้าไทยแลนด์คนเดียว เพราะปอนด์ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดู  ปอนด์อาศัยอยู่ปู่กับย่า ก็คุณพ่อติดคุก เป็นเรือนจำกลางเชียงรายครับประมาณ 11 ปีได้ ตั้งแต่ปอนด์อายุ 8 ขวบ โดยปอนด์ไปเยี่ยมพ่อที่คุก เขาก็ยิ้มร่าเริงยิ้มกับผม แต่แค่พ่อจะน้ำตาคลอตลอด


ปอนด์อายไหมที่มีพ่อติดคุกแบบนี้  “ไม่อายครับ ถ้าอายผมจะไปบอกให้เขาฟังทำไม ผมภูมิใจแล้วที่มีพ่อ ถึงพ่อจะไม่ได้ดูเเลผมก็ตาม เคยมีคนล้อแบบเอ้ยพ่อออกมายังผมก็ยิ้มให้เขาบอกยังๆ”

ในช่วงที่ไปเยี่ยมพ่อ พ่อที่ติดคุกบอกน้องปอนด์ว่า “ปอนด์เป็นลูกพ่อนะ ไม่ต้องกลัว ผมรักพ่อนะ ถึงไมได้อยู่ด้วยกันก็รักนะผมก็รอพ่อออกมานะ พูดพลางน้ำตาไหลทำเอาคนที่เห็นคลิปเรื่องราวต้องน้ำตาร่วง”

“พ่อพยายามขอโทษเพราะไม่เคยได้ดูแลลูกเลยครับ พ่อบอกออกไปไปเริ่มต้นกันใหม่นะ รอเสมอรักพ่อเสมอ พ่อรักลูกมาก ผมฝากตังค์ให้พ่อ 2000  ผมทำงานร้องเพลงบ้างได้มาก็มาให้ย่าให้พ่อ ก่อนจากพ่อบอกผมว่า พ่ออยากให้ปอนด์สู้นะลูก พ่อเป็นกำลังใจให้ลูก ขอให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิตของลูก”

ปอนด์กล่าว  “ผมมาถึงจุดนี้ผมภูมิใจแล้วครับที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ พ่อจะเป็นยังไง ผมก็ไม่สนใจผมภูมิใจแล้วครับ ถ้าผมได้เจอคุณสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุดคือผมจะวิ่งเข้าไปกอดเลยครับเพราะผมไม่ได้กอดนานแล้วครับเป็น 11 ปีแล้วครับ พ่อเขาส่งพลังมาให้ผมทั้งที่มันมีกระจกกั้นแต่เหมือนว่ามันสื่อถึงกันได้ ผมรอพ่อออกมาทุกวัน”

ดูคลิป



ขอบคุณข้อมูลหาจาก kratisod.com

เกษตรกรปลูกถั่วลิสงครบวงจร สร้างรายได้ยั่งยืน


โครงการการพัฒนาการเกษตรสองฝั่งแม่น้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดขอนแก่น มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้การเกษตรเชิงระบบสร้างความมั่นคงด้านอาชีพ พัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณสองฝั่งแม่น้ำชี พัฒนาการผลิตพืชในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำชีให้มีความเหมาะสมและมีความยั่งยืนในการผลิต

โครงการสร้างกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงแบบครบวงจรบ้านละหานนา อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนา ที่กรมวิชาการเกษตรโดยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ขอนแก่นและศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ได้ดำเนินการในพื้นที่แห่งนี้

ด้วยถั่วลิสงสามารถปลูกทั้งในสภาพไร่และสภาพหลังนาได้เกือบทุกจังหวัด ในฤดูฝนเกษตรกรจะปลูกในสภาพไร่ ส่วนในฤดูแล้งจะปลูกในพื้นที่สภาพนา แต่ในการปลูกของเกษตรกรพบว่ามีปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ พันธุ์ที่ใช้ปนหรือเมล็ดพันธุ์ไม่บริสุทธิ์ ปัญหาเมล็ดลีบ ไม่เคยใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม ไม่มีการคลุกเมล็ดด้วยสารเคมีป้องกันโรค และใส่ปุ๋ยเคมีไม่เหมาะสม ไม่มีการใส่ยิปซัมระยะออกดอก

