ลูกจ้างเฮ! ราชกิจจาประกาศค่าจ้างมาตรฐาน12อาชีพ ได้รับเงิน600บาทต่อวัน มาดูกันว่ามีอาชีพอะไรบ้าง!


เมื่อได้มีประกาศจากคณะกรรมการค่าจ้าง ในเรื่องของเงินตอบแทนที่ลูกจ้างควรจะได้รับใน 12 กลุ่มอาชีพ ซึ่งเมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ 6) ที่ลงนามโดยหม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการค่าจ้าง ระบุว่า ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 19 ได้มีการประชุมศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับตามมาตรฐานฝีมือ และมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559ให้กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ รวม 12 สาขาอาชีพ โดยใช้มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นเกณฑ์วัดค่าทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 79(4) และมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2551 คณะกรรมการค่าจ้างจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ข้อ 2 ในประกาศนี้ “มาตรฐานฝีมือ” หมายความว่า มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน

ข้อ 3 อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในแต่ละสาขาอาชีพและในแต่ละระดับ ให้เป็นดังนี้
(1) สาขาอาชีพช่างเทคนิคเขียนแบบเครื่องกล ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยหกสิบบาทและระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยห้าสิบบาท
(2) สาขาอาชีพช่างเชื่อมทิกสำหรับอุตสาหกรรมจักรกลและโลหะการ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละหกร้อยบาท

(3) สาขาอาชีพช่างเทคนิคระบบส่งกำลัง ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบบาทและระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยสี่สิบบาท

(4) สาขาอาชีพช่างเทคนิคระบบไฮโดรลิก ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยหกสิบบาทและระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยห้าสิบบาท
(5) สาขาอาชีพช่างเชื่อมระบบท่อในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยแปดสิบห้าบาท



(6) สาขาอาชีพช่างเทคนิคเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเจ็ดสิบบาท
(7) สาขาอาชีพช่างเทคนิคห้องเย็นขนาดเล็ก ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบห้าบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยเจ็ดสิบบาท
(8) สาขาอาชีพพนักงานประกอบเครื่องปรับอากาศ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยเจ็ดสิบบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบห้าบาทหน้า ๑๓
(9) สาขาอาชีพช่างเทคนิคเครื่องกัดอัตโนมัติ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบบาทและระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยสี่สิบบาท
(10) สาขาอาชีพช่างเทคนิคเครื่องอีดีเอ็ม ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสามสิบบาทและระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยสิบห้าบาท
(11) สาขาอาชีพช่างเทคนิคเครื่องไวร์คัทอีดีเอ็ม ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยสามสิบบาท และระดับ 2 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละห้าร้อยสิบห้าบาท
(12) สาขาอาชีพช่างขัดเงาแม่พิมพ์ ระดับ 1 เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสามร้อยแปดสิบบาทและระดับ ๒ เป็นเงินไม่น้อยกว่าวันละสี่ร้อยห้าสิบห้าบาท



ข้อ 4 เพื่อประโยชน์ตามข้อ 3(1) ถึง (12) คำว่า “วัน” หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้าง
ข้อ 5 นายจ้างที่ให้ลูกจ้างทำงานในตำแหน่งงานหรือลักษณะงานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานฝีมือในสาขาอาชีพและระดับใด ไม่ว่าจะครอบคลุมมาตรฐานฝีมือนั้นทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดก็ตาม ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือในสาขาอาชีพและระดับนั้น
ข้อ 6 ภายใต้บังคับข้อ 5 ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือในสาขาอาชีพและระดับใด ไม่ว่าก่อนหรือหลังประกาศนี้มีผลใช้บังคับ หากประสงค์จะใช้สิทธิให้ยื่นหนังสือรับรองว่าเป็น
ผู้ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือในสาขาอาชีพและระดับนั้นแก่นายจ้างโดยเร็วเมื่อนายจ้างได้รับหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้จ่ายค่าจ้างตามอัตราในประกาศนี้ให้แก่ลูกจ้างนับแต่วันที่ได้หนังสือรับรองเป็นต้นไป

นับว่าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจที่มีผลต่อความเป็นอยู่และกำลังใจในการทำงานของคนใช้แรงงานเลยทีเดียว

