“ประชาชน จ.กาฬสินธุ์ ขอนายกรัฐมนตรี แก้ไขเส้นทางรถไฟรางคู่ผ่านจังหวัด”


กราบเรียน ฯพณฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เรื่อง ชาวกาฬสินธุ์ทั้งจังหวัด ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง กรณีแผนโครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่สาย อ.บ้านไผ่-จ.นครพนม เนื่องด้วยรัฐบาลก่อนหน้านี้ ได้อนุมัติแผนก่อสร้าง “โครงการรถไฟรางคู่สายอีสานใหม่ เส้นทางระหว่าง อ.บ้านไผ่-จ.นครพนม” และด้วยการออกแบบวางแนวเส้นทาง การศึกษาโครงการ ที่ไม่สอดคล้องกับการบูรณาการพัฒนาร่วมกันของกลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” จึงทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีศักยภาพมากๆในมิติด้านการเกษตร การท่องเที่ยวและการบริการ ถูกตัดออกไปจากแนวเส้นทางโครงการดังกล่าว อย่างไม่เป็นธรรมยิ่ง

ทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์ “ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” จากกรณี “โครงการก่อสร้างแนวเส้นทางรถไฟรางคู่ สายอีสานใหม่ อ.บ้านไผ่-จ.นครพนม ระยะทาง 347 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 42,000 ล้านบาท” ดังกล่าว ประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 985,232 คน ถูกรัฐบาลก่อนหน้านี้ “ปล่อยทิ้งไว้ข้างหลัง” จากกรณีโครงการดังกล่าว และในปัจจุบันนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ท่านปรารภเสมอว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (รัฐบาลนี้จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง) จะพัฒนาไปพร้อมๆกันในทุกๆมิติ ทุกๆพื้นที่ทั่วทั้งประเทศไทย ดังนั้น ในโอกาสนี้ ประชาชนชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ 985,232 คน จึงขอกราบเรียน เพื่อสื่อสารถึง ฯพณฯพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ใคร่ขอให้ท่านได้โปรดเมตตา พิจารณา ออกคำสั่งให้ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ทบทวน แก้ไขแนวเส้นทางโครงการดังกล่าวใหม่ โดยขอให้แนวเส้นทางโครงการ ตัดผ่านเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ตามแนวเส้นประสีดำ ที่ร่างไว้ในแผนที่ดังกล่าว และขอให้มีสถานีขนาดใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างน้อยหนึ่งสถานี คือ “สถานีกมลาไสย” ด้วยครับ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเป็นการบูรณาการพัฒนาร่วมกัน ในทุกๆมิติ ของกลุ่มจังหวัด “ร้อยแก่นสารสินธุ์” (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคามและกาฬสินธุ์) ครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง ขอขอบคุณครับ นายอนุชา สิงหะดี ประธานเครือข่ายคนรุ่นใหม่พัฒนากาฬสินธุ์(คมพ.กส.) และคณะ อดีตอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊ค อนุชา สิงหะดี

เหตุผลที่ว่าทำไม? คนรวยจะยิ่งรวยขึ้น คนจนจะยิ่งจนขึ้น

หลังจากที่ได้เปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือนมาเปิดโลกธุรกิจมาได้สักพัก จากประสบการณ์และการเรียนรู้และการศึกษาข้อมูลต่างๆทำให้ผมเชื่อว่าต่อไปคนรวยจะรวยยิ่งขึ้น คนจนจะจนยิ่งขึ้น ทำไมหนะเหรอ? เหตุผลตามข้างล่างเลยครับ

1. คนรวยมี Bargain power ที่สูง คนที่ยังไม่เคยมาอยู่ในโลกของธุรกิจอาจจะไม่รู้ว่า ธุรกิจใหญ่ๆมีอำนาจในการต่อรองในการซื้อ Supply ที่มากกว่าธุรกิจโนเนม จากเพราะทั้งชื่อเสียงและทั้งปริมาณในการสั่งซื้อ ทำให้ธุรกิจใหญ่ๆนั้นมีต้นทุนที่ถูกกว่าธุรกิจเล็กๆ

รวมถึงการเช่าที่ในการเปิดร้านต่างๆด้วย ธุรกิจที่มีชื่อเสียง จะสามารถเช่าที่ขนาดเท่ากันได้ถูกกว่าธุรกิจเจ้าเล็กๆที่ไม่มีชื่อ

คนรวยมีต้นทุนที่ถูกกว่า ส่วนคนที่จนกว่านั้นมีต้นทุนที่แพงกว่า เห็นส่วนต่างมั้ยครับ แทนที่คนที่มีเงินน้อยนั้นควรจะได้ supply หรือค่าเช่าที่ถูกกว่า แต่เปล่าเลย มันตรงกันข้าม โลกของธุรกิจมันโหดร้าย

หรือแม้กระทั่งแค่ในโลกของคนทั่วๆไปที่ไม่ใช่คนทำธุรกิจ ลองไปดูเรื่องง่ายๆอย่างการกู้ซื้อบ้านก็ได้ครับ คนรวยที่ซื้อบ้านแพงกว่าจะได้ดอกเบี้ยตลอดสัญญาที่ถูกกว่าคนจนที่มีเงินซื้อบ้านได้ถูกกว่า (เงื่อนไขของธนาคารกำหนดว่าถ้ากู้ซื้อเกิน x ล้านจะได้ดอกเบี้ยพิเศษ แต่ถ้าไม่เกินจะได้ดอกเบี้ยที่แพงกว่า)

2. เงินเหลือเก็บของคนรวยนั้นมากกว่า
ในขณะที่หลายๆคนใช้เงินเดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บไปลงทุนหรือทำอะไรต่อ เดือนนึงได้มา 100% อาจจะใช้ไป 90% เหลือแค่ 10% แต่คนรวยนั้นมีเงินเหลือเก็บมหาศาลจากรายได้ที่มาก อาจจะได้มา 100% แต่เนื่องจากปริมาณที่ได้มามาก ทำให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย รายจ่ายใช้ชีวิตอาจจะเป็นแค่ 5% ของเงินที่ได้มาเท่านั้น ซึ่งจะมีเงินเหลือถึง 90-95% สำหรับเก็บออมและลงทุนใหม่เลยทีเดียว

ซึ่งตามหลักการลงทุน ยิ่งเงินลงทุนมาก ผลกำไรยิ่งมากตาม

คุณลงทุน 1000 บาท กำไร 10% คุณก็ได้กลับมา 100 บาท แต่ถ้าคุณมีเงินเหลือสำหรับลงทุน 1,000,000 บาท คุณก็จะได้กลับมา 100,000 บาท

3. ปริมาณเงินและทรัพยากรในระบบที่มีอยู่อย่างจำกัด
เงินนั้นเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การใช้จ่ายหมุนเงินในระบบทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ เคยได้ยินปัญหามั้ยครับว่าเศรษฐกิจไม่ดีเพราะคนไม่ใช้เงินกัน รัฐบาลถึงพยายามกระตุ้นโดยการอัดฉีดเงินเข้าระบบให้เกิดการใช้จ่ายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้คนได้ใช้เงินกัน ทั้งในส่วนของการลงทุนโครงสร้างต่างๆที่เม็ดเงินจะไหลเข้าระบบให้ขับเคลื่อนแล้วรัฐบาลค่อยเก็บเงินภาษีจากเงินที่หมุนในระบบนั้นกลับคืนมา

แต่ลองนึกถึงสภาพของเศรษฐกิจเล็กๆในหมู่บ้านที่มีคน 10 คน มีเศรษฐี 1 คน ลองคิดสภาพเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดในระบบดูสิ ถ้าเงินในหมู่บ้านนั้นมีอยู่ทั้งหมด 1000 บาท เฉลี่ยแต่ละคนก็จะมีเงินประมาณ 100 บาท

แต่ลองมองย้อนกลับไปข้อ 1 และ ข้อ 2 ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนรวยนั้นจะเก็บเงินได้มากยิ่งขึ้นจากการทำธุรกิจ จะมีกำไรจากเงินที่หมุนในระบบมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

