ฮือฮา! นักโบราณคดีค้นพบมันมี่เพิ่ม 17 ร่างในอียิปต์ สภาพยังสมบูรณ์ (มีคลิป)

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงกิจการโบราณวัตถุสถานของอียิปต์แถลงในวันเสาร์(13 พ.ค.)ว่า คณะนักโบราณคดีชาวอียิปต์ค้นพบซากมัมมี่จำนวน 17 ร่างอยู่ในสุสานใต้ดินที่พบในทูนา -เอกาบัล ในจังหวัดมินยา ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศอียิปต์นายคาเลด เอล-อีนานี รัฐมนตรีกระทรวงกิจการโบราณวัตถุสถานของอียิปต์ เปิดแถลงข่าวใกล้กับจุดที่ค้นพบซากร่างมัมมี่นี้ว่า นับเป็นการค้นพบสุสานที่มีซากร่างมัมมี่มากมายเช่นนี้เป็นครั้งแรกในพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศ (คลิปอยู่ล่างสุด)

ด้านนายซาเลาะห์ อัล-โคลี อาจารย์ประจำภาควิชาอียิปต์วิทยา แห่งมหาวิทยาลัยไคโร ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักโบราณคดีที่ค้นพบสุสานใต้ดินฝังร่างมัมมีแห่งนี้ในเขตทูนา เอล-กาบัล กล่าวว่า เราพบสุสานใต้ดินที่เป็นสถานที่ฝังซากมัมมี 17 ร่าง โดยสุสานใต้ดินที่เราพบอยู่ภายในพื้นที่ที่ทางทีมงานกำลังทำงานกันอยู่ในการขุดค้นหาวัตถุโบราณ จนทำให้พบอุโมงค์ใต้ดินที่นำทางไปสู่การพบซากร่างมัมมี่

ขณะที่นายโมฮัมเหม็ด แฮมซา ผู้อำนวยการฝ่ายการขุดหาวัตถุโบราณแห่งมหาวิทยาลัยไคโร กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะนี่ถือเป็นการค้นพบสุสานมนุษย์เป็นครั้งแรกในพื้นที่ดังกล่าว โดยพื้นที่เขตทูนา เอล-กาบัลแห่งนี้มีอายุย้อนไปในยุคเกรโก-โรมัน ที่เป็นช่วงระหว่างศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชถึงศตวรรษที่ 3 แห่งคริสตศักราช

ทีมนักโบราณคดีของอียิปต์ได้ค้นพบซากของมัมมี่โบราณเพิ่มอีกระหว่างการขุดค้นสุสานแห่งหนึ่ง ภายในพบร่างของมันมี่ที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนอย่างน้อย 17 ร่าง การค้นพบครั้งนี้นับเป็นการค้นพบล่าสุด ที่เป็นที่คาดหวังกันว่าจะช่วยกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวในอีบิปต์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังรายได้จากการท่องเที่ยวลดต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน นับตั้งแต่เกิดกระแสอาหรับสปริงขึ้นในปี 2011 ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง

สุสานโบราณแห่งนี้ถูกฝังอยู่ลึก 8 เมตรจากพื้นดิน ในนคร Minya ห่างจากกรุงไคโรไปทางตอนใต้ราว 250 กิโลเมตร ภายในพบโลงหินจำนวนมาก และยังมีโลงศพของสัตว์ และซากของกระดาษปาปิรุสที่ใช้บันทึกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ห้องฝังศพของสุสานแห่งนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้ร่างของมัมมี่ที่ถูกค้ยพบยังไม่ได้ถูกตรวจสอบอายุ แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นมัมมี่จากยุคกรีก-โรมัน ในช่วงเวลา 600 ปี หลังพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตกรีกได้ในช่วง 332 ปีก่อนคริสตกาล ด้าน Salah Al-Kholi ศาสตราจารย์ผู้นำทีมนักโบราณคดีครั้งนี้ระบุว่า ภายในสุสานน่าจะมีมัมมี่รวมทั้งหมดกว่า 32 ร่าง ในจำนวนนี้มีทั้งมัมมี่ของผู้หญิง เด็ก และทารก “การค้นพบเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น” Khaled al-Enany รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัตถุโบราณกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สำหรับข่าวดีครั้งนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทีมนักโบราณคดีได้ทำการขุดอุโมงค์หลายแห่ง เพื่อค้นหาวัตถุโบราณใหม่ๆ ซึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมาทางกระทรวงโบราณวัตถุได้ประกาศ เชื่อว่าสุสานแห่งนี้น่าจะเป็นห้องฝังพระศพของบุตรสาวฟาโรห์องค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคม ที่อียิปต์เองก็เพิ่งจะมีการค้นพบรูปปั้นขนาดใหญ่ของฟาโรห์ไป ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างในกรุงไคโร ซึ่งคาดกันว่ามีอายุเก่าแก่ถึง 3,700 ปี

Yehia Rashed รัฐมนตรีการท่องเที่ยวอียิปต์รายงานการค้นพบใหม่ๆเมื่อเดือนที่ผ่านมาน่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของอียิปต์ให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็นจำนวน 10 ล้านคนต่อปี จากเดิม 9.3 ล้านคนในปี 2015 ซึ่งจำนวนนี้ยังคงห่างไกลจากตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงก่อนปฏิวัติทางการเมือง ในปี 2010 ที่มีจำนวนมากถึง 14.7 ล้านคน ในขณะที่จำนวนของนักท่องเที่ยวในปี 2016 ยังคงไม่ถูกเปิดเผย

ดูคลิป!

