ไอเดียเจ๋ง! เกษตรกรพิจิตรสลักชื่อลูกเมล่อน สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้า สร้างรายได้หลายเเสน


เกษตรกรพิจิตรหัวใส สลักชื่อบนผลเมล่อน สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้า ที่ต้องการนำไปเป็นของฝาก ไม่สามารถหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด

วันที่ 4 มิ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อน ในพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านมาบแฟบ ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร สร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้าด้วยการทดลองสลักชื่อลงบนผลเมล่อน เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อสำหรับผู้ที่ต้องการนำผลเมล่อนเพื่อไปมอบเป็นของขวัญและของที่ระลึก

โดยทดลองสลักชื่อ นายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ลงบนผลเมล่อน ผลผลิตออกมาน่าพึงพอใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรชื่นชมเป็นความคิดที่ดีที่จะส่งเสริมการขายเนื่องจากเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้ เชื่อจะได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการจะนำผลเมล่อน ผลไม้ขึ้นชื่อไปมอบเป็นของขวัญของที่ระลึกในโอกาสต่างๆ นับเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ต่อยอดจากการสู้วิกฤติราคาข้าวตกต่ำ แบ่งพื้นที่ปลูกเมล่อนสร้างรายได้งาม โรงเรือนละ 50,000 บาท ต่อการปลูก 1 รอบ ซึ่งใช้เวลาในการปลูก 60-65 วัน

นายราม พลวัน อายุ 45 ปี ได้แนวคิดการปลูกเมล่อนจากศูนย์สาธิตเมล่อนที่วัดมาบแฟบ ซึ่ง พระเมธีธรรมประนาท เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร  จัดสร้างขึ้นให้ประชาชนในหมู่บ้านได้ศึกษา จึงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งซึ่งเคยทำนาที่ตนเองและครอบครัวทำอยู่จำนวน 20 ไร่  ลงทุนสร้างโรงเรือนขนาด 6 เมตร คูณ 36 เมตร  ซึ่งครั้งแรกจะต้องลงทุนสูงหน่อยแต่ก็ใช้ได้นาน ปลูกเมล่อนชุดแรก 600 ต้น ใช้เวลาเพียง 60 วัน สร้างรายได้ประมาณ 50,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ดีทดลองปลูกมากว่า 2 ปี  จึงขยายโรงเรือนเพิ่มอีก 2 โรงเรือนเพื่อเพิ่มผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด ซึ่งจะมีพ่อค้าที่เดินทางมารับซื้อถึงที่

ด้านนายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งเดินทางเยี่ยมชมและให้กำลังใจ รวมไปถึงร่วมตัดผลเมล่อนที่พร้อมจำหน่าย กล่าวว่า ชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ที่มีการสลักชื่อลงบนผลเมล่อน ความรู้สึกส่วนตัวที่เห็นชื่อของตนเองบนผลเมล่อนแล้วภาคภูมิใจ และมองว่าน่าจะเป็นจุดขายที่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสิ่งเฉพาะบุคคล หรือองค์กรที่จะนำไปใช้ในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะนำไปมอบเป็นของฝาก ของที่ระลึก ซึ่งจะสามารถสร้างความประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับได้เป็นอย่างดี

สำหรับการปลูกเมล่อนนับว่าเป็นทางออกของเกษตรกรที่ทำนาเป็นอาชีพหลักที่แบ่งพื้นที่นาข้าว เพื่อปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อสร้างรายได้ ลดความเสี่ยงของการขาดทุนจากปัญหาภัยธรรมชาติและราคาผลผลิตตกต่ำ ซึ่งสามารถสร้างรายได้งามให้กับเกษตรกรผู้เพาะปลูก

ส่วนการสลักชื่อลงบนผลเมล่อน เป็นการทดลองต่อยอดในการส่งเสริมการขาย โดยเกษตรกรจะสลักชื่อบนผลเมล่อนในช่วงอายุ 35-40 วัน ซึ่งยังเป็นช่วงผลอ่อน วิธีการใช้เหล็กในการสลัก การสลักจะไม่ให้ลึกจนถึงเนื้อเมล่อน เมื่อเมล่อนแก่เต็มที่ก็จะมีลวดลายบนผลเมล่อนเป็นชื่อที่ต้องการ

สำหรับท่านใดที่ต้องการจะมีผลเมล่อนที่มีชื่อเฉพาะเพื่อใช้มอบเป็นของขวัญของที่ระลึกเฉพาะตัวสามารถติดต่อได้ที่  081-469-8262  และ 081-279-4242  ราคาแตกต่างจากการจำหน่ายผลผลิตตามปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ที่มา http://drama-thailand.com/2017/06/05/05-2/

ขอบคุณ ข้อมูล ภาพ : workpoint

อยากไปเรียนมั้ย? มหาลัยสอนหนังโป๊ ของพระเอกหนังโป๊ในตำนาน”ร็อคโค่ ซิฟเฟรดี้”