ขอบคุณที่มา kwamsukz.com

ชาวบ้านแห่ซื้อทุเรียนหมอนทองเกรดA โลละ65 ลูกโตเนื้อเเน่น อิ่มกันไปทั่วหน้า

หลังจากกระเเสคนเเห่ปลูกทุเรียนกันเเล้ว วันนี้ทางข่าวDPS News จะมานำเสนอเกี่ยวกับทุเรียน ที่มีราคาสดจากต้น เนื้อเเน่น หอมหวาน โดยทางเฟสบุ๊คชื่อWichien Ruamglang ได้โพสในเฟสบุ๊คประกาศขายทุเรียนหมอนทอง เกรดA โลละ 65 บาท โดยโพสนี้ต่างได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างสนใจจะสั่งซื้อ เพราะเห็นลูกที่โต เนื้อที่เเน่นเห็นเเล้วอดใจไม่ไหว ต่างคนต่างสั่งจับจอง

โดยพิกัดสวนทุเรียน อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี แถวโป่งน้ำร้อน หรือใครสนใจติดต่อที่เบอร์ 0879407323 หรือเฟสบุ๊คWichien Ruamglang มาดูความคิดเห็นชาวเน็ตกัน

ขอบคุณรูปภาพจากเฟสบุ๊ค Wichien Ruamglang

ปีนี้ฟ้าฝนเป็นใจ! ชาวบ้านเเห่ซ่อนฮวกขาย สร้างรายได้หลายพันบาทต่อวัน

ในปีนี้ประเทศไทยทางภาคอีสาน เหมือนฟ้าฝนจะตกตามฤดูกาล ซึ่งไม่ได้เห็นบรรยากาศเเบบนี้มานานตามท้องทุ่งเต็มไปด้วยน้ำ เหมาะสำหรับทำนาหว่านข้าว โดยชาวบ้านทางภาคอีสานฉุดโอกาศให้เป็นเงิน ช่วงนี้เป็นช่วงฮวก(ลูกอ็อด)กำลังเยอะ ชาวบ้านต่างพากันไปซ่อนฮวก(ลูกอ๊อด)มาไว้รับระทาน เเละยังได้เอาไปขาย สร้างรายได้หลายบาทต่อวันเลยทีเดียว เช่นพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด พากันมาหาซ่อนฮวกกันหลายคน ทุกคนได้ฮวกกลับไปกินไปขายกันเยอะเลยทีเดียว ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว ได้เห็นบรรยากาศเเบบนี้เเล้ว ก็รู้สึกชื่นใจ เหมือนได้ย้อนเวลาไปสมัยเด็กอีกครั้ง

 

ฮวกที่ได้มา มีเเต่ตัวใหญ่ๆ อุดมสมบูรณ์ของฟ้าฝนปีนี้ ทำให้กบวางไข่ ตามฤดูกาล ซึ่งไม่ได้เห็นบรรยากาศเเบบนี้มานานมาก

 

ชาวบ้านนำไปขาย ไปกิน สร้างรายได้หลายพันบาทเลยทีเดียว เเถวบ้านใครมีลองไปหาดูนะครับ

พี่น้องชาวกาฬสินธุ์ เปลี่ยนไร่มันสําปะหลัง เป็น”สวนทุเรียนหมอนทอง”

พี่น้องชาวกาฬสินธุ์ เปลี่ยนไร่มันสําปะหลัง มาเป็น”สวนทุเรียนหมอนทอง” ซึ่งทางเฟสบุ๊คอนุชา สิงหะดี ได้ระบุข้อความว่า ” เกษตรกรชาวกาฬสินธุ์ ลุยเดินหน้าสู่ “เกษตรมั่งคั่ง” เปลี่ยนไร่มันราคาตกต่ำ เป็น “สวนทุเรียนหมอนทอง” พร้อมตั้งเป้าเปิดจังหวัดท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างครบวงจร ในอนาคตอันใกล้นี้!