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวบางส่วน: posttoday

โคตรพีค! ส่องขวดนม “น้องเรซซิ่ง” ที่มีข้อความไม่เหมือนใคร ขวดเดียวในโลก ไม่ธรรมดาจริงๆ!

น่ารักน่าเอ็นดูมากกกก เมื่อคุณพ่อ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ได้โพสต์รูปภาพของ “น้องเรซซิ่ง” ที่กำลังดูดนมจากขวดนม อย่างเพลิดเพลิน แต่สิ่งที่เด่นสะดุดตาดูจะเป็นสิ่งที่เขียนไว้บนขวดนม เรียกว่าเป็นขวดนมขวดเดียวในโลกคือ “มีชื่อน้องเรซซิ่งพร้อมวันเดือนปีเกิดแถมยังมีเวลาเกิดด้วย” เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นสุดๆเลยจ้า คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจทุกรายละเอียดขนาดนี้น่ารักสุดๆไปเลย

ขวดนมลิมิตอิดิทชั่น น่ารักสุดๆ

ยิ้มหวานครับผม

เรชซิ่งแสบตานะ อิอิ

พ่อลูกอ่อน น่าเอ็นดูสุดๆ

น่ารักจ้า

ฟันขึ้นแล้ว 5555

อาตี๋น้อย

พาเรซซิ่งเที่ยวๆ

ขอบคุณข้อมูล : benzracing

รู้แล้วหรือยัง! ดูกันชัดๆ มือถือเก่าๆ ที่รถรับเเลก เขาเอาไปทำอะไร (มีคลิป!)

ช่วงนี้มีการแชร์เรื่องราวของ คนรับซื้อมือถือเก่า ที่ขับรถวิ่งรอบหมู่บ้าน โดยแลกเป็นกะลังมัง ของเครื่องใช้ ตอบแทนกับการที่ได้มือถือเก่าๆไป บางคนเชื่อว่าพวกเขาจะเอาไปก่อการร้าย

ทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้เดือดร้อนหนัก จนไม่สามารถรับแลกมือถือได้เลย ผลพวงดังกล่าวที่เชื่อข่าวลือแบบไม่มีมูลในโลกโซเชี่ยล ทำให้ทางเราต้องหาคลิปวีดีโอของต่างประเทศมายืนยันว่า มือถือเก่าๆ ที่ไร้ค่า มันสามารถสกัดเป็นทองได้นะ

บางคนอาจจะยังไม่รุ้ นำมือถือมาเเลกเอาคุ ถัง กะละมัง ไว้ใช้ อย่างเช่นคลิปวีดีโอที่จะให้ดูต่อไปนี้ เผยถึงขั้นตอนการสกัดทองจากมือถือ อย่างละเอียดโดยการทำของฝรั่งที่เอามาเเชร์ให้รู้ ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย

“ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก”เฮ้ดโค้ชสุโขทัย ออกโรงเหน็บผู้ตัดสิน หลังแจก 2 จุดโทษให้บุรีรัมย์ เกมปราสาทบุกเฆี่ยนค้างคาวไฟ 3-1

เกมฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก 2017 เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คู่ระหว่าง “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี เปิดบ้านที่สนามทุ่งทะเลหลวง พ่ายให้กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-3 โดยเจ้าบ้านได้ประตูนำไปก่อนจาก คัพฟ้า บุญมาตุ่น แต่สุดท้าย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็พลิกกลับมาชนะได้สำเร็จจากการยิง 2 จุดโทษ และ 1 ฟรีคิกของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ กองหน้าสัญชาติบราซิลของบุรีรัมย์

หลังเกมการแข่งขัน “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก กุนซือของสุโขทัย ได้กล่าวว่า “ในแง่ของเกมถือว่า สุโขทัยเล่นได้ดีมาก บุรีรัมย์แทบจะเจาะแนวรับเราไม่ได้ และมีโอกาสยิงแบบโอเพ่นเพลย์น้อยมาก ผมว่าเราดีกว่าในแง่ของประสิทธิภาพ แต่ยอมรับว่าเขาเป็นทีมที่ดี และต้องชื่นชมเขา” โค้ชเบ๊กล่าวเริ่ม 

“การแพ้บุรีรัมย์ ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกครับ แต่อารมณ์หลังจบการแข่งขัน ก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร ผมยอมรับว่า ผมวางแทคติกผิดไป ผมประกบ “ชาช่า” และ “ดิโอโก้” แต่ถ้าแก้ย้อนหลังได้ผมคงตามประกบกรรมการด้วย เป็นตัวคีย์แมนน่าเสียดาย เสียดายจริงๆ เพราะเขาคือตัวพลิกเกม” โค้ชเบ๊จิกกัดการทำหน้าที่ของกรรมการ

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงจังหวะเสียจุดโทษทั้งสองลูกว่า “สำหรับลูกแรกที่เสียไปคือจุดเปลี่ยน ส่วนลูกสองลูกสามที่ตามมา ผมยอมรับว่าอารมณ์ยังค้างอยู่ คราวหลังผมคงวางแท็คติกใหม่”