ใครที่เป็นแฟนหนัง AV คงจะจำได้ถึงพระเอกหนัง AV ในตำนาน ร็อคโค่ ซิฟเฟรดิ ที่โด่งดังมาจาก ทาร์ซาน xxx ผู้มีผลงานมากว่า 2000 เรื่อง มือโปรระดับนี้ พี่แกกลัวจะไม่มีคนสืบทอดจึงเปิด “Porn University” เพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ประดับวงการหนังโป๊

มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นสถาบันการศึกษาเฉพาะทางเพื่อสอนเทคนิคทั้งหมดของการแสดงที่จำเป็นต้องใช้ เช่นวิธีการอยู่หน้ากล้อง การใช้คำหยาบ และวิธีการทำงานในตำแหน่งที่ดูดีที่สุดบนหน้าจอ นักศึกษาที่เรียนที่นี่จะได้โบนัสพิเศษจากการ Training เป็นการเข้าร่วม TV Show ของมหาวิทยาลัย “Universita del Porno” อีกด้วย

งานนี้เห็นทีคงมีคนรอต่อแถวเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เยอะแน่ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลให้ผู้อำนวยการอย่าง Rocco Siffredi ต้องจำกัดการรับสมัครอยู่ที่คอร์สละ 21 คนเท่านั้น (ผู้หญิง 7, ผู้ชาย 14) และต้องการแค่ผู้ที่สนใจและรักในอาชีพนี้จริงๆ เรียกว่าเป็นเรื่องเป็นราว เอาจริงเอาจังมากก ไม่รู้ว่าค่าเล่าเรียนเท่าไหร่นะ ใครสนใจเชิญสมัครลงเรียนได้นะครับบบบ

ที่มา www.skaihow.com
เรียบเรียงโดย DPSNews

หนุ่มหล่อขับบีเอ็มพลิกคว่ำ! สาวๆเเห่ให้กำลังใจ


เพจเฟซบุ๊ก คนข่าวบางประกง โพสต์ภาพข่าว พร้อมระบุข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ที่กำลังเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่นายธธีร์ทัย บุญบรรเจิดกิตติ์ อายุ 22 ปี ขับรถเก๋ง บีเอ็มดับบลิว 320 สีดำ ทะเบียน ฆภ 9000 กรุงเทพมหานคร ชนป้ายบอกทาง จนกระทั่งพลิกคว่ำ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่โชคดีคาดเข็มขัดบาดเจ็บเล็กน้อยบนถนนมอเตอร์เวย์ ขาเข้าชลบุรี กม.41+500 หมู่10 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยโลกโซเชียลได้ให้ความสนใจต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนขับรถบีเอ็มดับบลิว คันดังกล่าว มีหน้าตาหล่อเหลา จึงมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเพศหญิง เข้ามาให้กำลังใจ พร้อมทั้งค้นหาช่องทางในการติดต่อนายธธีร์ทัยบนโลกออนไลน์ ทั้งโปรไฟล์เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ส่วนบางกระแสก็กล่าวถึงความปลอดภัยของรถ ที่แม้จะมีสภาพพังยับเยิน แต่คนขับกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย รวมไปถึงประเด็นเรื่องดวงของคนขับที่นับว่าโชคดีที่รถคว่ำขนาดนี้ แต่กลับไม่เป็นอะไรมาก และมีการเข้ามาสอบถามเชิงขบขันว่า นายธธีร์ทัยห้อยพระรุ่นไหนถึงได้เคราะห์ดีเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม มีการสิบทราบว่า นายธธีร์ทัย ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นถึงลูกชายนายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ

IG : https://www.instagram.com/bossboonbanjerdsri/

ความคิดเห็นเเฟนๆชาวเน็ต

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก คนข่าวบางปะกง เรียบเรียงโดย DPSNews

https://today.line.me/th/article/79d3bc4e2056d969c101155d55ec71439bfceb713bfd5f7f493eb28c422c8b40

หาชมยาก! ภาพเด็กสมัยก่อน ที่เด็กสมัยนี้ไม่มีโอกาสสัมผัส


สำหรับผมความทรงจำวัยเด็กที่เชื่อว่าเด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้สัมผัสเเน่นอน เพราะสมัยนี้โลกเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย ทำให้เทคโนโลยีมาครอบนำเด็กสมัยนี้เรามาย้อนอดีตวัยเด็กที่หาดูยากในสมัยนี้ ไปดูกันเลย

ขอขอบคุณ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต และเพจ

วิธีแก้กรรมเสริมดวง เงินทองไหลมาเทมา


เคยเป็นไหม?? เสียทรัพย์ โดนโกงเงิน เก็บเงินไม่อยู่ เงินรั่วไหลออกมากมีเงินเข้ามาเก็บยังไงก็ไม่อยู่ ต้องมีเหตุให้จ่าย ต้องเสียไป มีคนยืมเงินแล้วไม่คืน โดนหลอกเอาเงินบ่อย หากินฝืดเคืองไม่คล่องตัว หาเงินด้วยความยากลำบากได้มาแล้วต้องเสียไปอย่างรวดเร็ว