ผมอนุชา สิงหะดี ประธานเครือข่ายคนรุ่นใหม่พัฒนากาฬสินธุ์(คมพ.กส.) ได้รับเกียรติอย่างสูงจากคุณครูสวาสดิ์ ศรีโยธี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์  มีโอกาสได้ลงพื้นที่ เยี่ยมชม “สวนทุเรียนหมอนทอง” ของครูสวาสดิ์ ในพื้นที่บ้านภูเงิน ตำบลห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ ปลูกอยู่บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่

ครูสวาสดิ์ท่านเล่าให้ผมฟังว่า “ปลูกมันสำปะหลังกะขาดทุน ปลูกอ้อยก็แทบไม่มีกำไร่” ไม่รู้จะเอาพืชนิดไหนมาปลูก จึงจะไม่ขาดทุน เงินเดือนครูเอามาลงไร่ ลงสวนนี้กะบ่แมนหน่อย แต่พอเก็บผลผลิตไปขาย “หากำไร่ก็ไม่มี” ยิ่งทำยิ่งขาดทุน ค่าแรงก็แพง ค่าเครื่องจักรก็แพง ค่าปุ๋ยยิ่งแพง ฯลฯ (ไม่ไหวที่จะทำต่อไป)

จึงหันทา (ทดลอง) “ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง” โดยสั่งซื้อต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทอง แบบคัดพิเศษ มาจากจังหวัดจันทรบุรี ซึ่งพึ่งลงแปลงปลูกได้ไม่นานนี่เองครับ และเมื่อดูจากลักษณะของการเจริญเติบโตของต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกนั้น ถือว่า “เป็นที่น่าพอใจ” ครับ กล่าวคือ มีการแตกยอดอ่อน อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งครูสวาสดิ์เอง พร้อมที่จะร่วมกับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ คนอื่นๆ คิดค้น ทดลองหาวิธีการปลูกและดูแลรักษาทุเรียนที่ปลูกใหม่ให้เจริญเติบโต สามารถออกดอกและให้ผลได้เหมือนกับสวนทุเรียนของพ่อหำ (สุดใจ บุตรพรม) ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียลอยู่ในขณะนี้ครับ”

ซึ่งทาง”ลุงหำ”(ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียล) ได้ทดลองทำการปลูกทุเรียน20-30ต้น “ลุงหำ”เองมีญาติที่ทำสวนทุเรียนอยู่จังหวัดจันทรบุรี ปลูกไว้หลายร้อยไร่ ลุงเลยนำเอาต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทองกลับมาปลูกที่ อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์

เริ่มแรกปลูกทดลอง ประมาณ 30-40 ต้น รอดเเละเจรฺญเติบโตมาได้ประมาณสักเกือบๆ 20 ต้น  ทุเรียนที่ลุงหำปลูกนั้น อายุการปลูกประมาณปีที่ 3 จะเข้าปีที่ 4 ก็ออกดอกออกผล เเต่ตอนนั้นผลออกไม่เยอะไม่ถึง10ลูกด้วยซ้ำ ตอนให้ผลผลิตในช่วงแรกๆนั้น ก็ไปได้เหมือนกำลังไปได้ดี เก็บผลผลิตเอาใส่เต็มกระบะรถปิ๊กอัพ ไปแจกพี่น้องทางอีสานใต้ เป็นคันรถในแต่ละปี และพอประมาณสัก 2-3 ปี สวนทุเรียน เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ก็เริ่มมี “พ่อค้าขายปุ๋ย” สูตรต่างๆ สารพัดสูตร ทั้งปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยใบ ปุ๋ยราก ปุ๋ยผล ปุ๋ยลำต้น ปุ๋ยดอก ฯลฯ เอาปุ๋ยมาให้ทดลอง พ่อค้าปุ๋ยเจ้าไหนมากะว่า “อันนี่ดีสุดยอด” รับประกัน และให้ทดลองฟรี! เจ้านั้นมากะขอร้องแกมบังคับให้ลองปุ๋ย เจ้านี่มากะขอให้ลองปุ๋ย ล่าสุดตอนนี้ทุเรียนหมอนทอง กำลังสวย ออกหมากออกผลดกๆเกือบ 20 ต้น ให้ผลต่อปีต้นละเกือบ 60-70