ที่มา https://www.fourfourtwo.com/th/news/okhcheb-thaaaekaethkhtikynhlangaid-phmkhngtaamprakbkrrmkaardwy#x6hYohGVlf7Ejj0W.99

SBOBETSH
สมัครเว็บบอล การเงินและบริการดีที่สุดในโลก บริหารงานโดยเฮียตังค์
www.sbobetsh.com/tst
– สมัครสมาชิกใหม่รับโบนัส 20%
– ฝาก-ถอน 5 นาที ไม่จำกัดรอบ ถอนเงินสูงสุดวันละ 1 ล้าน
ทีเด็ดเฮียตังค์บิลล้าน 1 เดือน 20 ล้าน
https://www.facebook.com/groups/sbobet.sh/
แอดเลย!!! LINE @heartang (ใส่@ข้างหน้าด้วย)
หรือคลิก http://line.me/ti/p/@heartang

รีบดูคุณอาจรวยไม่รู้ตัว! ถูกหวยกันยกหมู่บ้าน! แห่แก้บนแม่ตะเคียน หลังถูกหวยรวยกันทุกคน

(11 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ได้มีชาวบ้านจำนวนมากนำของเซ่นไหว้มาแก้บนย่าตะเคียน ที่บริเวณวังสักหลง หมู่ที่ 6 ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ หลังจากพบอยู่ใต้คลองสักหลงและได้อัญเชิญขึ้นมาไว้บริเวณศาลปู่อินทมาศ ซึ่งอยู่ริมตลิ่งใกล้กับบริเวณที่พบต้นตะเคียน จากนั้นได้มีชาวบ้านได้มาทำพิธีขอขมาและขอโชคขอลาภ ปรากฏว่าโชคดีถูกหวยกันเกือบทั้งหมู่บ้าน พร้อมกันนี้จะมีพิธีอัญเชิญต้นตะเคียนที่ขุดพบในคลองดังกล่าวขึ้นมาอีก 5 ต้น

บรรยากาศ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังนำของเซ่นไหว้ เช่น ไก่ต้ม ขนมหวาน และผลไม้ รวมทั้งชุดไทยหลากหลายสี มาวางและแขวนไว้ใกล้กับต้นตะเคียนเพื่อเป็นการแก้บน นายแดน (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้าน ม.3 บ้านวังโป่ง ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งโชคดีถูกหวยนับแสนบาท เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้าที่จะพบต้นตะเคียนนั้น ตนเองเป็นลูกจ้างขับรถแม็คโคร และได้มาขุดลอกคลองบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2560 ซึ่งก่อนที่จะใช้รถขุดนั้น ตนได้ทำพิธีขอขมาเจ้าที่เจ้าทางแล้ว จากนั้นจึงลงมือขุดผ่านไปหลายวัน

บรรยากาศ

เมื่อขุดมาถึงบริเวณหน้าศาลปู่อินทมาศ ปรากฏว่าได้ขุดไปโดนต้นไม้แต่ก็ไม่สนใจทำงานไปตามปกติ และเมื่อเลิกงานตนรู้สึกกระวนกระวายใจ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอย่างแปลกประหลาด วันต่อมาร่างกายก็ไม่มีแรง ต้องนอนซมอยู่ที่บ้าน ไม่สามารถลุกขึ้นไปทำงานได้ กินอาหารก็ไม่ได้นานนับเดือน จนร่างกายซูบผอม  ต่อมามีหมอดูมาทักว่าที่ตนใช้รถแม็คโครขุดโดนต้นไม้จนฉีกขาดนั้นเป็นต้นตะเคียน ให้นำดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา และให้ชาวบ้านนำขึ้นมาจากคลอง เมื่อทำตามอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนในขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว

บรรยากาศ

จากนั้น ตนจึงได้ชักชวนชาวบ้านขอโชคขอลาภจากย่าตะเคียน ปรากฏว่าโชคดีถูกหวยกันเกือบทุกคน จึงได้นัดแนะกันเพื่อนำของเซ่นไหว้ และของแก้บนมาถวายย่าตะเคียน นอกจากนั้นยังได้มีการขุดพบต้นตะเคียนบริเวณคลองวังสักหลงอีกจำนวน 5 ต้น จึงได้ประกอบพิธีอัญเชิญขึ้นมาไว้คู่กับต้นตะเคียนที่พบก่อนหน้านี้ 3 ต้น รวมทั้งหมดเป็น 8 ต้น ซึ่งชาวบ้านก็ได้นำผ้าสีมาผูก รวมทั้งใช้แป้งโรยตามลำต้นเพื่อหาเลขเด็ด ซึ่งแต่ละคนก็เห็นและตีเป็นตัวเลขต่างๆ เช่น 25 , 58 , 685 , 578 , 573 จากนั้นก็ไปเลือกซื้อลอตเตอรี่ที่นำมาวางแผงขายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีร้านค้านำสินค้ามาขายจนบริเวณดังกล่าวคึกคักราวกับตลาดนัดเลยทีเดียว