ทรัพย์สินที่มีอยู่วินาศฉิบหายไปโดยคาดไม่ถึง เช่น รถคว่ำ รถชน ต้องเสียเงินโดยไม่คิดว่าจะเสีย ได้เงินมามากแต่ก็เสียไปมาก ทำธุรกิจการค้าไม่เจริญรุ่งเรื่อง แท้จริงแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้อาจจะเกิดจากกรรม “การผิดศีลข้อ 2 อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้” ก็เป็นได้

หรือหากคุณคิดว่าตัวเองประพฤติตัวดีไม่เคยผิดศีล ก็อาจจะต้องมาปรับในส่วนของ “ฮวงจุ้ยการจัดบ้านให้เก็บเงินเก็บทอง ก็จะช่วยให้คุณสามารถเก็บกับเงินทองให้อยู่กับท่านไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันของชีวิตที่มีความสุข ของครอบครัวตลอดไปได้ โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้

การเก็บกักเงินทอง

1. ประการแรกที่สำคัญ คือ เลิกคิดที่จะเอาทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง โดยไม่ถูกต้องทุกกรณี เริ่มบริจาคทาน เช่น พิมพ์หนังสือธรรมะแจก ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน สร้างโบสถ์วิหาร บริจาคให้คนยากจนเวลาทำควรทำด้วยใจบริสุทธิ์อย่าไปหวังเอาผลกำไรความโลภ

2. ประการสองที่สำคัญ คือ สภาพแวดล้อมภายในบ้าน ต้องมีการปรับแต่งเฟอร์นิเจอร์ หรือจัดวางวัตถุสิ่งของ ให้สะอาดเพราะเทวดาชอบบ้านสะอาด กลางบ้านต้องโล่ง

3. ประการสามที่สำคัญ คือ บ้านที่ท่านอยู่ จะต้องมีประตูหลังบ้านที่เล็กกว่าประตูหน้าบ้าน เพราะทางฮวงจุ้ยถือว่า ประตูหน้าบ้านมักเป็นทางเข้าของโชคลาภ และประตูหลังบ้านจะเป็นทางออกของโชคลา

4. ประการสี่ที่สำคัญ คือต้องคำนึงถึงการจัดวางตำแหน่งของตู้เก็บเงิน หรือตู้เซฟ ภายในบ้านให้ได้ตำแหน่งที่ดี มีตำแหน่งดาวโชคลาภ(มุมร่ำรวย)ของยุคปัจจุบันแทน ก็จะทำให้ท่านแสวงหาเงินทองเข้าบ้านได้ยากเช่นกัน

5. ประการห้าที่สำคัญ คือ ปฏิบัติตามแนว ทาน ศีล ภาวนา ไหว้พระสวดมนต์ บูชาทุกวัน เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชีวิต หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดอุปสรรคทั้งปวง แนะนำ พระคาถาพาหุงมหากา พระคาถาชินบัญชร พระคาถาพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

…เชื่อหรือไม่ว่าอานิสงส์ของการให้เงินขอทาน ให้เงินคนที่เดือดร้อน ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยากเกิดมาชาติหน้าจำร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลงจะได้เงินทองโชคลาภมาอย่างไม่คาดฝัน

ส่วนฮวงจุ้ย คือ “น้ำ” “ลม” ของธาตุที่สัมพันธ์กับคุณได้ จะช่วยให้ท่านเกิดความสุข และช่วยเสริมบารมีของคุณในเรื่องต่างๆได้ เช่น ตำแหน่งหน้าที่การงาน เงินทอง โชคลาภ เป็นต้น

วิธีการแก้กรรมที่ผมจะแนะนำ ผมการันตีว่ามันจะเสกเงินออมให้ท่านผู้อ่านที่รักได้อย่างแน่นอน โดยที่ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหารายได้เสริมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเครื่องรางของขลังหรือทำพิธีอะไรให้เสียเงินด้วย แต่เป็นการแก้กรรมที่ผมเรียกว่า “เปลี่ยนการกระทำ”

วิธีง่ายๆก็คือเมื่อก่อน คุณได้รับเงินมา ก็เอาไปใช้ก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยออมใช่ไหมครับ แต่คนส่วนใหญ่นอกจากจะออมไม่่ค่อยได้แล้ว ยังต้องใช้บัตรเครดิตหรือยืมเงินเพื่อนอีก เพราะเราวางแผนการเงินมาไม่ดีครับ

หลักการที่ผมจะแนะนำ ง่ายๆ คือเมื่อมีเงินก้อนเข้ากระเป๋า จับโยน 10% ของเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ไม่มีบัตร ATM เลยครับ จบ…!!!

ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ใช่ครับ ง่ายขนาดนี้เลย

ผมทำงานมาหลายปี ไม่เคยมีเงินเก็บ พอตกงานแล้วใช้วิธีนี้ ผมมีเงินเก็บยิ่งกว่าตอนทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอีก ถ้าเราตั้งเป้าว่าใช้เงินก่อน แล้วสิ้นเดือนเหลือเท่าไหร่ค่อยออมก็ได้ ผมรับประกันว่า 100 ทั้ง 100 หมดครับ ไม่ใช่หมดปัญหา แต่หมดตูด…!!!

การใช้วิธีผม นอกจากจะเป็นการหักดิบแล้ว ดัดนิสัยตัวเอง ยังช่วยเพิ่มวินัยทางการเงินให้กับเราได้ด้วย ลองดูไม่เสียหายนะครับที่จะเชื่อผม หลักการแก้กรรมง่ายๆเรื่องดวงไม่มีเงินเก็บ คือ ออมก่อน ใช้ทีหลัง เก็บเข้าบัญชีที่ไม่มีบัตร ATM ก่อน แล้วค่อยใช้เงินที่เหลือ หรือถ้าพูดง่ายๆ จ่ายเงิน 10% ของรายได้ซื้อความมั่นคงในอนาคตให้ตัวเอง

ที่เอาเรื่องนี้มาพูดไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ โบนัสเพื่อนๆคงจะออกแล้ว อยากให้ใช้สติบริหารมันเพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตมากกว่าผลาญให้หมดในวันนี้ เท่านั้นเอง!!!

แล้วถ้าเพื่อนๆบอกว่า เห้ย ทำไม่ได้หรอก ขนาดทุกวันนี้ยังไม่พอใช้ ถ้าหักเงินออมออกไปก่อน จะเอาอะไรกิน ผมก็จะตอบว่าเริ่มจากออมน้อยๆก่อนก็ได้ครับ เดือนละ 5% หรือ 10% ก็ได้ ยังดีกว่าไม่มีออมเลย แต่ถ้าท่านผู้อ่านที่รักบอกอีกว่ายังไงก็ออมไม่ได้ เงินไม่พอใช้ มีวิธีอื่นอีกไหม จะให้เสียเงินบูชาเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ได้

ผมก็บอกได้คำเดียวว่าตัวใครตัวมันแล้วกันครับ โชคดี

ขอขอบคุณที่มา http://horoscope.sanook.com/76213/ เรียบเรียงโดยDPSNews

18 ภาพเมืองใหญ่ทั่วโลกที่เปลี่ยนไปจนคุณแทบจำไม่ได้

โลกกำลังเปลี่ยน โดยเฉพาะในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ความเจริญทางด้านวัตถุของเรานั้นเติบโตขึ้นเร็วมาก และนั่นก็ส่งผลทำให้บ้านเมืองของเราก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ อาคารบ้านเรือนต่างๆ ตึกใหญ่ๆ ถนนหนทาง ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น วันนี้เพชรมายาจึงขอพามาชมภาพความเปลี่ยนแปลงของเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วโลกมาให้ได้ชมกัน มาดูกันว่า แต่ละเมืองจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน

1. เซียงไฮ้, จีน

1990

2017

2. จาการ์ตา, อินโดนีเซีย

1960

2017

3. ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

1991

2017

4. ฮ่องกง, จีน

1928

2017

5. ปารีส, ฝรั่งเศส

1900

2017

6. โตรอนโต, แคนาดา

1930

2017

7. เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย

1920

2017

8. กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย

1992

2017

9. นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

1876

1952

1988

2013

10. ลองแองเจลิส, แคลิฟอร์เนีย,สหรัฐอเมริกา

1970

2017

11. ฟอร์ทาเลซา, บราซิล

1975

2011

12. ลองบีช, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา

1953

2009

13. โซล, เกาหลีใต้

1961

2017

14. สิงคโปร์

1996

2017

15. โตเกียว, ญี่ปุ่น

1945

2015

16. เอเธนส์, กรีซ

1860

2017

17. เสินเจิ้น, จีน

1982

2017

18. กรุงเทพ, ไทย

1988

2007

ที่มา : herbeat | เรียบเรียงโดย DPSNews

สาระน่าอ่าน! 21 วิธีเติมพลังชีวิตให้กับตัวเอง


เมื่อเรารู้สึกเหนือย หรอว่าบางครั้งเรารู้สึกเหมือนชีวิตมันขาดอะไรไป แล้วไม่สามารถที่จะเต็มเติมตัวเองได้เต็มที่ ไม่ว่าจะไปดริ้งชนแก้วกับกลุ่มแก็งค์ จนเมาปริ้นกลับบ้านเช้า หรือเราจะไปหาอะไรทานที่ทำให้เราอิ่มจนตัวแตก หรือแม้แต่การนอนชดเชยทั้งวัรน เราก็ยังไม่รู้สึกว่ามันเติมเต็มชีวิตของเราได้ วันนี้จะมาบอกเคล็ดลับใน 20 วิธีเติมพลังชีวิตให้เต็ม