ยังไงก็เเล้วเเต่ตอนนี้ถือว่าจังหวัดของภาคอีสาน เริ่มให้ความสนใจในการปลูกทุเรียนกันเยอะขึ้น หวังสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้อยชาวอีสาน เเละเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจประเทศให้เจริญเติมโตต่อไปอีกด้วย

ขอขอบคุณข่าวสารจาก
นายอนุชา สิงหะดี
ประธานเครือข่ายคนรุ่นใหม่พัฒนากาฬสินธุ์(คมพ.กส.) และคณะ

อดีตอนุกรรมาธิการการมีสาวนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์

ดูไว้! ปลูกทุเรียนที่ภาคอีสาน ปลูกยังไงให้ออกหมากออกผล

หลังจากข่าวคนอิสานหันมาปลูกทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก วันนี้ทางDPS News จะมานำเสนอวิธีการปลูกทุเรียนี่ภาคอีสาน ที่มีสภาพอากาศค่อนข้างร้อน เเต่สามารถปลูกทุเรียนให้ออกหมากออกผลผลิตได้ จึงพามาดูวิธีในการปลูกทุเรียนในภาคอีสานกัน เป็นความรู้ไม่น้อยไม่เเน่อาจสามารถสร้างธุรกิจใหม่ให้คนอีสานเราได้

ทุเรียนเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ชอบอากาศร้อนชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 25 – 30 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์สูงประมาณ 75 -85 % ดินที่เหมาะสมควรระบายน้ำดีและมีสภาพความเป็นกรดเป็นด่าง (ค่า pH) ประมาณ 5.5 – 6.5 และที่สำคัญควรเลือกแหล่งปลูกที่มีน้ำเพียงพอตลอดช่วงหน้าแล้ง ทุเรียนจะให้ผลผลิตหลังการปลูก 5 – 6 ปี ช่วงอายุที่ให้ผลผลิตสูงประมาณ 10 ปีขึ้นไป ผลผลิตประมาณ 80 – 110 ผล/ต้น หรือประมาณ 240 -320 กก./ตัน/ปี (คิดน้ำหนักเฉลี่ยผลละ 3 กก.)

วิธีการปลูกทุเรียน การเตรียมดิน

1. เตรียมต้นทุเรียนให้พร้อม ต้นทุเรียนที่พร้อมคือ ต้นทุเรียนที่ผ่านการเจริญเติบโตทางกิ่งก้านสาขาโดยมีการแตกใบอ่อนมาแล้วอย่างน้อย 1 ชุด
2. ดินที่ปลูกอย่าให้เป็นดินน้ำท้วมหรือน้ำขัง ควรเป็นที่สำหรับทำไร่ ไม่ควรเป็นที่ลุ่มเช่นนาข้าว

3. ปลูกใหม่ควรมีสะแลนบังแดด ไม่ควรปล่อยให้ทุเรียนปลูกใหม่ โดดแดดโดนตรง

4. การให้น้ำ ทุเรียนไม่ชอบน้ำมาก แต่ก็ขาดน้ำไม่ได้

5. สำคัญที่สุดคือ การเลือกต้นพันธุ์มาปลูก ถ้าให้ดี ควรรวมกลุ่มกันระหว่างผู้ที่จะปลูกใหม่ แล้วลงไปซื้อทางภาคตะวันออก หรือที่อื่นๆ ที่มีต้นพันธุ์ให้เลือกจำนวนมาก และถ้าให้ดี ควรให้ผู้รู้เรื่องทุเรียนช่วยเลือกหรือให้คำแนะนำครับ

6. หากจะปลูกแนะนำว่า ใช้คำว่า “ทดลองปลูก” อาจจะยังไม่ต้องลงเยอะ อาจจะสัก 20-100 ต้น และหากได้ปลูกได้ เจริญเติบโตได้ดี ปีถัดไปค่อยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้น่าจะดี เพราะหาลงทุนปลูกเยอะ ปลูกแล้วตาย ก็จะท้อ จะเสียกำลังใจครับ ขอให้ทุกคนใช้คำว่า (ทดลองปลูก) และเรียนรู้ร่วมกันครับ

7. ส่วนระยะห่างระหว่างต้นในการปลูกก็แล้วแต่ผู้มักครับ 6 เมตร × 6 เมตร หรือมากกว่านั้นก็ได้ครับ