11 สิ่ง “ในวัยทำงาน” ที่คุณควรต้องเรียนรู้ ก่อนอายุ 30

โดยส่วนตัวแล้วผมมีความเชื่อที่ว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราควรเสี่ยงคือก่อนอายุ 30 – เพราะอะไรหรอครับ???
ประสบการณ์จริงจากคนรอบตัวและสังเกตคนโดยส่วนใหญ่แล้วมักมีภาระที่เพิ่มขึ้นอย่างมากก็คือช่วงที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในวัยตัวเลข 30+- ซึ่งไหนจะต้องเก็บเงินสำหรับแต่งงานเพื่อสร้างฐานะและความมั่นคง, ซื้อรถ ซื้อบ้าน ค่าเลี้ยงดูลูก เลี้ยงดูพ่อแม่ เงินเก็บฉุกเฉินยามเจ็บไข้ได้ป่วย และอีกหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งล้วนต้องใช้เงินทั้งหมดทั้งสิ้น ทำให้เราตัดสินใจได้ยากและมีความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านี้จึงเป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์  วางแผนและลงมือทำสร้างรากฐานให้มีความมั่งคงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เราลองไปดูกันนะครับว่า 11 สิ่งที่ควรเรียนรู้ “ชีวิตในวัยทำงาน” ก่อนอายุ 30 มีอะไรกันบ้าง

1.    ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เจอบ่อยมากกว่าความสำเร็จ
คนที่สำเร็จมักเคยเจอปัญหาและอุปสรรคมากกว่าคนทั่วไปอยู่มาก ฉะนั้นอย่ามัวแต่เสียใจจากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพราะความล้มเหลวเป็นเพียงบททดสอบในชีวิต หากคุณแข็งแกร่งพอที่จะฝ่าฝันมันได้ ความสำเร็จก็รอคุณอยู่ข้างหน้า

2.    “ความไม่มี”ไม่เคยทำให้ใครจน แต่คนจะจนมักเกิดจาก “ความอยากมี”
ยิ่งคุณหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่หากไม่รู้จักเก็บออมและยับยั้งความอยากได้อยากมีตามกระแสเหมือนคนอื่น เมื่อนั้นคุณก็จะจนลงอยู่วันยันค่ำ

3.    รู้จักมองไปข้างหน้าและวางแผนชีวิต
บางคนใช้ชีวิตไปวันๆ บางคนก็มัวจมอยู่แต่กับอดีตจนมองลืมไปว่าหนทางข้างหน้านั้นยังอีกยาวไกล การวางแผนชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนการมีเข็มทิศใช้ในการนำทาง หากคุณเตรียมตัวให้ดีแล้วความสำเร็จก็จะไม่คาดเคลื่อนตามที่คุณหวังเอาไว้

4.    อย่าโลกสวย เพราะโลกไม่เคยหมุนตามเรา
หลายๆครั้งสิ่งที่เราคิดว่าดีมักจะแสดงผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าที่คิดเสมอโดยเฉพาะ “การทำธุรกิจ” จงเผื่อใจและเตรียมแผนสำรองเสมอในกรณีที่ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ (ผิดคาดขึ้นบ่อยมากกกก)

5.    หากคุณภาระยังน้อย ให้ถือซะว่าเป็นโชคดี
เพราะใครอีกหลายๆคนไม่ได้มีโอกาสแบบนั้น ดังนั้นจงอย่าเอาความโชคดีนี้มาทำร้ายตัวเองด้วยการหยุดนิ่ง (บางคน Slow life เป็นเต่ากัดยางเลยก็ว่าได้) หากวันใดคุณเกิดโชคร้ายหรือมีภาระถาโถมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อนั้นคุณจะยิ่งกลัวและไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรอีกเลย

6.    จงคาดหวังและให้น้ำหนัก “เฉพาะ” กับสิ่งที่จับต้องได้
ด้วยวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน มักมีคำสอนที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนจะคาดหวังหรือบนบานจากสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งไม่รู้ว่าผลจะเกิดเมื่อไหร่?? แต่ในทางกลับกันสิ่งที่สามารถพิสูจน์และเห็นผลได้เร็วที่สุดคือ “การลงมือทำ” (แต่ถ้าสบายใจก็ทำต่อไปเถอะครับ)

7.    จงอ้างให้น้อย แต่ทำให้มาก
อย่ามัวแต่หาข้ออ้างมาเป็นข้อจำกัดในความก้าวหน้าของตัวเรา โดยเฉพาะคำว่า เดี๋ยวก่อน, ยังไม่พร้อม, ไม่มีเวลา, ไม่มีเงิน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วไม่เคยมีใครพร้อมและมั่นใจ 100% หากแต่อาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงลองผิดลองถูก ถึงแม้โอกาสสำเร็จจะน้อยแต่ก็ “ยังมี” แต่หากไม่กล้าลงมือทำแล้วยังไงซะความสำเร็จก็เป็น “ศูนย์” แน่นอน

8.    เงินหมื่นมาจากแรงงาน เงินล้านมาจากความคิด
เพราะการใช้แรงงานเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถทำได้หากมีประสบการณ์และความชำนาญที่มากพอ แต่เรื่องของความคิดเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าและไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ ยิ่งคุณมีความคิดและความสามารถที่ดีกว่าคนอื่นมากเท่าไรก็จะช่วยย่นระยะทางสู่ความสำเร็จของคุณให้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
**หมายเหตุ** : ไม่ใช่ว่าการใช้แรงงานไม่ดีนะครับ เพียงแต่ว่าถ้าเราใส่ความคิดดีๆเข้าไปด้วยแล้วจะช่วยให้เราก้าวหน้าเร็วขึ้นเป็นทวีคูณเลยครับ