นอกจากนี้ ยังพบว่าเกษตรกรเน้นการขายถั่วลิสงแบบฝักสด เนื่องจากสามารถจำหน่ายได้ง่าย ตลาดมีความต้องการสูง ส่วนการขายถั่วลิสงแบบฝักแห้งจะมีปริมาณที่น้อย เนื่องจากเกษตรกรต้องนำไปตากเพื่อลดความชื้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้แก่เกษตรกร ทำให้เกิดการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงของกรมวิชาการเกษตรเข้าไปดำเนินการส่งเสริม นับเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิต ลดความเสี่ยงเรื่องการขาดเมล็ดพันธุ์ในการผลิตถั่วลิสงในฤดูกาลถัดไป โดยเฉพาะการผลิตถั่วลิสงฝักแห้งเพื่อสามารถเก็บได้นาน และจำหน่ายเป็นเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ ที่มีความต้องการปลูกได้ นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าของถั่วลิสงได้

โครงการสร้างกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงแบบครบวงจรบ้านละหานนา ดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อรวมกลุ่มเกษตรกรที่มีความสนใจในการปลูกถั่วลิสงมาร่วมดำเนินกิจกรรมของกลุ่มและสร้างอาชีพเสริมแก่สมาชิกให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและยั่งยืน และมีเป้าหมายในการจัดหาเมล็ดพันธุ์และปัจจัยในการผลิตถั่วลิสงให้ครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมปัจจัยการผลิต การปลูก การดูแลรักษา การจำหน่าย และการแปรรูปเพื่อจำหน่าย รูปแบบการดำเนินงานเน้นการผลิตเพื่อจำหน่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวของสมาชิก และการลดต้นทุนการผลิตด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้แรงงานภายในครอบครัว ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกและลงทุนเฉพาะสิ่งที่มีความจำเป็นเท่านั้น

สำหรับการดำเนินการของโครงการ มีขั้นตอนการปฏิบัติ โดย หนึ่ง การเลือกพื้นที่และเกษตรกรในการดำเนินงาน สอง ดำเนินการทดสอบ สาม จัดทำการฝึกอบรมเกษตรกร และจัดเวทีเสวนาเกษตรกรเพื่อปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน สี่ คัดเลือกเกษตรกรต้นแบบในการผลิตและกระจายพันธุ์ถั่วลิสง และ ห้า ติดตามผลการดำเนินงานของเกษตรกร

โครงการสร้างกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงแบบครบวงจรบ้านละหานนา ได้สนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ให้เกษตรกรต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 20 ราย ปลูกถั่วลิสงรายละ 1 ไร่ โดยปลูกถั่วลิสงสายพันธุ์ขอนแก่น 6 เมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงมีการคลุกสารคาร์บอกซินเพื่อป้องกันโรคโคนเน่าและเชื้อไรโซเบียมเพื่อช่วยในการตรึงธาตุไนโตรเจน ส่วนการเตรียมดินได้หว่านปูนโดโลไมท์เพื่อบำรุงฝักและใช้เมล็ดถั่วลิสง อัตรา 20 กิโลกรัม ต่อไร่ ปลูกในเดือนมิถุนายน และใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 12-24-12 อัตรา 50 กิโลกรัม ต่อไร่ แบ่งใส่ 2 ครั้ง หลังปลูก 10-15 วัน และ 30-45 วัน

ผลการดำเนินโครงการสามารถพัฒนาระบบการผลิตถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 6 ของกรมวิชาการเกษตร ได้ครบวงจรและยั่งยืน โดยยกระดับผลผลิตฝักแห้งเฉลี่ยของถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 6 ได้ถึง 546 กิโลกรัม ต่อไร่ และจากเดิมที่ผลิตได้ 393 กิโลกรัม ต่อไร่