ลองคิดสภาพในหมู่บ้านเล็กๆ ถ้าเวลาผ่านไปคนรวยเก็บเงินจาก 100 ได้เป็น 500 แล้วเงินเหลือในระบบแค่ 500 สำหรับคน 9 คน 9 คนนั้นจะเหลือเงินเฉลี่ยกันคนละแค่ 50-60 กว่าบาทเท่านั้น แล้วยิ่งถ้าผ่านไปเรื่อยๆอีกละ? คนรวยก็จะยิ่งมีเงินเยอะ คนจนก็จะยิ่งมีเงินน้อยลง

นึกถึงภาพของลูกปืนที่หมุนไปเรื่อยๆ ที่ต้องการน้ำมันหล่อหลื่นให้หมุนไปได้ เศรษฐกิจก็เปรียบเสมือนลูกปืน เงินก็เปรียบเสมือนน้ำมันหล่อหลื่น ส่วนการเก็บเงินจากการทำกำไรของคนรวยก็เหมือนจุดรั่วของน้ำมันหล่อลื่นในลูกปืน ยิ่งหมุนไปแต่ละรอบเงินก็หายไปจากระบบไปอยู่ในกระเป๋าตังคนรวย สุดท้ายน้ำมันหล่อลื่นขาด ลูกปืนก็ฝืด หมุนไม่ได้ ก็เปรียบเสมือนเศรษฐกิจที่หยุดชะงักและฝืดเคืองเพราะเงินในระบบก็ไปอยู่กับคนรวยมากเกินไปและไม่หมุนกลับเข้ามาเป็นสารหล่อลื่นเหมือนดิม

แล้วกลับมาดูการอัดฉีดเงินเข้าระบบของรัฐบาล ทั้งการลงทุนในโครงสร้างที่รายใหญ่ๆเข้ามาทำ คิดว่างบประมาณลงทุนสักโครงการที่พันล้าน เจ้าใหญ่รับไป กำไรจะกี่ร้อยล้าน ส่วนแบ่งของธุรกิจb2bที่ต่อจากเจ้าใหญ่ที่รับไปอีกเท่าไหร่ สุดท้ายเงินพันล้านจะไปอยู่ในมือคนรวยกี่ร้อยล้าน แล้วจะเหลือกลับไปหาคนชั้นล่างกี่ล้าน?

แล้วสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือภาษีที่เพิ่มมากขึ้น ที่จะยิ่งไปเบียดเบียนคนชั้นล่างมากยิ่งขึ้น แปลกไหมว่าคนมีเงินเยอะมีผลกระทบกับเงินของเค้าไม่กี่ % แต่กลับกันคนชั้นล่างผลกระทบอาจจะเป็น 10-20% คนมีเงินน้อยยิ่งโดนดูดตังกลับ ส่วนคนเงินเยอะขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วงอะไร ทั้งๆที่ควรจะรีดเงินจากคนรวยกลับมาให้เงินมาหมุนในระบบมากขึ้น ตามกฏ 80-20 ที่อาจจะอุปมาอุปมัยได้ว่าคน 20% นั้นครองเงินในประเทศอยู่ 80%

4. คนรวยทำธุรกิจกับคนรวยด้วยกันเอง
เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน? ก็ในเมื่อคนรวยเลือกที่จะทำธุรกิจส่วนใหญ่กับคนรวยด้วยกันเอง ทั้งในเรื่อง Supply และส่วนของธุรกิจแบบ B2B แล้วคนทำธุรกิจทั่วๆไปละ? แทบจะไม่มีสิทธิ์เลย ยกเว้นคุณจะมี Connection ที่จะช่วยดึงคุณขึ้นไปทำธุรกิจเพื่อเอาส่วนแบ่งจากเค้าได้

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเราต้องทำยังไง? คำตอบคือต้องรีบทำตัวเองให้รวย พอรวยแล้วไม่ประมาท ใช้เงินถูกวิธี จัดการความเสี่ยงในทุกๆด้านให้เหมาะสม จ้างคนมาทำให้ก็ได้ ถึงตอนนั้นใครสามารถขยับจากชนชั้นล่างหรือชนชั้นกลางขึ้นมาเป็นชนชั้นบนได้ ถึงตอนนั้นมันก็เหมือนว่าวที่ติดลมบนไม่หล่นลงมาง่ายๆ เค้าถึงมีคำพูดที่ว่าหาล้านแรกจากการลงทุนในหุ้นได้ ล้านต่อไปก็ไม่ยาก ก็ล้านต่อไปมันก็แค่ 2 เท่าของเงินเอง แต่ล้านแรกถ้ามาจากเงินแสนนี่มันตั้ง 10 เท่าที่ต้องทำให้ได้

อนาคตคนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจน จะถีบตัวเองขึ้นมาก็มีแต่จะยากขึ้นเรื่อยๆ

Edit : หลายๆคนอาจจะบอกว่าทำไมคนนู้นเป็นอย่างนู้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ต้องขอเสริมเพิ่มเติมสักนิดครับ ว่าด้านบนที่เขียนไปนั้น มันคือปัจจัยภายนอกจากสภาพของระบบสังคม เศรษฐกิจ ค่านิยม ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้แค่รับรู้และปรับสภาพตาม

ซึ่งการที่ว่าคนนั้นขยันแบบนั้น คนนั้นคิดแบบนี้หรือทำแบบนี้ นั้นเป็นเรื่องปัจจัยภายในของแต่ละบุคคล ที่ไว้เดี๋ยวมีโอกาสจะได้มาเขียนเพื่อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันในคราวหน้าครับ

ที่มาจาก :พันทิป เรียบเรียงโดย DPSNews

วิธีเลี้ยงปลาหมอ เลี้ยงง่าย มีตลาดรองรับ


ถ้าพูดถึงปลาที่หาง่าย รสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นก็ต้องมีปลาหมอ (ภาษาอีสานเรียกว่า ปลาเข็ง)  การเลี้ยงปลาหมอเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากปลาหมอในธรรมชาติที่ลดน้อยลง ซึ่งสวนทางกับความต้องการที่สูงขึ้น รสชาติที่มีความหอม เนื้อรสหวานและกลมกล่อม จึงทำให้เริ่มมีการเลี้ยงปลาหมอเชิงพานิชย์เกิดขึ้น  การเลี้ยงปลาหมอสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเลี้ยงปลาหมอในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน หรือการเลี้ยงปลาหมอในกระชัง โดยเกษตรอีสานวันนี้จะนำหลักการเลี้ยงปลาหมอทั่วไปให้พี่น้องบ้านเฮาได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง เพราะปลาหมอเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย กินง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อม

 

ปลาหมอ (คนอีสานเรียกปลาเข็ง)

 

ปลาหมอ

ปลาหมอเป็นปลาเนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย ลักษณะลำตัวป้อมค่อนข้างแบน สีน้ำตาลปนเหลืองดำ ถือว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อย เพราะเป็นที่ต้องการในตลาดเพื่อการบริโภคอย่างแพร่หลาย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแกง ต้ม ทอด ย่าง  ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงปลาหมอในไทย มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาหมอเพิ่มขึ้นมาหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาหมอชุมพร ปลาหมอนา ปลาหมอสี  แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก แต่กลับมีความต้องการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างสูง ทั้งที่ในประเทศก็มีความต้องการมากเช่นกัน ดังนั้น  หากมีการส่งเสริมและพัฒนาความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาหมอให้กับเกษตรกรได้  ก็จะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและยังทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วยเมนูปลาหมอทอด

เมนูปลาหมอทอด

การเลือกสถานที่เลี้ยงปลาหมอ

  • ควรเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้
  • อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี

การเตรียมบ่อเลี้ยงปลาหมอ

เริ่มจากการเตรียมบ่อสำหรับการเลี้ยงปลาหมอ เป็นบ่อรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 บ่อ ดังต่อไปนี้

  • บ่อสำหรับอนุบาลลูกปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อผสมพันธุ์ปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร
  • บ่อสำหรับเลี้ยงปลาหมอนา ขนาด 6×7 เมตร

การเลี้ยงปลาหมอในบ่อดิน

การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก

การเลี้ยงปลาหมอในบ่อพลาสติก

การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์

การเลี้ยงปลาหมอในวงบ่อปูนซีเมนต์

การคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

พ่อพันธุ์ ควรมีลักษณะลำตัวยาวว่ายน้ำปราดเปรียว และในการคัดพ่อพันธุ์ให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหาร  พ่อพันธุ์ที่พร้อมการผสมพันธุ์บริเวณปลายหัวจะออกเป็นสีแดง เกล็ดนวลเงา ไม่เป็นแผล

แม่พันธุ์ ควรจะมีขนาดป้อมสั้น ลำตัวมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว การคัดเลือกแม่พันธุ์ปลาหมอนาให้ทำตอนเช้า หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนให้อาหารแม่พันธุ์ที่พร้อมจะมีลักษณะท้องบวมเป่ง แสดงว่ามีไข่ อวัยวะเพศมีสีแดงชมพูเรื่อ

 

พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอ

การผสมพันธุ์ปลาหมอนา

ให้ทำการผสมพันธุ์กันในช่วงฤดูฝน คือระหว่างเดือน พ.ค.- ก.ค. ในบ่อผสมพันธุ์ควรใส่น้ำปริมาณความสูง 50-60 เซนติเมตร และหาผักบุ้งใส่ในบ่อด้วย เพื่อเป็นที่กำบังและซ่อนตัวเวลาฟักไข่  นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาหมอนาอัตราส่วน ปลาหมอตัวเมีย 1 ตัว ต่อ ตัวผู้ 2 ตัว ลงในบ่อ เช่น แม่พันธุ์ 100 ตัว ต่อพ่อพันธุ์ 50 ตัว  แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ผสมพันธุ์กันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้น ให้แยกพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ออกจากลูกปลาหมอที่ยังเป็น ลูกคอก

 

ปลาหมอโตเต็มวัย

การให้อาหารและการอนุบาลลูกปลาหมอ

จัดการน้ำและอาหารธรรมชาติเข้าบ่อและกรองน้ำด้วยมุ้งตาถี่ ระดับน้ำ 50 เซนติเมตร ใช้ปลาป่นผสมรำละเอียดเป็นอาหารในช่วง 3วันแรก เริ่มให้ไข่ พอเริ่มวันที่ 4 ให้ไก่ต้มสุกเอาเฉพาะไข่แดงบดผ่านผ้าขาวบางผสมน้ำสาดทั่วบ่อ และอาหารผงสำเร็จรูปหรือรำละเอียดผสมปลาป่น อัตรา 1 ต่อ 1 หลังจากอนุบาล 3 สัปดาห์ ค่อยๆเพิ่มระดับน้ำเป็น 80 เซนติเมตร

ลูกปลาหมอ

ลูกปลาหมอ

การให้อาหารปลาหมอ

การให้อาหารปลาหมอ

การเปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อเลี้ยงปลาหมอ

ถึงแม้ปลาหมอจะเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพน้ำ แต่ก็ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อให้ปลาเจริญเติบโตได้ดี และกินอาหารได้มากขึ้น  โดยเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณเดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำในบ่อ เพื่อให้ปลาปรับตัวได้ง่าย และประหยัดน้ำได้มากกว่าเปลี่ยนหมดทั้งบ่อ

การอนุบาลลูกปลาหมอ

การอนุบาลลูกปลาหมอ

ระยะเวลาและการจับปลาหมอ

โดยทั่วไปใช้เวลาเลี้ยง ประมาณ 90-120 วัน ถ้าจำหน่ายเมื่อโตเต็มที่ จะได้ราคาอย่างน้อยกิโลกรัมละ 150 บาท แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ลูกปลาขาย  ราคาทั่วไปที่จำหน่ายคือ ตัวละ 1 บาท

การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย

การจับปลาหมอเพื่อจำหน่าย

อีสานร้อยแปดขอแนะนำหนังสือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาหมอ เป็นหนังสือที่มีคุณภาพ ข้อมูลทางวิชาการครบถ้วน จัดทำโดยกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ข้อมูลจาก https://goo.gl/ZlFg6y เรียบเรียงโดย DPSNews

ฮือฮาทั่วโซเชียล! คู่รักมีเซ็กซ์บนเครื่องบินไม่แคร์สายตาใคร!(มีคลิป)


เว็บไซต์เดลีเมล์รายงานว่า ผู้โดยสารบนเที่ยวบินของสายการบินไรอันแอร์ จากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าไปยังเกาะอีบีซา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พากันตกตะลึง หลังจากคู่รักคู่หนึ่งมีเพศสัมพันธ์กันตรงที่นั่ง โดยไม่แคร์สายตาของผู้โดยสารคนอื่นๆ รวมไปถึงผู้โดยสารบางคนที่ใช้มือถือถ่ายภาพของคู่รักคู่นี้เอาไว้
เดลีเมล์รายงานโดยอ้างผู้โดยสารคนหนึ่งที่อยู่บนเที่ยวบินดังกล่าว ที่เปิดเผยว่า ดูเหมือนว่าคู่รักคู่นี้จะอยู่ในอาการมึนเมา และได้ยินทั้งคู่พูดถึงเรื่องที่จะมีเซ็กซ์กัน แต่ก็คิดว่าเป็นแค่เรื่องตลก ก่อนที่ฝ่ายชายจะตะโกนขึ้นมาว่า “ใครมีถุงยางบ้างไหม” ทำเอาผู้โดยสารบนเครื่องพากันหัวเราะชอบใจ ก่อนที่ในอีก 10 นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็เริ่มปฏิบัติกิจกันตรงเก้าอี้ที่นั่ง โดยไม่สนสายตาของผู้โดยสารคนอื่นๆบนเครื่องบิน
ขณะที่ผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆคู่รักดังกล่าว ถูกคู่รักคู่นี้ไล่ให้ไปนั่งที่อื่น โดยที่ลูกเรือไม่ทำอะไรเลยเพื่อที่จะหยุดยั้งคนทั้งสอง หรือไม่แม้แต่ที่จะตำหนิคนทั้งคู่ แม้ว่าจะมีผู้โดยสารร้องเรียนก็ตาม
ด้้านโฆษกของไรอันแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ออกมาเปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และว่าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมขึ้นทุกเวลา และผู้โดยสารคนใดที่มีพฤติกรรมที่รับไม่ได้ก็จะถูกลงโทษ

ใครมีถุงยางบ้างไหม?! คู่รักมีเซ็กซ์บนเครื่องบิน แบบไม่แคร์สายตาใคร ผู้โดยสารอึ้งกันทั้งลำ!

ใครมีถุงยางบ้างไหม?! คู่รักมีเซ็กซ์บนเครื่องบิน แบบไม่แคร์สายตาใคร ผู้โดยสารอึ้งกันทั้งลำ!

ใครมีถุงยางบ้างไหม?! คู่รักมีเซ็กซ์บนเครื่องบิน แบบไม่แคร์สายตาใคร ผู้โดยสารอึ้งกันทั้งลำ!