9.    ใช้อารมณ์ให้น้อย มีเหตุผลให้มาก
เพื่อลดความผิดพลาดในการทำงานและตัดสินใจ เพราะในบางครั้งคุณอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สองแล้วก็เป็นได้ (เรื่องความรักก็เช่นกัน….จริงๆนะ)

10.    เรียนรู้วิธีหารายได้ให้มากกว่าหนึ่งช่องทาง
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตอาชีพที่เราทำอยู่นั้นจะมั่นคงได้ตลอดไปมากน้อยแค่ไหน หรือในบางครั้งอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เช่น อุบัติเหตุ, โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งที่เราควบคุมได้ ถ้าหากว่าตอนนี้เรายังมีแรงมีเวลาก็จงใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการมองหาลู่ทางทำธุรกิจ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรือความถนัดของแต่ละคนที่สามารถสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อมาลดความเสี่ยงตรงนั้นให้น้อยลงและปูทางสู่อิสรภาพทางการเงินในอนาคตได้อีกด้วย

11.    ระวัง “ดาบสองคม” เพราะคำพูด
โดยเฉพาะการทำงานไม่ว่าคุณจะสนิทกับคนนั้นมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่ จงดูความเหมาะสมคิดก่อนพูดให้มากเพราะในบางเวลาคำพูดเพียงไม่กี่คำอาจทำลายความสัมพันธ์อันดีหรือส่งผลต่อหน้าที่การงานก็เป็นได้

ขอบคุณที่มาจาก https://pantip.com/topic/34508026

เรื่องที่ทุกคนอาจไม่รู้มาก่อน! 10 อันดับบุคคลลึกลับของโลก

หลายศตวรรษที่ผ่านมามีเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลลี้ลับเกิดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ บางเรื่องเป็นเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ชัดเจน ขณะที่หลายเรื่องก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เล่าขานต่อ ๆ กันมาปากต่อปาก และไม่มีวิทยาการใด ๆ สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น วันเวลาที่ล่วงเลยไป ได้ทำให้เรื่องราวเหล่านั้นกลายเป็นตำนานที่ทำให้หลายคนทึ่ง วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำเรื่องราวว่าด้วย 10 บุคคลลึกลับของโลก และเรื่องราวน่าฉงนของพวกเขา ที่เว็บไซต์ listverse.com ได้รวบรวมไว้ มาฝากกัน ไปดูกันว่าบุคคลในตำนานคนไหนบ้างที่ติดอันดับท็อปเท็นนี้

Green Children of Woolpit

1. พี่น้องตัวเขียวแห่งวูลพิต (Green Children of Woolpit)

พี่น้องชายหญิงคู่นี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับเมื่อประมาณศตวรรษที่ 12 กลางหมู่บ้านวูลพิต ของเมืองซัฟฟอร์คในประเทศอังกฤษ จริง ๆ แล้วทั้งสองคนอาจจะเป็นแค่เด็กต่างถิ่นที่พลัดหลงมาเท่านั้น แต่ทว่าเนื้อตัวสีเขียว เครื่องแต่งกายอันแปลกประหลาด และภาษาที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน เลยทำให้พี่น้องคู่นี้มีความพิเศษออกไป และได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก

ในช่วงแรกทั้งสองคนไม่ยอมรับประทานอะไรเลย นอกเสียจากถั่วเขียวสดที่ผู้คนนำมาให้ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สามารถปรับตัวใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติและพูดภาษาอังกฤษได้พอประมาณจึงเล่าที่มาของตัวเองให้ฟังว่า พวกเขามาจากเซนต์มาติน เมืองที่เต็มไปด้วยความมืดมิด จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งสองคนได้ยินเสียงดังกึกก้องไปทั่ว จึงได้ออกเดินทางเพื่อตามหาเสียงนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในเมืองวูลพิตเสียแล้ว
Gil Pérez

2. กิล เปเรซ (Gil Pérez)

เขาผู้นี้คือนายทหารสัญชาติสเปนซึ่งประจำการอยู่ที่พระราชวังเดลโกเบอนาดอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ แต่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในเมืองเม็กซิโกอย่างน่าฉงนเมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1593 โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามาอยู่ที่เมืองแห่งนี้ได้อย่างไร รู้แค่เพียงผู้ว่าของเมืองที่เขาประจำการอยู่นั้นถูกลอบสังหารเท่านั้นเอง ซึ่งอีก 2 เดือนต่อมาก็มีข่าวจากเรือฟิลิปปินส์ยืนยันว่าคำพูดที่ถูกนำมากล่าวอ้างนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกันยังมีพยานที่พบเห็นเปเรซ ในวันที่ 23 ในเดือนและปีค.ศ. เดียวกัน ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในเมืองเม็กซิโกด้วย ซึ่งไม่มีทางที่เขาจะเดินทางไปยังเม็กซิโกได้รวดเร็วในสมัยนั้น

สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ก็เดินทางกลับไปยังประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้ง และไม่มีผู้ใดได้พบเห็นเขาอีกเลยนับตั้งวันนั้น จึงทำให้เรื่องของเขากลายเป็นปริศนาที่ได้ไม่มีใครได้ล่วงรู้ว่าเขาเดินทางโดยวิธีใดจนกระทั่งถึงตอนนี้
Man in the Iron Mask