ล่าสุดตอนนี้”ลุงหำ”ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทดลองทำการปลูกทุเรียน 20-30 ต้น ซึ่ง”ลุงหำ”เองมีญาติที่ทำสวนทุเรียนอยู่จังหวัดจันทรบุรี ปลูกไว้หลายร้อยไร่ ลุงเลยนำเอาต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทองกลับมาปลูกที่ อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ เเละตอนนี้ประสบผลสำเร็จต้นทุเรียนออกหมากออกผลดกเลยทีเดียว ตอนนี้เหมือนจังหวัดอื่นๆของภาคอีกสานก็เริ่มทะยอยกันปลูกทุเรียนเยอะมากขึ้น หวังสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้อยชาวอีสาน เเละเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจประเทศให้เจริญเติมโตอีกด้วย

ขอบคุณรูปภาพเเละข้อมูลจากอนุชา สิงหะดี

หาดูยาก! รอยเท้าไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปีที่จังหวัดกาฬสินธุ์

วนอุทยานภูแฝก ( แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ ) ตั้งอยู่หมู่ 6  บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับเนินเขาไม่สูงนัก สภาพป่าเป็นป่าเต็งรังมีพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้มะค่าโมง  ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่  และมีสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ง่าย เช่นกระรอก กระแต อีเห็น กระต่ายป่า เป็นต้น

ภูแฝก ภูเขาขนาดใหญ่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200-475 เมตร โดยภูแฝกนั้นอยู่ในวนอุทยานภูแฝก วนอุทยานที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงห้วยฝา ใกล้ๆกับบ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง กิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์

วนอุทยานภูแฝก หรือ แหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ภูแฝก เป็นแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยรอยเท้าไดโนเสาร์นั้นถูกค้นพบบนพลาญหินที่เป็นทางน้ำของห้วยน้ำยัง รอยเท้าฝังอยู่ในผิวหน้าของชั้นหินทรายที่แกร่งของหมวดหินพระวิหาร ซึ่งตามลำดับชั้นหินจะวางตัวอยู่ใต้ชั้นหินของหมวดหินเสาขัว ซึ่งเป็นชั้นหินที่พบกระดูกไดโนเสาร์มากที่สุดของประเทศไทย

 

ซึ่งจากการพบรอยเท้าไดโนเสาร์ทำให้ทราบว่าชั้นหินทรายในบริเวณนี้ในอดีต มีสภาพเป็นหาดทรายริมน้ำ เป็นที่ที่ไดโนเสาร์เดินผ่าน หรือเที่ยวหากินอยู่ในบริเวณหาดทรายชุ่มน้ำนี้ รอยเท้าที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกคลื่นซัดให้ลบเลือน โดยอาจโผล่พ้นน้ำ ทำให้แดดเผาจนคงรูปร่างอยู่ หลังจากนั้นกระแสน้ำได้พัดพาเอาตะกอนมาปิดทับลงไปเป็นชั้นตะกอนใหม่ รอยเท้านั้นจึงยังคงอยู่ในชั้นตะกอนเดิม ต่อมาชั้นตะกอนแข็งตัวกลายเป็นหิน รอยเท้านั้นจึงปรากฏอยู่ในชั้นหินนั้น ปัจจุบันธรรมชาติได้ทำลายชั้นหินส่วนที่ปิดทับรอยเท้าออกไป เผยให้เห็นรอยเท้าที่ไดโนเสาร์ได้ทิ้งเอาไว้เป็นประจักษ์พยานถึงการมีตัวตนในอดีต

เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เด็กหญิงสองคนพร้อมด้วยผู้ปกครองไปทานข้าวในวันหยุด ได้พบรอยเท้าประหลาดกลางลานหินลำห้วยเหง้าดู่ เชิงเขาภูแฝก บริเวณเทือกเขาภูพาน หลังจากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่นักธรณีวิทยาพร้อมด้วยส่วนราชการ และเอกชนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เดินทางไปสำรวจจึงพบว่าเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ ประเภทเทอร์โรพอด 7 รอย จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โนซอร์ชนิดกินเนื้อ อายุประมาณ 140 ล้านปี ปัจจุบันนั้นเห็นชัดเจนเพียง 4 รอย