1.การอ่านหนังสือ
หนังสือคือตัวช่วยหนึ่งที่ดีเลย สำหรับการเราจะปลดปล่อยช่วงเวลาของเราไปในการพักผ่อน และที่สำคัญหนักสือซักเล่มอาจจะพลิกความคิดหรือสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ

2.การฟังเพลง
         การฟังเพลงเป็นการทอดอารมณ์ ของจังหวะดนตรี บางครั้งเพลงบางเพลง ภาษาบางภาษาในเพลง เราก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ว่า มันรู้เพราะและ รู้สึกสร้างอารมณ์สีสรรของเราได้อย่างดี หรือแม้กระทั้งเราจะเพิ่มพลังกำลังใจ เราก็สามารถเลือกที่จะเปิดเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกมีพลังขึ้นมาได้ อาทิ บอดี้สแลมป์ 9ล9

3.ขับรถเล่น
ลมตีหน้า ในยามเราขับรถเล่นมันทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา ลองขับออกไปในที่ที่เราไม่เคยไป ไปพบเจอผู้คนที่แปลกตา สนุกเย็น แถมบางทีได้ไอเดียติดมาด้วยอีกต่างหาก

4.อ่าวฟีดข่าวที่เราสนใจ
การเปิดหน้าวอร์อ่านข่าวในเฟสบุ๊ค หรืออ่านอะไร ดูอะไรที่เราชอบก็เป็นการผ่อนคลายที่ มีประสิทธิภาพเช่นกัน เจอสิ่งดีๆเราก็เก็บไว้ คำบางคำ หรือข่าวที่มีประโยชน์กับเราในอนาคตหรือปัจจุบัน ก็นำมาใช้ประโชนย์ในชีวิตได้ บางทีปัญหาอาจแก้ได้ก็ต่อเมื่อเราเลื่อนนิ้วดูฟิด ก็เป็นได้ อิอิ

5.ดูหนังสร้างแรงบัลดาลใจ
          หลายคนชอบวิธีนี้ และขอบอกได้เลยว่ามันได้ผล หนังดีๆซักเรื่องทำให้ฮาต้องแข็ง อาจจะไร้สาระ หรือบู้แหลก มันก็ทำให้เราเติมเต็มชีวิตไปได้อีก เป็นกองเลยเชียวละ ประโยคเด็ดๆในหนังมักจะแอบแฝงไว้ให้เราเสมอ ทุกเรื่อง มันจะมีจุดที่ดีของเรื่องแน่นอนไม่ว่าหนังที่ดูจะห่วยแค่ไหน

 

6.เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยรู้มาก่อน
          กรณีนี้อาจเป็นการที่เราไปเปิดหูเปิดตากับ คอร์สเรียนต่างๆ หรือแม้กระทั้ง การเริ่มในสิ่งที่เราไม่เคยคิด หรือคิดแต่มันโดนปิดกั้นด้วยความกลัวของเราเอง ลองทะลุกำแพงทุกอย่างที่เราปิด แล้วทุกอย่างมันจะเป็นของเรา แค่เริ่มในสิ่งใหม่ๆ

7.ออกไปเดินเล่นกับคู่รัก จับมือ กอดเอวซบไหล่ ซบไหล่
การที่เรามีความรักที่เรามีความรักให้แก่กัน เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ของการมีชีวิตอยู่ เพราะความรักของคุณทั้งคู่จะเสริมเป็นพลังให้คุณ คิดอยากที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปให้ถึงความฝันที่ตั้งไว้ เพียงคุณจบมือคู่รักของคุณเบาๆคุณก็เหมือนได้เติมเต็มแล้ว แต่อย่าทะเลาะกันละ เพราะจะพาลเป็นหมดพลังไป* *

8.หอมแก้มคู่รักของคุณ หรือคนที่คุณรัก
          การหอมแก้มฟอดใหญ่ ถือเป็นการดึงพลังชีวิตได้มากโขเลยแหละ แถมอีกอย่างยังหอมอีกด้วย ฉะนั้นหอมกันอย่าเขิลเลย ชีวิตมันสั้นหอมกัน รักกันดีกว่า

9.ว่ายน้ำ
          การว่ายน้ำเป็นการกระตุ้นร่างกาย ได้สุขภาพและทางวิจัยได้ผลมาแล้วว่าการว่ายน้ำนั้นนอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพแล้วยังช่วยเพิ่มพลังชีวิตได้อีกด้วย

10.เที่ยวต่างประเทศ
ทริปเที่ยวต่างแดนได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะการที่เราเปิดโลกอีกใบด้วยการเก็บกระเป๋า และก้าวเดินไปกับผู้คนที่ต่างภาษาวัฒนธรรม จะทำให้เราเห็นอะไรใหม่ๆด้วย อีกอย่างอาจมีไอเดียกลับไทยมาต่อยอดได้อีกด้วย