 

 

ที่มา:เว็บไซต์เดลีเมล์

สุดยอด! วิธีดูคนที่แอบส่อง facebook เรา


เชื่อว่านี่เป็นปัญหาระดับโลกของผู้ใช้เฟสบุ๊คเลยก็ว่าได้ สำหรับการอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่คอยตามส่องเฟสบุ๊คเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะโพสต์อะไร แอดเพื่อนกี่คน คลิก Like ให้ใคร เขาจะรู้หมด ถ้ารู้แล้วบอกก็คงไม่เท่าไร แต่รู้แล้วเงียบนี่สิ อันนี้น่ากลัว

วันนี้เราเลยนำวิธีดูว่าใครที่ชอบส่องเฟสบุ๊คเรา โดยเทคนิคนี้ได้มาจาก aripfan  ที่รู้เทคนิคนี้มา เป็นเทคนิคที่ทำแล้วดูฉลาดดี เพราะดูไปคล้ายเจาะเข้าระบบของ facebook ตรวจดูว่าใครที่มาส่องเฟสเราบ้าง จะทำอย่างไรไปชมกันเลยดีกว่า

1. เปิดหน้า Facebook ของเรากันก่อน จากนั้นบนหน้าจอให้คลิกขวาเลือก View Page Source (ดูรหัสต้นฉบับ)2. รอจนมันโหลดหน้าจอโค้ดขึ้นมามากมาย ในหน้านี้คือเบื้องหลังอันสวยงามที่เราเห็นในหน้าปกติ เพราะเบื้องหลังคือโค้ดจำนวนมวลมหาศาล ให้กด Ctrl + F แล้วพิมพ์ {activeList กด Enter3. เคอร์เซอร์จะกระโดดไปบริเวณโค้ดที่อุดมไปด้วยตัวเลขเรียงกันอยู่จำนวนมหาศาล ตัวเลขเหล่านี้แหละคือคนที่ส่อง facebook เรา โดยจะเรียงจากคนที่ส่องบ่อยสุดไล่ต่อไปเรื่อยๆ
4. ถ้าอยากเห็นโฉมหน้าของเขา ก็แค่ก๊อบปี้ชุดตัวเลขที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด จากนั้นก็ไปที่ช่องใส่ URL แล้วเอาชุตัวเลขที่ก๊อบปี้ไปใส่ข้างหลังคำว่า Facebook.com เช่นเราอยากรู้ว่า “22242″ นั้นคือใครให้เราพิมพ์http://www.facebook.com/22242 เพียงเท่านี้เราก็พบกับโฉมหน้าของคนที่ชอบส่องเรา อุต๊ะ… ใครละนี่!!?ขอบคุณที่มา : aripfan

“มุ้ย ธีรศิลป์ เเดงดา” ติดโผ10 ยอดดาวยิงยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย 2017


การจัดอันดับ 50 นักเตะเอเชียยอดเยี่ยม (Asia 50 ) โดยผู้เชี่ยวชาญของเรานั้นได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้เราจะมาเจาะถึงยอดดาวยิงของ เอเชีย 10 คนในชาร์ตของเรา กับเหล่าจอมถล่มประตูทั้งหลาย , คนที่จะเข้ามาในลิสต์นี้จะไม่รวมพวกเล่นหน้ากึ่งปีก นั่นทำให้พวกตัวดัง ๆ อย่าง ซอน ฮึง มิน หรือว่า หวู่ เล่ย ไม่ได้ติดเข้ามาในอันดับของเรา

10 . อิกอร์ เซอร์เกเยฟ (อันดับ 28 Asia 50)

ในวัยเพียงแค่ 24  ดาวยิงร่างโย่งก็ประสบความสำเร็จมากมายกับสโมสร ปัคตากอร์ ทีมยักษ์ใหญ๋ของ อุซเบกิสถาน เขาใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวและก็กลายเป็นตัวอันตรายในกรอบเขตโทษที่มีความสุขกับการไลถล่มประตูคู่แข่ง

3 ปีกับสโมสร เขามีสถิติการถล่มประตูที่ยอดเยี่ยม นั่นทำให้ถูกทีม ปักกิ่ง กั๋วอัน ยืมตัวไปเมื่อปี 2016 แต่ก็น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้จึงถูกส่งคืนมายังทีมเก่า

อย่างไรก็ตาม เซอร์เกเยฟ อายุยังน้อยเขายังมีโอกาสที่จะไปเสียงโชคที่ต่างแดนอีกครั้ง แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถยิงประตูได้มากมายในการเล่นระดับ เอเชีย ด้วยการยิง 8 ประตู จาก 12 นัดในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก

แม้ว่าจะยังยิงได้ไม่เยอะในการเล่นระดับทีมชาติ แต่เขาก็คอยสร้างปั่นป่วนให้กับแนวรับคู่แข่งอยู่เสมอซึ่งแน่นอนว่า หากว่า อุซเบกิสถาน ต้องการสตาร์สักคนขึ้นมาแบกทีม เซอร์เกเยฟ คือนักเตะคนนั้น

9 ธีรศิลป์ แดงดา (อันดับ 26 Asia 50)

จากผลงานกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทั้งในเรื่องความเป็นผู้นำและความกระหายในชัยชนะ ดาวยิงคนดังจากเมืองไทย ก็ได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในการแข่งขัน ซูซูกิ คัพ 2016

เขายิงได้ 6 ประตูและจบรายการด้วยการเป็นดาวซัลโว และพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 5 อย่างยิ่งใหญ่

ธีรศิลป์ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีดีกรีไปเล่นให้กับ อัลเมเรีย ในระดับ ลา ลีกา สเปน คือตัวเลือกแรกของสโมสรและทีมชาติไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมาในฐานะดาวยิงเบอร์หนึ่งของประเทศ

ดาวเตะวัย 28 ปี ยิงไป 11 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และสร้างประวัติศาสต์ด้วยการยิงทะลุ 100 ประตูกับสโมสรเดียว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าทึ่งอย่างมาก

นอกจากนี้เขายังเพิสูจน์ตัวเองในเวทีที่ใหญ่กว่ารายการ ซูซูกิ คัพ โดยยิงประตู ออสเตรเลีย ในเกมที่เสมอกัน 2-2 ที่สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน ช่วยให้ทีมชาติไทยเก็บคะแนนแรกในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2018 ได้สำเร็จ

ที่มา:  https://www.fourfourtwo.com/th/features/thiirsilptidoph-10-yddaawyingeechiiyydeyiiymaehng-asia-50-pii-2017#xHlpRDeVTpWEGKp7.99

ปลูกกล้วยยังไงให้รวย! ปลูกกล้วยก็รวยได้


จากกระแสความนิยมบริโภคกล้วย เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ในรอบ 2 ปีที่ผ่าน ทำให้ราคากล้วยสูงขึ้น ความต้องการของตลาดสูง ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ฯลฯ ขาดตลาด ผลผลิตออกไม่ทัน ขายกันจนรวย ด้วยกระแสที่มาแรง แซงทุกพืชเศรษฐกิจในเวลานี้…อิทธิกร จันทรน้อย(กุล) หนุ่มเจ้าของสวนชาวกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดีกรีปริญญาตรี เอกเกษตรกลวิธาร จากรั้วมหาวิยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบางพระ ไม่รอช้า คว้าโอกาส ถือคติลงมือทำก่อน ได้ก่อน เบิกพื้นที่กว่า 30 ไร่ ปลูกกล้วยน้ำว้า สายพันธุ์ปากช่อง 50 บนที่ราบสูง แห่งขุนเขา มวกเหล็ก สระบุรี

คุณกุล เล่าถึงการทำสวนกล้วยน้ำว้าให้ฟังว่า สวนกล้วยแห่งนี้ปลูกกล้วยน้ำว้า สายพันธุ์ปากช่อง 50 ทั้งหมด 30 ไร่ๆละ100 ต้น ไว้หน่อประมาณ 2หน่อต่อหลุม รวมประมาณ 6,000 กว่าต้น ในปีแรก ปีที่ 2 จะไว้หน่อหลุมละ 4-5  ต้นรอบทรงพุ่ม จะได้ต้นสมบูรณ์ 400 หน่อต่อไร่ รวมทั้งหมด กว่า 12,000 ต้น ส่วนหน่อที่เหลือจะขุดขายหน้าสวน หน่อละ 50 บาท ถ้าจัดส่งหน่อละ 60 บาท และไม่รวมค่าขนส่ง หน่อส่วนที่เกินต้องขุดออก เพื่อให้หน่อที่เลือกไว้สมบูรณ์ ไม่แย่งอาหารกัน จะทำให้ได้ต้นกล้วยที่สวย อุดมสมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมที่จะออกปลีกล้วยที่ใหญ่และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ผลใหญ่ เครือดกได้กล้วยเกรด A หลายหวีต่อเครือ