การเดินทางไปวนอุทยานภูแฝก เดินทางจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ไปตามเส้นทางกาฬสินธุ์-สกลนคร ประมาณ 42 กิโลเมตร ถึงสี่แยกอำเภอสมเด็จเลี้ยวขวาไปประมาณ 20 กิโลเมตร ถึงสามแยกอำเภอห้วยผึ้ง เลี้ยวซ้ายไปทางกิ่งอำเภอนาคู ประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าวนอุทยานภูแฝก (ถนนคอนกรีต) เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะถึงวนอุทยานภูแฝก รวมระยะทางจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ถึงวนอุทยานภูแฝก ประมาณ 76 กิโลเมตร

ขอบคุณเนื้อหาจาก thai.tourismthailand

ชาวอีสาน! เเห่ปลูกทเรียน หวังสร้างเศรษฐกิจใหม่ยกระดับพื้นที่ทำกิน กระตุ้นเศรษฐกิจไทย


หลังจากมีข่าวเรื่องราคาทุเรียนในประเทศไทยซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้บางคนไม่กล้าซื้อกินเพราะราคาค่อนข้างเเพงโลละ120 140 180 ตามเเต่ล่ะร้านที่ขาย  วันนี้ทางDPSNewsจะมานำเสนอเกี่ยวกับการปลูกทุเรียนไว้กินเอง ล่าสุด”ลุงหำ”ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ทดลองทำการปลูกทุเรียน20-30ต้น ซึ่ง”ลุงหำ”เองมีญาติที่ทำสวนทุเรียนอยู่จังหวัดจันทรบุรี ปลูกไว้หลายร้อยไร่ ลุงเลยนำเอาต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทองกลับมาปลูกที่ อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์

เริ่มแรกปลูกทดลอง ประมาณ 30-40 ต้น รอดเเละเจรฺญเติบโตมาได้ประมาณสักเกือบๆ 20 ต้น  ทุเรียนที่ลุงหำปลูกนั้น อายุการปลูกประมาณปีที่ 3 จะเข้าปีที่ 4 ก็ออกดอกออกผล เเต่ตอนนั้นผลออกไม่เยอะไม่ถึง10ลูกด้วยซ้ำ ตอนให้ผลผลิตในช่วงแรกๆนั้น ก็ไปได้เหมือนกำลังไปได้ดี เก็บผลผลิตเอาใส่เต็มกระบะรถปิ๊กอัพ ไปแจกพี่น้องทางอีสานใต้ เป็นคันรถในแต่ละปี และพอประมาณสัก 2-3 ปี สวนทุเรียน เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ก็เริ่มมี “พ่อค้าขายปุ๋ย” สูตรต่างๆ สารพัดสูตร ทั้งปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยใบ ปุ๋ยราก ปุ๋ยผล ปุ๋ยลำต้น ปุ๋ยดอก ฯลฯ เอาปุ๋ยมาให้ทดลอง พ่อค้าปุ๋ยเจ้าไหนมากะว่า “อันนี่ดีสุดยอด” รับประกัน และให้ทดลองฟรี! เจ้านั้นมากะขอร้องแกมบังคับให้ลองปุ๋ย เจ้านี่มากะขอให้ลองปุ๋ย ล่าสุดตอนนี้ทุเรียนหมอนทอง กำลังสวย ออกหมากออกผลดกๆเกือบ 20 ต้น ให้ผลต่อปีต้นละเกือบ 60-70

 

เเละตอนนี้เหมือนจังหวัดอื่นๆของภาคอีกสานก็เริ่มทะยอยกันปลูกทุเรียนเยอะมากขึ้น หวังสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้พี่น้อยชาวอีสาน เเละเป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจประเทศให้เจริญเติมโตอีกด้วย  ขอบคุณรูปภาพเเละข้อมูลข่าวจากอนุชา สิงหะดี




21 ตึกหน้าตาเเปลกประหลาดในโลกนี้ มีไทยด้วย!