11.นั้งสมาธิ
          การนั้งสมาธิ 10 นาทีก่อนนอน นั้งคิดเข้าออกของลมหายใจ เป็นวิธีที่สามารถสร้างสมาธิรวมถึงการเพิ่มพลังชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

12.แบ่งเบาภาระงานให้คนอื่น
          การที่แบกทุกสิ่งไว้โดยที่ทำคนเดียวไม่ใช่ผลดีแน่ๆ หัดปล่อยวางกับความเป็นจริงว่า เราทำได้คนอื่นก็ต้องทำได้ อย่าเอาตัวเองไปเป็นจุดศูนย์กลาง ของใคร ต้องปล่อยให้คนอื่นทำบ้างจะได้ฝึกการเรียนรู้อีกด้วย

13.ออกกำลังกายเตะบอล การออกกำลังกายหนักๆประเภทต่างๆ
          การเตะบอลสำหรับผู้ชาย หรือการออกกำลังกายประเภทต่างๆ จะทำให้เราหลั่งสารอเดนารีน ทำให้มีการสูบฉีดของเส้นเลือดทำให้สุขภาพดีปลอดโรคภัยแถมยังแถมมาด้วยพลังชีวิตที่เต็ม

14.ทำอาหารที่ชอบ
          มันต้องมีซักเมนูที่เราปรุงได้ และ(คิดว่าอร่อย) เอาไว้กินเองหรือจะให้เพื่อนกิน ก็เป็นได้ การทำอาหารเป็นศิลปะอีกแขนงที่จะสามารถทำให้คุณมีชีวิตชีวา จะรสชาติอาหาร มือที่เปื้อนสัมผัสกับวัตถุดิบ ได้พลังชีวิตแถมได้ของกินอีกด้วย #พ่ามพาม

15.คิดเสมอว่าไม่มีอะไร 10/10
          เฟอเฟ็กแมน เฟอเฟ็กวูแม้นไม่มีจริง ตัดออกไปเลยสำหรับโลกมนุษย์ ปัญหาทุกสิ่งเป็นลาภอันประเสร็จ ดังนั้นการเกิดขึ้นของปัญหาหรือการไม่เติมร้อยของงานบางครั้ง เราไม่สามารถควบคุมได้ ก็ปล่อยว่าซะ เราทำดีที่สุดแล้ว รับรองไม่มีเสียพลังในแง่ลบในงานที่แย่ๆแน่นอน

16.อยู่กับคนที่รักเรา เพื่อน แฟน พ่อแม่ และอยู่กับคนที่เรารัก  พ่อแม่
          การที่คุณไปคลุกอยู่กับใครบางครั้งความเหงาอาจนำพาคุณไปอยู่กับคนที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี หรือไม่มีความจริงใจกับคุณ ฉะนั้นเลือกให้ดีเวลาจะใช้เวลากับใคร คนๆนั้นเป็นคนที่คุณควรจะอยู่ข้างๆหรือไม่ เพราะถ้าเป็นคนที่รู้สึกดี ไม่ว่ายังไงขีดพลังชีวิตของคุณจะเต็มเติมได้แน่นอน

17.ให้กับคนที่เรารัก และให้สำหรับคนทีรักเรา พ่อแม่แฟน เพื่อนที่ดีในบางครั้ง
          การให้เป็นการทำสิ่งที่ทำเพื่อให้เรารู้สึกโดยจิตสำนึกว่า สิ่งที่เราให้ไปมันจะมีประโยชน์กับคนๆนั้น ดังนั้นควรเลือกที่จะให้ ถ้าให้แล้วมีความสุขไม่เดือดร้อนตนเองหรือผู้อื่นก็ให้ แล้วสิ่งที่เราได้กลับมาจะเป็นความรู้สึกรวมถึงการเติมเต็มพลังชีวิต แถมบางครั้งก็จะเป็นการเติมเต็มคนอื่นด้วยเช่นกัน

18.นอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ 100%
          การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการนอนหลับวันละ 6-7 ชั่วโมง และเวลาตื่นนอนห้ามตื่นเกินเศษส่วน 30 นาที ถ้าเราตั้งนาริกาปลุก เราก็ประมาณการหลับของเรา และที่เหลือควรตื่นเป็นช่วงเวลา เช่น นอน 24.00 ก็ควรจะตื่น 7.20 นาที เป็นต้นงง มั้ย ถ้างงไปศึกษาดู O-o อย่างงี้ก็ได้ ! ได้!!! แต่ถ้านอนมากไป จะเพลียกลายเป็นดูดพลังชีวิตได้นะจ้า

19.สร้างโมทชัดดาวห์ให้ร่างกาย
          เวลาแต่ละวันควรจะมีการขับเคลื่อนของการทำงานของร่างกายที่สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้เช่น การขับถ่าย ทานอาหาร รวมถึงการนอน เพราะจะทำให้เวลาช่วงชีวิตระหว่างวันของคุณควรจะเป็นและดีที่สุด จะทำให้เพิ่มพลังในการดำรงชีวิตขึ้นได้นะจ้า