“กล้วยน้ำว้าปากช่อง50 เป็นกล้วยที่มีลำต้นใหญ่ แข็งแรง ให้จำนวนหวีเยอะ ถ้าเลี้ยงให้สมบูรณ์ดี จะให้หวีเกรด A มาก 10-14 หวี แต่ต้องเลี้ยงให้ถึงปุ๋ยถึงน้ำ ในสวนผม รอบแรกจะได้ ประมาณ 8-12 หวี ซึ่งถือว่าดีทีเดียวในสภาพที่กระทบแล้งมากๆ ในปีที่ผ่านมา รอบที่ 2 เราจะไว้หน่อหลุมละ 4-5 หน่อ ซึ่งจะเก็บหน่อที่สมบูรณ์ที่สุด และอยู่ด้านนอกกอ รอบๆหลุม หน่อที่เป็นส่วนเกิน ทั้งในกอและนอกกอจะขุดออกมาขายให้ลูกค้าที่สนใจ ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสวนเราจะตัดแต่งใบและขุดหน่อไปพร้อมๆกัน ประมาณเดือนละครั้ง หน่อมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ลูกค้าสนใจสั่งจองล่วงหน้ากันมากมาย”

“ส่วนผลกล้วย จะตัดขาย 2 แบบ คือแบบเหมาเครือ ราคาเครือละ 200 บาท และแบบตัดเป็นหวี ขายส่งหวีละ 25-30 บาท มีลูกค้ามารับประจำถึงสวน ส่วนกล้วยเกรดรองลงมา ตัดขายปลีกแผงหน้าบ้าน หวีละ 35-40 บาท ขายหมดทุกวัน ส่วนปลีกล้วยน้ำว้า หลังจากตัดออกจากเครือก็ขายได้ ส่งปลีละ 5-10 บาท กล้วย 1 ต้นขายได้ทุกส่วน ตลาดมีความต้องการสูง ผมมีพื้นที่ปลูก 30 ไร่ ในรอบแรกได้กล้วยประมาณ 5,000 เครือ ขายส่งเครือละ 200 บาท นับว่าเป็นรายได้ที่ดีทีเดียว” คุณกุล เล่าถึงผลประกอบการจากการปลูกกล้วยให้ฟัง ก่อนที่จะนำชมสวนและตะลุยดงกล้วย

ทำมาหลายอาชีพ จนมาเป็นเจ้าของสวนกล้วย

เจ้าของสวนย้อนอดีตให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาทำสวนกล้วยน้ำว้า ทำอาชีพอื่นมามากมายหลังจากเรียนจบ ก็เข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตำแหน่งนักวิชาการเคมีเกษตร ทำงานประมาณ  8 ปี ตอนนั้นมีรายได้ เดือนละเกือบ 1 แสนบาท แต่ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่กับเกษตรกร ที่ตนเองออกไปส่งเสริม เห็นความสำเร็จ เห็นรายได้ เห็นคนทำการเกษตรแล้วรวย จึงอยากรวยบ้าง อีกทั้งอยากจะมีอาชีพอิสระ สามารถควบคุมเวลาได้ด้วยตัวเอง อยู่กับบ้านใกล้ชิดครอบครัว จึงตัดสินใจลาออกจากงาน หันมาทำอาชีพเกษตรด้วยตัวเองอย่างเต็มตัว

งานแรกตั้งแต่ออกจากงาน ลงทุนปลูกมันสำปะหลัง 50 ใช้การจัดการได้นวัตกรรม ปีนั้นราคามันสำปะหลังดีมาก ตันละ 2,500 บาท 50 ไร่ ทำกำไรกว่า 400,000 บาท ปีที่ 2 ขยายพื้นที่ปลูกเช่าที่เพิ่มเป็น 200 ไร่ เจอภัยแล้ง เพลี้ยระบาดหนัก พื้นที่เยอะเกินกำลัง ดูแลไม่ทั่วถึง ขาดทุนไปเกือบล้านบาท

ต่อมาเลิกปลูกมันสำปะหลัง แต่ยังไม่ถอยสู้ต่อด้วยการทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 200 ไร่ ใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน ทั้งไถ ปลูก เอาหญ้า ฉีดยา ใช้เครื่องจักรทั้งหมด ทำงานคนเดียวก็สามารถทำได้ ในปีแรกประสบความสำเร็จ ข้าวโพดราคาดีมาก กก.ละ 10 บาท ได้กำไรหลายแสน จึงลงทุนต่ออีก 2-3 ปี จนกระทั่งปี 2555 ปรากฏว่าเจอปัญหาภัยแล้งอีก คราวนี้แล้งหนักกว่าเดิม ข้าวโพดไม่โต ไม่ติดฝัก ขาดทุนหนักถึงขั้นล้มละลาย แต่ก็ไม่ท้อขอสู้ต่ออีกสักยก กลับมาปลูกมันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยด ทั้งหมด 30ไร่ ได้ผลผลิตไร่ละกว่า 10 ตัน ดูเหมือนผลผลิตจะดี แต่พอหักลบกลบหนี้แล้ว ไม่คุ้มทุน เพราะปลูกมันสำปะหลังระบบน้ำหยด ต้นทุนสูงมาก จากนั้นจึงมองหาอาชีพใหม่ ใช้เวลาศึกษาข้อมูลให้มั่นใจแล้วสุดท้าย ได้คำตอบ ที่กล้วยน้ำว้า ปากช่อง50

ศึกษาเรื่องกล้วย…ลงตัวที่พันธุ์ปากช่อง 50

“ผมศึกษาเรื่องกล้วยมานานพอสมควร เนื่องจากอาชีพเกษตรอื่นๆทำให้ผมล้มไม่เป็นท่ามาแล้ว ผมมองว่ากล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50 ปลูกครั้งเดียว อยู่ได้ 4-5 ปี กล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจที่อยู่คู่ประเพณีวัฒนธรรม ของไทย มีงานมีเทศกาลทั้งปี และจะมีกล้วยเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารในงานบุญด้วย และเมื่อปี 2554 มีน้ำท่วมใหญ่ กล้วยตามเรือกสวน ไร่นาตายหมด ทำให้กล้วยราคาสูงมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ต่อมาก็เป็นกระแสคนรักสุขภาพ กล้วยเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ราคาดีหมด แถมยังมีความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย ผมจึงตัดสินใจลงทุนครั้งใหม่ด้วยกล้วยน้ำว้า ปากช่อง 50 บนพื้นที่ 30ไร่” คุณกุล เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำสวนกล้วย

คุณกุล เล่าอีกว่า ทำไมจึงเลือกปลูกกล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50 (จากผลงานวิจัยพัฒนาของ ม.เกษตรฯ) เพราะกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์นี้ มีข้อดีและจุดเด่นหลายอย่าง ลำต้นสูงใบใหญ่ หาอาหารเก่ง ทนแล้ง ต้นที่ไม่สมบูรณ์ก็สามารถให้หวีได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น หวีใหญ่ ผลใหญ่ ให้ผลต่อหวีมากถึงหวีละ 16-18 ผล  เครือใหญ่ ยาวให้ผลผลิตสูง ต้นที่เลี้ยงให้สมบูรณ์ดี ให้หวีเยอะเครือละ 12-14 หวี แต่ถ้าต้องการหวีที่สมบูรณ์สม่ำเสมอ ควรเหลือไว้ก่อนตัดปลี 8-12 หวีต่อเครือ ถ้าไว้หวีมากเกินไปผลจะเล็กลง ใบใหญ่ หนา เขียวเข้ม สังเคราะห์แสงได้ดี ปลูกครั้งเดียว สามารถไว้หน่อได้นานถึง 5 ปี 1 กอไว้ต้นที่สมบูรณ์ 5 ต้นต่อปี