วันนี้ทางDPS จะมานำเสนอตึกที่มรูปร่างแปลกประหลาย  21ตึกในโลกนี้ ไปดูกันเลยว่ามีตึกอะไรบ้าง

1. Elephant Building ตึกช้าง กรุงเทพฯ

2. Žižkov Television Tower กรุงปราก

3. Lippo Center ตึกคู่แฝด ฮ่องกง

4. The Tianzi Hotel มณฑลเหอเป่ย์ จีน

5. Robot Building ตึกหุ่นยนต์ กรุงเทพฯ

6. Basket Building ตึกตะกร้า นิวอาร์ก สหรัฐอเมริกา

7. Ryugyong Hotel กรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ

8. อาคาร Aldar กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

9. The Fangyuan Mansion เสินหยาง จีน

10. Verizon Building นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

11. Strata SE1 ลอนดอน อังกฤษ

12. National Library เบลารุส

13. Grand Lisboa Hotel มาเก๊า

14. The Slovak Radio Building muj กรุงบราติสลาวา สโลวาเกีย

15. Mirador Building กรุงมาดริด สเปน

16. The Liverpool Metropolitan Cathedral ลิเวอร์พูล อังกฤษ

17. National Fisheries Development Board Building ไฮเดอราบาด อินเดีย

18. The Embassy of Russia ฮาวานา คิวบา

19. The National Library โคโซโว

20. Torre Velasca มิลาน อิตาลี

 

21. First World Hotel and Plaza มาเลเซีย

 

“ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย”ขอบคุณแฟนบอล จากเสียงด่า เสียงโห่ มาเป็นสนับสนุน (ดูคลิป)

“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ดาวยิงของแบงค็อก ยูไนเต็ด ระบุ พร้อมสำหรับการกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง

ธีรเทพ วิโนทัย
ชื่อเล่น: ลีซอ
วันเกิด: 16 ก.พ. 1985 (อายุ 32)
เกิดที่: Bangkok, Thailand
สัญชาติ: ไทย
ส่วนสูง: 171 cm.
น้ำหนัก: 69 Kg.
ตำแหน่ง: กองหน้า
หมายเลขเสื้อ: 14

จับตา “ซิโก้” รีเทิร์นช้างศึก “เดอะเฮง” ออกปากชวนร่วมงาน

จับตา “ซิโก้” รีเทิร์นช้างศึก “เดอะเฮง” ออกปากชวนร่วมงาน ตักตวงวิชาจาก “ราเยวัช” ขณะที่ อดีตกุนซือทีมชาติเผย เตรียมจับเข่าคุยช่วงอบรมโปรไลเซนส์ที่เกาหลีใต้ ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาการทำงาน ฟังคำแนะนำเสมอ

“เดอะเฮง” นายวิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า ใจจริงแล้ว ตนอยากให้โค้ชไทยอีกหลายคน มาร่วมงานกับ มิโลวาน ราเยวัช ในทีมชาติไทย เพื่อศึกษาการทำงาน อาทิ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน, “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน หรือแม้แต่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย ซึ่งในเรื่องของศาสตร์ฟุตบอล ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ หากโค้ชดังกล่าวมีเวลาว่าง และสะดวกร่วมเป็นทีมสตาฟฟ์โค้ชช้างศึก ตนก็ยินดีอย่างยิ่ง

ด้าน “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ โค้ชเฮง ชวนไปร่วมงานในทีมชาติว่า จริงๆ แล้วระหว่างตนเองกับโค้ชเฮงนั้นไม่เคยมีปัญหาในด้านการทำงานร่วมกันแต่อย่างใด มีการพูดคุย รับฟังคำแนะนำกันอยู่เสมอ

“ส่วนเรื่องการจะเข้าไปช่วยงานในทีมชาตินั้น ช่วงเดือนหน้าจะมีอบรมโปรไลเซนส์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ร่วมกัน ซึ่งจะมีทั้งผม, โค้ชแบน   และโค้ชเฮง ไปร่วมอบรมด้วยกันอยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะเป็นเวลาที่ได้พูดคุยและหารือกัน”

ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้แต่งตั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย รับหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทย รวมทั้งเฮดโค้ชทีมชาติชุดอื่น ก็จะมาช่วยงานตามตำแหน่งด้วย ขณะที่ “ซิโก้” นั้น ได้ส่งหนังสือลาออกจากการเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ขอบคุณที่มา: https://www.dailynews.co.th/sports/575967