20.กินอาหารเช้าให้ครบถ้วนมื้อสำคัญ
          อาหารเช้ามื้อสำคัญ รับประทานให้ครบทุกหมู่ถ้าเป็นได้ ถ้าไม่ได้ควรจะกินอาหาเสริมหรือ น้ำผลไม้รวม ถึงมันจะน้อยแต่ก็ยังดีกว่าคุณปล่อยปะละเลยสุขภาพที่ขาดในส่วนของอาหารที่ครบถ้วน

21.รับแดด 10 นาที ในทุกวัน
          มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย หรือแม้กระทั้งผู้ที่ทำงานหน้าคอมบางครั้งการโดนแดดจะนอน ดังนั้นควรรับแสงแดด เพราะนอกจะคุณจะได้วิตามินดีที่ได้รับจากแสงแดดนั้น นักวิจัยยังพบว่า การโดนแดดทำให้เพิ่มพลังชีวิตเติมเต็มได้

          ครบแล้วสำหรับ 21 วิธีของการเติมเต็มพลังชีวิต สำหรับเคล็บลับง่ายๆ สั้นๆ เพียงคุณคิดบวกอยู่เสมอ และมั่นดูแลใจตัวเองสุขภาพตัวเองรวมถึงดูแลกันและกันของคนที่คุณรัก เพียงเท่านี้ก็จะเติมเต็มชีวิตไปอีก หลายสิบปีเลยแหละ

รู้หรือยัง! เงินประกันสังคมรับคืนได้! อย่าทิ้งเงินก้อนโตให้เสียไปเปล่า!!

เชื่อว่าคนทำงานหลายๆคนยังไม่รู้ว่า การรับเงินประกันคืนนั้น ควรทำอย่างไร แล้ว โดนส่วนมากนั้นจะปล่อยเงินก้อนนี้ทิ้งไปโดยไม่ได้สนใจว่าเงินนี้จะมากหรือน้อย วันนี้เราจะมาแนะนำว่าควรทำอย่างไร

ระบบประกันสังคม เป็นสิ่งที่ต่างประเทศมีมานานแล้วแต่เมืองไทยเพิ่งเริ่มจะมี โดยประกันสังคมเป็นระบบที่บังคับให้ทุกคนออมเงินส่วนหนึ่ง (5% ของเงินเดือน)
ข้อดีของประกันสังคม คือลูกจ้างอย่างเรา จะจ่ายเงินประกันนี้ (เรียกว่าเงินสมทบ) เพียง 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น เพราะผู้ที่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ
1. รัฐบาล
2. นายจ้าง
3. ลูกจ้าง

ดังนั้นลูกจ้างจึง จ่ายเงินเข้ากองทุนเพียง 5% ของค่าจ้าง และรัฐบาลสมทบอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทำให้เราได้รับผลประโยชน์มากขึ้น คุ้มค่าเกินกว่ามูลค่าเงินที่เราลงไป

ในแต่ละเดือนของประกันสังคม แบ่งเงิน ไปทำอะไร อย่างไหนบ้าง !? สำหรับเงิน 750 บาท ในแต่ละเดือนของประกันสังคม จะถูกแบ่งเป็น

1. 225 บาท สำหรับดูแลเรื่องเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร และเสียชีวิต ถ้าไม่ใช้สิทธิ เงินส่วนนี้ก็จะหายไป ไม่ได้รับคืน
2. 75 บาท สำหรับใช้ประกันการว่างงาน ถ้าว่างงานเมื่อไหร่ สามารถเอาเงินส่วนนี้มาใช้ในระหว่างตกงานหรือรอหางานใหม่ แต่ถ้าไม่ว่างงานเลย เงินส่วนนี้ก็จะหายไป ไม่ได้รับคืน
3. 450 บาท สำหรับเก็บเป็นเงินออม จะได้รับคืนเมื่ออายุครบ 55 ปี

โดยเงื่อนไข การได้เงินก้อนสุดท้าย (เงินออม เมื่อครบ 55 ปี คืน) คือ
1. จ่ายประกันสังคมไม่ครบ 1 ปี ได้คืนส่วนที่จ่ายเป็นเงินก้อน เรียกว่าบำเหน็จชราภาพ เช่น จ่ายเดือนละ 750 บาทมาโดยตลอด 10 เดือน (750 บาท จะถูกหักเป็นเงินออม 450 บาท) เมื่ออายุครบ 55 ปี จะได้คืน 450 บาท x 10 เดือน = 4,500 บาท
2. จ่ายครบ 1 ปี แต่ ไม่ถึง 15 ปี จะได้เป็นเงินก้อนเรียกว่าบำเหน็จเช่นกัน แต่จะมากกว่า ข้อ 3.1 คือ ได้ส่วนที่นายจ้างสมทบไว้ด้วย เช่น จ่าย 750 บาท ตลอด 7 ปี (84 เดือน) ที่จะได้รับคืนเมื่ออายุครบ 55 ปี คือ 450 บาท (ส่วนที่ตนเองจ่าย) + 450 บาท (ส่วนที่นายจ้างจ่าย) x 84 เดือน = 75,600 บาท
3. จ่ายตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จะได้รับเป็นเงินรายเดือน เรียกว่า บำนาญ-ชราภาพ โดยคำนวณ 2 กรณี คือ