เผยเทคนิคการปลูกตามแบบฉบับของสวน

สำหรับเทคนิคการปลูกกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 แบบฉบับสวน อินทรยา เจ้าของสวนแนะนำว่า 1 ไร่ ควรปลูก 100 ต้น หรือระยะห่างระหว่างต้น X  ระหว่างแถว 4X 4 เมตร เพราะต้นกล้วยปากช่อง 50 สมบูรณ์เต็มที่ สูงได้ถึง 4-5 เมตร ขุดหลุมขนาด 50X50 ซม. รองก้นหลุมด้วยขี้หมู ถ้าได้กากขี้หมูจากการหมักไบโอแก๊สแล้วยิ่งดี ใส่หลุมละ 1 กก. แล้วคลุกเคล้ากับหน้าดินปากหลุม อย่างละเท่าๆกัน ในกรณีไม่มีขี้หมูแนะนำให้ใช้ ขี้ไก่แกลบ หรือขี้ไก่อัดเม็ด ในอัตรา 1 กก.ต่อหลุมเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้ขี้วัว เพราะขี้วัวเป็นแหล่งกำเนิดหนอนกอ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของต้นกล้วย จากนั้นก็นำหน่อกล้วยที่เตรียมไว้ลงปลูก ฝังลึกเท่ากับคอหน่อ ที่ขุดมาจากกอ ไม่ควรฝังลึกมากจะทำให้ออกหน่อใหม่ช้าและอาจเน่าตายได้

การให้น้ำและปุ๋ย ในสวน อินทรยา ใช้ระบบน้ำแบบมินิสปริงเกอร์ เปิดวันละ 1 ชั่วโมงต่อต้น หรือดูตามความชื่น ถ้าเป็นฤดูฝน มีฝนตกก็ไม่ต้องเปิดน้ำ การใส่ปุ๋ยจะเริ่มใส่ครั้งแรกเมื่อกล้วยอายุได้ 1 เดือน ใช้ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 เดือนละครั้งๆละ1 ขีดหรือ 1 กำมือต่อต้น ติดต่อกันจนถึงเดือนที่ 8 ให้เปลี่ยนสูตรปุ๋ย เป็นสูตร 8-24-24 เดือนละ 1 ครั้งๆละ 1 ขีดหรือ 1 กำมือต่อต้น จนกว่าจะเก็บเกี่ยว กล้วยน้ำว้าปากช่อง50 จะออกปลีเมื่ออายุได้ 8-9 เดือน หรือให้นับใบที่ 35 จะเริ่มออกปลี หลังจากออกปลีและไว้หวีพอแล้ว ตัดปลีออก นับไปอีก 120 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้

การดูแลรักษาแปลงปลูก ควรจะมีการทำรุ่นหรือปราบวัชพืช เมื่อต้นกล้วยยังเล็ก จะใช้วิธีการดายหญ้า ตัดหญ้า หรือฉีดยา ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของสวน ควรจะมีการพูนโคนเมื่อกล้วยอายุได้ 8 เดือน ด้วยการถากหน้าดินรอบโคนต้น หรือสุมโคนด้วย การผสม แกลบดิบ-แกลบดำ-ขี้ไก่แกลบ อย่างละเท่าๆกัน อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ควรตัดแต่งใบ ที่หักเสียหาย ใบโคน ออกเป็นประจำ แต่ต้องเหลือใบให้กล้วยก่อนออกปลีไม่น้อยกว่า 8-10 ใบ เพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสงและปรุงอาหารให้กับกล้วยมากที่สุด จะทำให้ปลีกล้วยสมบูรณ์ และผลที่มีคุณภาพ ตามมาอีกด้วย ต้องมีการฉีดยาป้องกัน หนอนมวนใบ แมลงและเพลี้ยต่างๆอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 1 ครั้ง ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อรา+คาร์เบนดาซิม+แมนโคเซป เดือนละ 1 ครั้ง ฉีดพ่นฮอร์โมน+อาหารเสริม พร้อมกับสารกันเชื้อรา จะช่วยบำรุงและป้องกันโรคและแมลงศัตรูของกล้วยได้

คำแนะนำที่ไม่กล้วยๆ…

แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ปลูกง่ายแต่ก็มีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง ซึ่งจะต้องเข้าใจและป้องกันให้ดี คุณกุลมีคำแนะนำ ว่า กล้วยน้ำว้าปากช่อง50 เป็นพืชที่ไม่ชอบอากาศหนาว ช่วงฤดูหนาวจะชะงักการเจริญเติบโต แต่มีวิธีแก้ไขด้วยการให้น้ำเยอะกว่าปกติ ฉีดพ่นแร่ธาตุ สังกะสี ที่อยู่ในรูปของคีเลต จะช่วยได้ ภาวะภัยแล้ง กล้วยจะไม่ชอบแล้งมากๆ แม่จะไม่ตายแต่ก็ไม่โต ชะงักการเจริญเติบโต วิธีแก้ให้น้ำเยอะๆ ลม ก็เป็นปัญหาจะทำให้ใบกล้วย แตก ฉีกขาด เสียหาย ทำให้การสังเคราะห์แสงและปรุงอาหารได้ไม่สมบูรณ์ โรคและแมลง ที่สำคัญ เช่น กล้วยตายพราย เป็นแล้วแก้ยาก ต้องหาพันธุ์ที่ปลอดโรค จากแหล่งที่เชื่อถือได้ แมลงที่สำคัญที่สุดคือหนอนกอ ซึ่งเกิดจากด้วงงวงช้าง และมีแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีคือขี้วัว โรค ที่สำคัญคือโรคใบเหลือง ซึ่งเกิดจากเชื้อรา และมากับลม การป้องกันสามารถทำได้โดยฉีดยาป้องกันเชื้อรา จะใช้ยาเคมี หรือชีวภาพกลุ่มไตรโคเดอร์มา ก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าโรคหรือแมลง ให้ป้องกันดีกว่ารักษาหรือแก้ อาจจะไม่ทันการณ์ ทำให้เกิดความเสียหายได้

สนใจการปลูกกล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอิทธิกร จันทะน้อย โทร 08-7879-4179…รับรองว่าจะมีคำแนะนำดีๆแถมให้ด้วยครับ

(เรื่อง/ภาพ : มนตรี ตรีชารี นิตยสารเกษตรโฟกัส)https://goo.gl/F11C37 เรียบเรียงโดย DPSNews

20 อนิเมะและมังงะยอดนิยมจากชาว Tumblr


อนิเมะและมังงะของประเทศญี่ปุ่นนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศญี่ปุ่นหรือแถบเอเชียเท่านั้น เว็บไซต์ Tumblr Fandometrics ประจำสัปดาห์นี้ก็ได้เปิดให้เหล่าผู้ใช้งานซึ่งมีหลากหลายจากทุกมุมโลกได้เข้าร่วมโหวตหาอนิเมะและมังงะที่พวกเขาชื่นชอบมากที่สุด โดยเรื่องที่ได้คะแนนสูงสุด 20 อันดับแรกมีดังนี้