3. ชายผู้สวมหน้ากากเหล็ก (Man in the Iron Mask)

ชายผู้สวมหน้ากากเหล็กคนนี้เป็นนักโทษที่มีชีวิตอยู่ในช่วงของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ก่อนที่จะสิ้นใจในเดือนพฤศจิกายน ของปี ค.ศ. 1703 โดยไม่มีผู้ใดได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อนเลย เพราะเขาซ่อนตัวตนภายใต้หน้ากากสีดำอันแสนมืดมิดมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี แท้จริงแล้วเรื่องราวของชายผู้นี้เป็นตัวละครหนึ่งในนิยายที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงส่วนหนึ่ง ซึ่งในเนื้อหามีใจความเกี่ยวกับชีวิตของชายผู้หนึ่งที่ถูกจับกุมโดยข้ารับใช้ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และถูกส่งตัวไปคุมขังเอาไว้ในคุกลับแห่งปิเนรอล เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงตัวได้ พร้อมกันนี้นักโทษคนดังกล่าวยังโดนห้ามมิให้พูดคุยกับผู้ใดนอกจากได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น หากเขาฝ่าฝืนจะถูกฆ่าในทันที ซึ่งหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงทางการก็จัดการทำลายข้าวของของเขาทุกชิ้น พร้อมกับฝังศพ และอย่างเงียบ ๆ และระบุชื่อบนป้ายหลุมศพว่า Eustache Dauger เท่านั้น โดยสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปอย่างแท้จริงเสียที

Comte St Germain

4. เคาท์ เซนต์ เกอร์แมน (Comte St Germain)

ข้าราชสำนักผู้นี้มีความสามารถอันหลากหลายทั้งศาสตร์และศิลป์ในฝรั่งเศส เพราะเขาเป็นทั้งข้าราชการ นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักไวโอลิน และนักประพันธ์มือสมัครเล่น ในขณะเดียวก็ยังเป็นบุคคลลึกลับของโลกด้วย ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่รู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม Der Wundermann หรือวันเดอร์แมน โดยเขาปรากฏตัวและหายไปอย่างลึกลับ มีเพียงบันทึกเกี่ยวกับตัวเขาที่ถูกเขียนขึ้นในปีค.ศ. 1745 ที่สามารถนำมาใช้ยืนยันการมีอยู่ของเขาได้เท่านั้น ซึ่งเนื้อหาภายในนั้นกล่าวว่า เขาเข้ามาอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสประมาณ 2 ปี ทั้งในระหว่างนั้นก็ไม่เคยเปิดเผยประวัติของตัวเองให้ใครทราบเลย รู้แค่เพียงว่าเป็นคนเก่งที่หาตัวจับได้ยากคนหนึ่ง และมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาสามัญชนทั่วไปอย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือสายลับที่ถูกส่งตัวมายังฝรั่งเศสก็มิอาจล่วงรู้ที่มาที่ไปของคนผู้นี้ได้
D. B. Cooper

5. ดี บี คูเปอร์ (D. B. Cooper)

ดี บี คูเปอร์ คือนามแฝงของสลัดอากาศที่ทำการบุกยึดเครื่องบินโบอิ้ง 727 และผู้โดยสารทั้งหมดเอาไว้เป็นตัวประกัน ขณะที่กำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำแปซิฟิกทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 24 เดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ.1971 เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินสด 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับร่มชูชีพ ซึ่งหลังจากที่ได้สิ่งของตามที่ต้องการแล้วก็กระโดดร่มหายตัวไปอย่างปริศนา จนกระทั่งในปีค.ศ. 1980 มีเด็กชายพบเงินสดกว่า 5,800 ดอลลาร์สหรัฐถูกฝังอยู่กลางสันทรายในแม่น้ำโคลัมเบีย หมายเลขของธนบัตรตรงกับหมายเลขของเงินที่โดนขโมยไปพอดิบพอดี แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถจับตัวดี บี คูเปอร์มาลงโทษได้อยู่ดี

จากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้สนามบินทั่วโลกมีการจัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยเสียใหม่ และเริ่มมีการนำเครื่องเอ็กซเรย์ตรวจจับและค้นวัตถุต้องสงสัยมาใช้โดยทั่วกัน
Fulcanelli

6. ฟัลคาเนลลี (Fulcanelli)

นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เต็มไปด้วยปริศนามากมายที่ไม่เคยมีใครสามารถเปิดเผยหรือล่วงรู้ความจริงมาก่อนทั้งเรื่องส่วนตัวและชีวิตการทำงาน มีเพียงเรื่องเล่าขานที่กล่าวกันมา ซึ่งเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงมากที่สุดก็คือ การที่เขาสามารถทำให้ตะกั่วจำนวน 100 กรัมกลายเป็นทองคำได้ โดยใช้ผงสูตรพิเศษที่เขาได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากอาจารย์ นอกจากนี้เขายังมีความรู้ในเรื่องของอาวุธนิวเคลียร์ด้วย โดยเขาได้อธิบายหลักการ ขั้นตอน และวิธีการผลิตอย่างละเอียดให้กับนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งฟังพร้อมทั้งยังทราบว่าอีกไม่นานมนุษย์ในโลกอนาคตจะมีการนำนิวเคลียร์มาใช้เป็นอาวุธต่อสู้ในศึกสงคราม ที่มาของเขามีเพียงคำบอกเล่าของลูกศิษย์เท่านั้น ที่กล่าวถึงอาจารย์ผู้เก่งกาจว่า เขาได้เดินทางไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่บนเขาสูงในประเทศสเปนเพื่อพบกับคนสำคัญคนหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกเลย และไม่แน่ใจด้วยว่าเขาลาจากโลกนี้ไปแล้ว หรือใช้ชีวิตอยู่อย่างคนอมตะไปตลอดกาล