กรณีจ่ายครบ 15 ปีพอดี จะได้รับรายเดือน คือ 20% ของเฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย เช่น 60 เดือนสุดท้าย เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 15,000 บาท จะได้รับ 20% คือ เดือนละ 3,000 บาท ไปจนเสียชีวิต

กรณีสมทบมากกว่า 15 ปี จะได้รับโบนัสเพิ่ม 1.5% ของเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย หากครบปี เช่น จ่ายครบ 20 ปี รายเดือนที่จะได้รับ คือ 20% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน + 1.5% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือน x 5 ปี
(จ่าย 20 ปี เกินจากที่กำหนดขั้นต่ำมา 5 ปี) เช่น เฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย เท่ากับ 15,000 บาท จะได้รายเดือน คือ
(20% x 15,000 บาท) = 3,000 บาท + (1.5% x 15,000 บาท x 5 ปี) = 3,375 บาท รวมเป็น 6,375 บาท ต่อเดือนไปจนเสียชีวิต

กรณีที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว แต่ยังไม่ครบ 5 ปีเลย แล้วเสียชีวิตไปก่อน ล่ะ กรณีเช่นนี้ จะได้รับบำเหน็จ 10 เท่า ของเดือนสุดท้าย ของ เงินบำนาญ ที่ได้รับเช่น รับเงินรายเดือน เดือนล่าสุด 6,375 บาท ตายปุ๊บ รับ 63,750 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก: clip007

ดูนาทีชีวิต! สาวท้อง6เดือน ตกรางแอร์พอร์ตลิ้งก์โดนทับเสียชีวิต!(ชมคลิป)

จากกรณีหญิงสาวพลัดตกรางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ที่สถานีบ้านทับช้าง เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (19 มิ.ย.) ก่อนถูกรถไฟทับร่างจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายได้เดินเข้าไปยังรางรถไฟ ขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้าสู่สถานี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ที่เผยให้เห็นนาทีที่สาว พลัดตกรางแอร์พอร์ตลิงก์ บริเวณสถานีทับช้าง ก่อนที่ขบวนรถจะแล่นเข้าสู่สถานี เป็นเหตุให้ทับร่างเสียชีวิต ต่อหน้าผู้โดยสารที่รอรถไฟอยู่บริเวณที่เกิดเหตุกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาทราบว่า สาวเคราะห์ร้ายคนดังกล่าวคือ น.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า อายุ 31 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน

คลิปจาก : Anin inlove
ข้อมูลจาก https://goo.gl/1mEECN

ขนลุก!! “แน็ท The Voice” ร้องสด เพลงสุดใจ แบบไม่มีดนตรี กลางโรงเรียน (ชมคลิป)


ถือว่าเป็นเด็กอีกหนึ่งคนที่น่าติดตามมากๆ สำหรับ “แน็ท ศิริพงษ์” หรือ แน็ท The voice kids ที่ทำคนทั้งสตูขนลุกกันหมดเลยทีเดียว เมื่อน้องได้ยิน “แน็ท“ หรือ “ศิริพงษ์ ศรีสุขา” เด็กชายอายุ 14 ปี มาจากจังหวัดอุดรธานี ได้มาร่วมเข้าแข่งร้องเพลงในรายการชื่อดังอย่าง “The Voice Kids Thailand Season 5”

ในรอบ Blind Auditions กับเพลง “เรื่องขี้หมา“ ทุกคนในห้องส่งต่างพากันอึ่ง กับน้ำเสียงที่เพราะจับใจ และคล้ายกับเสียงของพี่ “ปู พงษ์สิทธิ์” มาก ๆ ในวันนี้ เราจึงพาทุกท่านไปส่องกันชัดๆ แบบเต็มๆ กับภาพชีวิตจริงของน้องแน็ท ที่เห็นแล้วต้องบอกเลยว่า ดูเป็นเด็กที่มีอนาคตด้านดนตรีอีกยาวอย่างแน่นอน!!

ล่าสุด น้องแน็ท ได้โชว์ร้องเพลงสดๆ กลางโรงเรียน ที่ฟังแล้วถึงกับขนลุก และเสียงน้องแน็ท ก็คล้ายกับศิลปินรุ่นใหญ่ อย่าง ปู พงษ์สิทธิ์ คำภี อย่างกับแกะ ทำให้ฟังแล้วเคลิ้ม และขนลุกในพลังเสียงของน้องแน็ท

ชมคลิป (กรุณารอโหลดสักครู่)

ขอบคุณที่มา : Clip Today