อีกทั้งยังสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงพันธุ์ขอนแก่น 6 ในฤดูฝน และกระจายพันธุ์ให้กับเกษตรกรที่มีความต้องการได้อย่างเพียงพอ ต่อการปลูกถั่วลิสงในฤดูแล้งได้ เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกถั่วลิสง ประมาณไร่ละ 10,000 บาท และเกษตรกรบางส่วนนำถั่วลิสงแห้งทำการแปรรูปผลผลิตถั่วลิสง
จากการขยายผลเทคโนโลยีดังกล่าวไปยังเกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสง อำเภอแวงน้อย อำเภอมัญจาคีรี และอำเภอชนบท โดยเกษตรกรต้นแบบ ทำให้ในปี 2555/2556 มีเกษตรกรผู้ผลิตถั่วลิสงบริเวณสองฝั่งแม่น้ำชี ทั้ง 3 อำเภอ เพิ่มขึ้นเป็น 180 ราย

อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้ปลูกในฤดูแล้งยังเป็นปัญหาหลัก ในการผลิตถั่วลิสงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งยังต้องการการถ่ายทอดและทดสอบเทคโนโลยี เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ในฤดูฝน

ในส่วนการขยายผลเกษตรกรภายใต้โครงการพัฒนาการเกษตรสองฝั่งแม่น้ำชี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดขอนแก่น ได้เรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงแบบต่างๆ จากแปลงทดสอบ แปลงต้นแบบ แปลงกระจายพันธุ์และการฝึกอบรม และสามารถนำเอาเทคโนโลยีการผลิตถั่วลิสงที่ได้รับการถ่ายทอดไปปฏิบัติในพื้นที่ของตนเองอย่างเป็นระบบ โดยการบริหารจัดการทรัพยากรด้านต่างๆ ทั้งแรงงานและปัจจัยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผลผลิตถั่วลิสงออกสู่ตลาดและจำหน่ายเป็นรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อยร้อยละ 15

ส่งผลทำให้ครอบครัวและชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความมั่นคงของรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงการผลิตและการจำหน่ายสินค้าเกษตรให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เป็นต้นแบบให้เกษตรกรหรือผู้สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ระบบการดำเนินงานของกลุ่ม ทำให้เกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการมีความสนใจและมีความกระตือรือร้นที่จะเข้ามารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น

ขอบคุณที่มา https://www.technologychaoban.com/news_detail.php?tnid=3606 เรียบเรียงโดย DPSNews

วิธีเลี้ยงปลาซิว เลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่ไม่มาก สร้างรายได้อย่างยั่งยืน


วันนี้DPSจะพาไปดูวิธีการเลี้ยงปลาซิวเพื่อประกอบอาชีพ สาธิตวิธีโดย คุณบุญชิต สมัตถะ งานนี้ใช้พื้นที่ไม่มาก ต้นทุนพอประมาณ แต่เป็นการเปิดโอกาสสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวอย่างยั่งยืน ใครมีบ้านสวนอยู่และอยากจะทำการเกษตรเล็กๆ การเลี้ยงปลาซิวก็น่าสนใจไม่น้อยนะครับ

ปลาซิว คือหนึ่งปลาเศรษฐกิจที่ขายได้ราคาดี มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่เลี้ยงปลาซิวเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ปลาซิวนั้น ได้ถูกนำมาแปรรูปเป็นอาหารหลากหลายชนิด และก็มีคนนิยมทานกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ

ขั้นตอนการเลี้ยงปลาซิว

1. เตรียมบ่อเลี้ยงขนาดบ่อ 2 x 4 เมตร ลึก 1 เมตร (เป็นบ่อปูนหรือบ่อพลาสติกก็ได้)

2. หลังจากเตรียมบ่อแล้วให้ทำการเปิด น้ำเข้าบ่อสูง 80 เซนติเมตร และนำท่อนกล้วยลงแช่ในบ่อเพื่อดูดซับกลิ่นปูนแลกลิ่นเคมีจากพลาสติก แช่นาน 1 สัปดาห์

 

3. นำปลาซิวลงบ่อเลี้ยงประมาณ 10 กิโลกรัม (หาปลาซิวจากตามนาในชนบทช่วงฤดูเกี่ยวข้าว)

4. อาหารให้รำอ่อน วันละ 1 ครั้ง

5. ระบบการถ่ายน้ำให้ทำการถ่ายน้ำโดย การเปิดก๊อกน้ำใส่บ่อและทำตัวจุกระบายน้ำออกจากบ่อที่ก้นบ่อด้วย และนำมุ้งเขียวกันไว้ไม่ให้ปลาหลุดออกจากบ่อตามท่อระบายน้ำ (ให้ทำการถ่ายน้ำปีละ 1 ครั้ง)