Kaspar Hauser

7. คาสปาร์ เฮาเซอร์ (Kaspar Hauser) หนุ่มน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นบนถนนแห่งหนึ่งของเมืองนูแรมเบิร์ก ในประเทศเยอรมนี พร้อมกับจดหมายที่จ่าหน้าถึงผู้บังคับบัญชาแห่งกองพันทหารม้าที่ 6 เท่านั้น ซึ่งมีใจความว่า เด็กผู้นี้ถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่บ้านตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ตอนนี้ไม่สามารถเลี้ยงดูได้อีกต่อไป จึงส่งตัวมาเพื่อให้เป็นทหารรับใช้ ท่านจะรับไว้ดูแล หรือแขวนคอเสียก็ได้ แต่ทั้งนี้เนื่องจากไม่มีใครทราบความจริง ดังนั้น ทางการจึงได้จับตัวเด็กคนนี้ไปขังไว้ในคุก ในระหว่างนั้นเขาก็ได้เรียนรู้การพูดและการเขียนจากผู้คุม จนสามารถเล่าเรื่องที่มาของตัวเองได้ โดยกล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาเคยถูกคุมขังไว้ในคุกมืดแคบ ๆ เช่นเดียวกัน ไม่เคยได้พบเห็นหน้าหรือมีโอกาสพูดคุยกับผู้ใดมาก่อนเลย มีเพียงของเล่นไม้ กับถูกฝึกให้เขียนคำว่า ทหารม้า และ คาสปาร์ เฮาเซอร์เท่านั้น ส่วนที่มานอกเหนือจากนั้นก็มีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าเป็นทายาทของราชวงศ์ บางก็กล่าวว่าเป็นเพียงเด็กเลี้ยงแกะชอบพูดโป้ปดเพื่อเอาตัวรอด จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2002 นักวิทยาศาสตร์ได้นำดีเอ็นเอที่ได้จากเสื้อผ้าของคาสปาร์ไปพิสูจน์กันอีกครั้ง โดยเทียบกับดีเอ็นเอของแอนตริส เมดินเจอร์ ผู้สืบเชื้อสายจาก สเตฟานี เดอ บัวฮาร์เนส ผู้เป็นมารดาของคาสปาร์ ซึ่งผลที่ออกมาปรากฏว่าคาสปาร์มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ของกษัตริย์แห่งบาเดนจริง
Babushka Lady

8. บาบุชกา เลดี้ (Babushka Lady)

หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคเนดี้ ในปีค.ศ. 1963 หญิงนิรนามผู้สวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลพร้อมกับปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมก็กลายเป็นที่สนใจทันที เนื่องจากเธอลักษณะท่าทางของเธอเป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า อาจจะเป็นหนึ่งในผู้สมคบคิดก่อเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญครั้งนี้ขึ้น ซึ่งผู้เกี่ยวข้องและ FBI ก็ได้ออกตามหาตัวเธอเพื่อขอหลักฐานมาใช้ประกอบคดี โดยในปีค.ศ. 1970 มีคนอ้างตัวว่าเป็นผู้หญิงคนดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่คำโกหก ดังนั้นจนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นใครจนกระทั่งบัดนี้

The Poe Toaster

9. The Poe Toaster
ชายคนนี้เขาจะมาเยี่ยมเยียนหลุมศพ เอ็ดการ์ อัลเลน โพ นักเขียนเรื่องสั้นฆาตกรรมชื่อดังชาวสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 19 มกราคาของทุก ๆ ปี ซึ่งไม่มีใครทราบข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับตัวตนของเขาเลย นอกจากบรั่นดีครึ่งขวดกับดอกกุหลาบแดงอีก 3 ดอกที่ถูกวางเอาไว้ด้าหน้าหลุมศพ กับภาพของชายคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หมวกกับเสื้อโค้ทสีดำ และปกปิดใบหน้าด้วยผ้าพันคอ
Monsieur Chouchani

10. มองซิเออร์ ชูชานี (Monsieur Chouchani)

อาจารย์เชื้อสายยิวผู้ลึกลับ ที่เคยถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์ระดับสูงชาวยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งลูกศิษย์ที่เคยมีโอกาสได้รับการสั่งสอนล้วนมีหน้าที่การงานที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียง แต่ถ้าหากถามถึงประวัติที่มาของเขากลับไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลได้แน่ชัด เพราะทุกอย่างในชีวิตของเขาล้วนเป็นปริศนาทั้งสิ้น ทราบแค่เพียงว่าเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลากด้านจนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลหนึ่งเลย นอกจากจะมีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ปรัชญา โดยเฉพาะคัมภีร์โบราณของยิวด้วย