20. Hagane no Renkinjutsushi แขนกลคนแปรธาตุ

19. Hetalia พลังอักษะ เฮตาเลีย

18. Yu-Gi-Oh! เกมกลคนอัจฉริยะ

17. Mob Psycho 100 คนพลังจิต

16. Free!

15. One Piece วันพีซ

14. Kuroshitsuji คนลึกไขปริศนาลับ

13. Bungou Stray Dogs คณะประพันธกรจรจัด

12. Sailor Moon เซเลอร์มูน

11. Little Witch Academia

อันดับ 10 เป็นต้นไปมีดังนี้

10. Danganronpa

9. Boruto: Naruto Next Generation

8. Tokyo Ghoul

7. Jojo no Kimyou na Bouken โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ

6. My Hero Academia

5. Fairy Tail แฟรี่เทล ศึกจอมเวทอภินิหาร

4. Haikyuu!! ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน

3. Killing Stalking

2. Shingeki no Kyojin ผ่าพิภพไททัน

1. Yuri!!! on ICE

ที่มาhttp://anitime.in.th/news/anime-manga-ranking-tumblr-famdometrics/

อ่านเลย! วิธีปลูกทุเรียนยังไง! ให้ต้นโตเร็วเเละออกลูกดก


วิธีปลูกทุเรียน ปลูกยังไง! ให้ต้นโตเร็วเเละออกลูกดก

สภาพดิน ควรเป็นดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวปนทรายที่มีการระบายน้ำได้ดี และมีหน้าดินลึก เพราะทุเรียนเป็นพืชที่อ่อนแอต่อสภาพน้ำขัง และความเป็นกรดด่างของดินอยู่ระหว่าง 5.5 ถึง 6.5 หากจำเป็นต้องปลูกทุเรียนในสภาพดินทราย จำเป็นจะต้องนำหน้าดินจากแหล่งอื่นมาเสริม ต้องใส่ปุ๋ยคอกรวมถึงต้องมีการดูแลเรื่องการให้น้ำมากเป็นพิเศษ และแหล่งน้ำต้องเพียงพอด้วย ต้องมีแหล่งน้ำจืดให้ต้นทุเรียนได้เพียงพอตลอดทั้งปี ต้นกล้าที่นำมาปลูกควรอายุ 1 ขึ้นไป

การเตรียมพื้นที่ ต้องปรับพื้นที่ก่อนที่จะกำหนดผังปลูกและติดตั้งระบบน้ำ โดยปรับพื้นที่ให้ราบไม่ให้มีแอ่งที่น้ำท่วมขังได้ และถ้าเป็นไปได้ควรปรับเป็นเนินลูกฟูกเพื่อปลูกทุเรียนบนสันเนิน ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถวด้านละ 9 เมตร ปลูกได้ไร่ละ 20 ต้น หรือ 8 ถึง 10 X 8 ถึง10 เมตร ปลูกทุเรียนได้ประมาณ 16 ถึง 25 ต้นต่อไร่ และการทำสวนขนาดใหญ่ ควรขยายระยะระหว่างแถวให้กว้างขึ้นเพื่อสะดวกต่อการนำเครื่องจักรกลต่างๆ ไปทำงานในระหว่างแถว นอกจากนี้ในการวางแนวกำหนดแถวปลูก จะต้องคำนึงถึงแนวปลูกขวางความลาดเทของพื้นที่ หรืออาจกำหนดในแนวตั้งฉากกับถนน หรือกำหนดแถวปลูกไปในแนวทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก และถ้ามีการจัดวางระบบน้ำจะต้องพิจารณาแนวทางจัดวางท่อในสวนด้วย จากนั้นจึงปักไม้ตามระยะที่กำหนดเพื่อขุดหลุมปลูกต่อไป

วิธีการปลูก

การปลูกทุเรียนสามารถทำได้ทั้งการขุดหลุมปลูก ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ที่ค่อนข้างแล้งและยังไม่มีการวางระบบน้ำไว้ก่อนปลูก ซึ่งวิธีนี้ดินในหลุมจะช่วยเก็บความชื้นได้ดีขึ้น แต่หากมีฝนตกชุก มีน้ำขังจะทำให้รากเน่าและต้นทุเรียนตายได้ง่าย ส่วนการปลูกโดยไม่ต้องขุดหลุม (ปลูกแบบนั่งแท่นหรือยกโคก) เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก วิธีนี้ทำให้มีการระบายน้ำดี น้ำไม่ขังบริเวณโคนต้น แต่ต้องวางระบบน้ำให้ดีก่อนปลูก ซึ่งต้นทุเรียนจะเจริญเติบโตเร็วกว่าการขุดหลุม ทั้งนี้จุดเน้นที่สำคัญ คือ ควรใช้ต้นกล้าที่มีขนาดเล็ก มีระบบรากดี ไม่ขดงอ แต่หากจะปลูกด้วยต้นกล้าขนาดใหญ่ควรตัดแต่งรากที่ขดงอทั้งที่ก้นถุงและด้านข้าง รวมทั้งควรมีการพรางแสงให้กับต้นทุเรียนที่ปลูกใหม่ด้วยตาข่ายพรางแสงหรือ(ทาง) ใบมะพร้าว หรือปลูกไม้ที่ให้ร่มเงา เช่น กล้วย เป็นต้น

ฤดูปลูก
หากมีการจัดระบบการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลให้น้ำกับต้นทุเรียนได้สม่ำเสมอช่วงหลังปลูก และควรปลูกตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน แต่ถ้าหากจัดระบบน้ำไม่ทันหรือยังไม่อาจดูแลเรื่องน้ำได้ ควรจะปลูกในช่วงต้นฤดูฝน

การให้น้ำ
การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง

การตัดแต่งกิ่ง
เริ่มตัดแต่งกิ่งหลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 ถึง 1.5 ปี เพื่อให้ต้นทุเรียนมีโครงสร้างและทรงพุ่มที่ดี และการตัดแต่งกิ่งจะต้องเว้นลำต้นเดี่ยว และเว้นกิ่งประธานกิ่งแรกสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร และไว้กิ่งให้เรียงเป็นระเบียบ เหมาะแก่การไว้ผลและไม่บดบังแสงแดดซึ่งกันและกัน และจะต้องควบคุมความสูงของลำต้นไว้ที่ประมาณ 7 เมตร

การใส่ปุ๋ย
ในปีแรกหลังปลูก ควรใส่ปุ๋ยและทำโคน จำนวน 4 ครั้ง (การทำโคน หมายถึง การกำจัดวัชพืชใต้ทรงพุ่ม ถากดินรอบนอกทรงพุ่มมาพูนกลบใต้ทรงพุ่มในลักษณะลาดเอียงจากต้นพันธุ์ออกไปโดยรอบ และหลีกเลี่ยงการถากดินบริเวณโคนต้นเพราะระบบรากทุเรียนที่อยู่ค่อนข้างตื้นใกล้ผิวดินจะได้รับอันตราย และชะงักการเจริญเติบโต หรือทำให้โรครากเน่าโคนเน่าเข้าทำลายได้ง่ายขึ้น) โดยควรใส่ปุ๋ยและทำโคนครั้งที่ 1 หลังจากปลูกแล้วประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นก็ทำต่อเนื่องกันจนถึงสิ้นปี และควรใส่ปุ๋ยและทำโคนเดือนเว้นเดือน

โดยในแต่ละครั้งควรใส่ปุ๋ยในปริมาณ ดังนี้ ครั้งที่ 1 ถึง 3 ใส่ปุ๋ยคอก จำนวน 5 กิโลกรัมต่อต้น
ครั้งที่ 4 ใส่ปุ๋ยคอก 5 กิโลกรัมต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 150-200 กรัมต่อต้น ปีต่อๆ ไป (ระยะที่ต้นทุเรียนยังไม่ให้ผลผลิต) ควรใส่ปุ๋ยและทำโคนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ในช่วงต้นฤดูฝนและหลังฤดูฝน โดยควรใส่ปุ๋ยในปริมาณ ดังนี้

ปุ๋ยคอก อัตราเป็นบุ้งกี๋ต่อต้นต่อปี เท่ากับ 2 เท่าของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) แบ่งใส่ 2 ครั้งต่อปี ยกตัวอย่าง เช่น ต้นทุเรียนมีเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 3 เมตร ควรใส่ปุ๋ยคอกปีละ 6 บุ้งกี๋ หรือ 13.5 กิโลกรัม แบ่งใส่ 2 ครั้ง (2.25 กิโลกรัม = 1 บุ้งกี๋)

ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตราเป็นกิโลกรัมต่อต้นต่อปี เท่ากับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม (เมตร) แบ่งใส่ 2 ถึง 4 ครั้งต่อปี ยกตัวอย่าง เช่น ต้นทุเรียนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ทรงพุ่ม 3 เมตร ควรใส่ปุ๋ยเคมีปีละ 3 กิโลกรัม แบ่งใส่ 2 ถึง 4 ครั้งต่อปี

การตัดแต่งดอก
ทำการตัดแต่งดอกหลังจากออกดอก 5 สัปดาห์ ควรตัดแต่งช่อดอกบนกิ่งขนาดเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลางกิ่งน้อยกว่า 2 เซนติเมตร) หรือดอกที่อยู่ปลายกิ่งทิ้งให้เหลือเฉพาะดอกรุ่นเดียวกันในกิ่งเดียวกัน ให้มีจำนวนช่อดอกประมาณ 3 ถึง 6 ช่อดอกต่อความยาวกิ่ง 1 เมตร แต่ละช่อดอกห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร

การตัดแต่งผล
ครั้งที่ 1 เมื่อผลอายุ 4 ถึง 5 สัปดาห์หลังดอกบาน ตัดแต่งผลที่มีขนาดเล็ก รูปทรงบิดเบี้ยว และไม่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการออก เหลือผลไว้ประมาณ 2 ถึง 3 เท่าของจำนวนผลที่ต้องการไว้จริง ครั้งที่ 2 เมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์หลังดอกบาน ระยะนี้ผลที่ปกติจะมีการขยายตัวด้านยาว สีผิวเขียวสดใส หนามมีขนาดปกติเรียวเล็ก ถ้าตรวจพบผลที่มีพัฒนาการผิดปกติ มีขนาดเล็ก หนามแดง หรือมีโรคแมลงเข้าทำลาย ให้ตัดทิ้ง (กรมวิชาการเกษตร)

การดูแลในช่วงติดผลแล้ว มีนาคม- เมษายน

1. ตัดแต่งผลครั้งที่ 1 หลังดอกบาน 3-4 สัปดาห์ ตัดแต่งผลที่มีรูปทรง บิดเบี้ยว ผลขนาดเล็กหรือผลต่างรุ่น ผลที่อยู่ใน ตำแหน่งไม่เหมาะสม เช่น ปลายกิ่ง ด้านข้างของ กิ่ง และผลที่ติดเป็นกระจุกใหญ่ ๆ ออกเหลือผล ที่ดีไว้มากกว่าที่ต้องการจริง 50 %ครั้งที่ 2 หลังดอกบาน 6-8 สัปดาห์ ตัดผลที่มีขนาดเล็กกว่า ผลอื่นในรุ่นเดียวกัน ผลบิดเบี้ยว ผลที่มีอาการ หนามแดงครั้งที่ 3 ตัดแต่งครั้งสุดท้ายตัดผลขนาดเล็ก ผลบิดเบี้ยว ผลก้นจีบออก จะเหลือผลที่มีขนาดและรูปทรง สม่ำเสมอ ในปริมาณเท่ากับที่ต้องการจริง เมื่อตัดแต่งผลครั้งสุดท้ายเสร็จ ควรโยงกิ่งหรือใช้ไม้ไผ่ค้ำ เพื่อป้องกันกิ่ง หักจากน้ำหนักผลที่มากขึ้น ป้องกันผลร่วงในพื้นที่มีลมแรง

2. การใส่ปุ๋ย หลังจากติดผลแล้ว 5-6 สัปดาห์ ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเร่งการเจริญของผล เพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อ ถ้าต้นทุเรียนขาดความสมบูรณ์ ใบเล็ก ใบซีด ไม่เขียวเข้ม ควรให้ปุ๋ยทางใบเสริมในช่วงสัปดาห์ที่ 5-10 หลังดอกบาน เพื่อช่วยให้ผลทุเรียนเจริญดีขึ้น

3. การควบคุมไม่ให้ทุเรียนแตกใบอ่อนถ้าทุเรียนแตกใบอ่อนในช่วงติดผล ใบอ่อนและผทุเรียน จะแย่งอาหารกันและเกิดผลเสีย ผลอ่อนร่วง รูปทรงลูกบิดเบี้ยว เนื้อคุณภาพ ด้อยเป็นเต่าเผา เนื้อแกน ถ้าพบว่าทุเรียนจะแตกใบอ่อน โดยสังเกตเห็นเยื่อหุ้มตา เริ่มเจริญหรือเรียกระยะหางปลา

4. การรดน้ำ ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ ตลอดช่วงที่กำลังติดผล 5. จดบันทึกวันดอกบาน ของแต่ละรุ่น แต่ละต้นไว้ พร้อมกับทำเครื่องหมายไว้โดยใช้เชือกสีที่แตกต่างกันในการค้ำกิ่งที่ติดผล แต่ละรุ่นเพื่อความสะดวกในการเก็บเกี่ยว

5. การป้องกันกำจัดโรคแมลง ตรวจสอบและป้องกันกำจัด โรคผลเน่า หนอนเจาะผล ทุเรียน ไรแดง เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยหอย

6. การป้องกันหนูหรือกระรอก เข้าทำลายกัดกินทุเรียน ถ้าสวนมีสัตว์รบกวนควรหาวิธีป้องกันดังนี้
– ทำความสะอาดเก็บ สิ่งของที่รกร้างกิ่งไม้รอบสวน เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัย ของหนูกระรอก
– ตัดกิ่งไม้บริเวณรอบต้นทุเรียนของต้นไม้อื่นๆเพื่อตัดเส้นทางหนูได้
– นำสังกะสีแผ่นเรียบกว้าง 30 เซนติเมตร ยาวตามขนาดของต้นพันรอบโค่นต้นทุเรียน เป็นการป้องได้เฉพาะหนู
– การป้องอีกวิธีหนึ่งคือการห่อ ให้ใช้ถุงพลาสติกใส่ขนาด 40×60 เซนติเมตร ตัดก้น ถุงและตัดข้างยาว 30 เซนติเมตร นำมาห่อทุเรียน ควรห่อให้คลุมตั้งแต่กิ่งที่ลูกทุเรียน นั้นติดอยู่ปล่อยชายถุงให้อากาศถ่ายเท่ได้สะดวก ป้องกันได้ทั้งหนู กระรอก นก
ขอบคุณข้อมูลจาก : farmlandthai เรียบเรียงโดย DPSNews

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน”บิ๊กบี้” ลั่น!! ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท


เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2560 -นายสุทธิ สุโกศล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าวสาร กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเล โดยได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานจัดประชุมผู้ประกอบการประมงจังหวัด 11 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา ตรัง ตราด สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระนอง สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ปัตตานี กระบี่ นายกสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายตามข้อเสนอแนะของสหภาพยุโรป บรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในมาตรการระยะสั้นอย่างเร่งด่วน    พร้อมทั้งรับทราบสภาพการจ้าง อัตราค่าจ้าง สวัสดิการต่าง ๆ สัญญาจ้าง เป็นต้น

        ในเบื้องต้น ที่ประชุมมีข้อเสนอเกี่ยวกับค่าตอบแทน โดยให้จ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 12,000 บาท พร้อมจัดสวัสดิการ จัดที่พัก และอาหารให้แก่แรงงาน รวมทั้งรับผิดชอบในการรักษาพยาบาล โดยจัดทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังเสนอให้คณะกรรมการค่าจ้างปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราวันละไม่น้อยกว่า 400 บาทอีกด้วย

          นายสุทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้ประกอบการพร้อมให้การสนับสนุนนโยบายนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบ G TO G ซึ่งในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นั้น กระทรวงแรงงานจะนำข้อเสนอเข้าคณะอนุกรรมการค่าจ้างต่อไป

          รายงานข่าวแจ้งว่า คณะอนุกรรมการค่าจ้าง  ที่มีหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ  ปลัดกระทรวงแรงงาน  เป็นประธานจะมีการนำข้อเสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท เข้าที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้

ขอบคุณที่มาคมชัดลึก เรียบเรียงโดยDPSNews