6. ปรับปรุงสภาพน้ำโดยใส่น้ำหมักฮอร์โมนแม่ ½ ลิตร ต่อ เดือน (สูตรอยู่ด้านล่างครับ)

7.อาหารเสริมสามารถนำปลวกมาสับให้ละเอียดเพื่อนำไปเป็นอาหารเสริมเพิ่มโปรตีนให้ปลาซิวได้ เลี้ยงไว้ 2-3 เดือนสามารถจับขายหรือกินได้ จำหน่าย ราคากิโลกรัมละ 100 บาท


สูตรน้ำหมักฮอร์โมนแม่
ส่วนผสม

ยอดผักบุ้ง หน่อไม้ หน่อกล้วย รวมกัน 10 กิโลกรัม
กากน้ำตาล 10 ลิตร
ฟอสเฟต 10 กก.
รำละเอียด 2.5 กก.
เกลือ 2 ขีด
หัวเชื้อ 1 ลิตร (กากน้ำตาล 4 ลิตร + สารเร่งพด 2.1 ซอง + น้ำ 200 ลิตร ผสมกัน)

น้ำ 70 ลิตร

วิธีทำ
1. นำยอดผักบุ้ง หน่อไม้ หน่อกล้วยมาสับรวมกัน 10 กก.

2. ใส่กากน้ำตาล ฟอสเฟต รำละเอียด เกลือ ในอัตราส่วน 10:10:2.5:2 ขีด และน้ำอีก 70 ลิตร คนให้เข้ากัน ตามด้วยหัวเชื้อ 1 ลิตร

3. หมักไว้ 15 วันเป็นอันว่าเสร็จ พร้อมนำไปใช้งาน


ตัวอย่างผลผลิตที่ถูกแปรรูปจากปลาซิว

 

ขอบคุณที่มา http://www.naibann.com/how-to-breed-pla-sew-for-earning-living/ 

เรียบเรียงโดย DPS News

เเต่งจริง!! “ซง จุงกิ”ซอง&เฮเคียว” ประกาศแต่งงานตุลาคมนี้


ซง จุง กิ พร้อม ซอง เฮ เคียว ประกาศแต่งงาน 31 ต.ค.นี้ ด้านต้นสังกัดนักแสดงสาวออกมาปฏิเสธข่าวลือตั้งครรภ์

ซง จุง กิ และซอง เฮ เคียว สองคู่ขวัญจากซีรีส์สุดฮิต “Descendants of the Sun”  ที่เคยออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการคบหาดูใจกันหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุด สร้างความประหลาดใจแก่แฟนๆ ด้วยการออกแถลงการณ์ร่วมในวันนี้ผ่านทางต้นสังกัดของทั้งคู่ว่า ซองจุงกิ วัย 32 กับ ซอง เฮ เคียว วัย 35 จะเข้าพิธีวิวาห์ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้
แถลงการณ์ระบุว่า เราขออภัยที่ประกาศข่าวที่อาจทำให้แฟนๆ ของเราต้องประหลาดใจ เราระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากการแต่งงานครั้งนี้ เป็นงานที่มีความสำคัญต่อชีวิตของเราและครอบครัวของเรา
หลังประกาศข่าวใหญ่ไม่นาน ยูเอเอ บริษัทต้นสังกัดของซอง เฮ เคียว ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ตามมาทันทีว่า ดาราว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ตั้งครรภ์ และเมื่อถูกถามว่าทั้งสองเริ่มคบหากัน หลังนำแสดงเรื่อง  “Descendants of the Sun” ผู้แทนบริษัทรายนี้ตอบสั้นๆ ว่า ไม่ทราบ
ทั้งสองรับบทเป็นคู่รักทหารกับหมอในซีรีส์ยอดฮิต ออกอากาศทางช่อง KBS 2TV  หลังจากนั้น เริ่มมีข่าวลือครั้งแรกว่าคบหากัน เมื่อมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคนหนึ่งอ้างว่าเห็นทั้งคู่ไปช็อปปิ้งและดินเนอร์ด้วยกันที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ขอบคุณที่มาเนื้อหา http://www.komchadluek.net/news/ent/286052