  อย่างไรก็ดี จะสังเกตได้ว่าจริง ๆ แล้ว บุคคลลี้ลับในประวัติศาสตร์โลกเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเท่านั้น ไม่ใช่บุคคลที่มีอิทธิฤทธิ์อย่างไม่สามารถอธิบายได้แต่อย่างใด ซึ่งพวกเขาก็ได้กลายเป็นตำนานเล่าขานกันไป จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในสมัยก่อน เพียงแค่ไม่รู้ที่มาที่ไป และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาเท่านั้น

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก  listverse.com

พระ”วัดเส้าหลิน”ที่จีนเดี๋ยวนี้ล้ำ!มาก สอนกังฟูให้เหล่าสาวๆน่ารักๆในชุดบิกินี่

ในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของมณฑลกว่างตง สาวๆที่สมัครงานรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในการล่องแพจำนวนกว่า 30 คน ได้รับการฝึกซ้อมพิเศษ ซึ่งจะถูกคัดออกหากสอบไม่ผ่าน ส่วนผู้ที่ผ่านเกณฑ์จนได้รับการบรรจุเข้าทำงานจะได้เงินเดือนกว่าหมื่นหยวน ในจำนวนผู้สมัครเหล่านี้ มีบัณฑิตจากวิทยาลัยการกีฬาไม่น้อย ซึ่งแต่ละคนมีกล้ามเนื้อแข็งแรงมาก

41461

รายการฝึกซ้อมที่สาวๆเหล่านี้ชื่นชอบที่สุดคือ การเรียนกังฟูเส้าหลินและการต่อสู้ในน้ำ ตามกำหนด สาวๆเหล่านี้ต้องเรียนมวยเส้าหลินอย่างน้อย 2 ชุดให้เป็น โดยยืนอยู่ในน้ำผู้รับผิดชอบกิจกรรมครั้งนี้ระบุว่า การให้พนักงานเรียนกังฟูเส้าหลินและการต่อสู้ในน้ำนั้น ก็เพื่อเสริมความแข็งแรงของร่างกาย ความเข้มแข็งทางจิตใจ และความสามารถในการช่วยชีวิตหากเกิดกรณีฉุกเฉิน

22292

6923

51283

รู้หรือไม่! ถ้าไม่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 คนไทยคงไม่ได้กินปลานิลถึงทุกวันนี้

“ปลานิล” เป็นปลาน้ำจืดที่คนไทยนิยมกินกันเป็นจำนวนมาก ด้วยเพราะมีประโยชน์มากคุณค่า หาซื้อง่าย นำมาปรุงเป็นเมนูอาหารจานอร่อยได้มากหลาย ใครเลยจะรู้บ้างว่า “ปลานิล” ที่กินอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นปลาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานชื่อให้ และให้เป็นอาหารแก่คนไทย

เรื่องราวความเป็นมาของ “ปลานิล” เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฏราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้น้อมเกล้าฯ ถวายปลาน้ำจืดในตระกูลทิลาเปีย (tilapia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tilapia nilotica Linn. จำนวน 50 ตัว แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงพระราชทานชื่อปลาชนิดนี้เป็นภาษาไทยว่า “ปลานิล” มีความหมายว่า มีสีดำ คือสีนิล และออกเสียงตามพยางค์ต้นของชื่อชนิด คือคำว่า “nil” มาจาก “nilotica” ซึ่งชื่อพระราชทานนี้เป็นชื่อที่สั้น มีความหมายชัดเจนและง่ายแก่การจดจำสำหรับประชาชนทั่วไป ทรงพระราชทานแนวทาง ในการอนุรักษ์พันธุ์ปลานิล จากการทดลองเลี้ยงด้วยพระองค์เอง

หลังจากทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายปลานิล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้นำปลานิลไปพักเลี้ยงไว้ในบ่อปลาสวนจิตรลดา และได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้กรมประมงเพาะขยายพันธุ์ เมื่อเลี้ยงได้ประมาณ 5 เดือนเศษ ปลานิลได้ขยายพันธุ์มีลูกปลาเป็นจำนวนมาก ทรงเห็นว่าปลาอาศัยอยู่กันอย่างแออัดมาก จึงโปรดให้ขุดบ่อเพิ่มอีกจำนวน 6 บ่อ และทรงย้ายปลาจากบ่อเดิมมายังบ่อใหม่ด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นประมาณปีเศษ ปลานิลได้ขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากพอสมควรแล้ว ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 จึงได้พระราชทานลูกปลานิลขนาด 3-5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัวให้แก่อธิบดีกรมประมง เพื่อนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ที่แผนกทดลอง และเพาะเลี้ยง ในบริเวณเกษตรกลาง บางเขน และสถานีประมงต่าง ๆ อีกจำนวน 15 แห่ง ทั่วราชอาณาจักร

จากนั้นกรมประมงได้ทำการเพาะเลี้ยงปลานิลพระราชทานและปล่อยในแหล่งน้ำทั่วประเทศ จนทำให้ปลาชนิดนี้แพร่หลาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริให้กรมประมงรักษาพันธุ์แท้ไว้ในสวนจิตรลดา ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าปลาที่พระราชทานให้นำไปแพร่พันธุ์ไม่กลายพันธุ์ไป ต่อมาพระองค์ทรงมีรับสั่งถามนักวิชาการเสมอ ด้วยทรงรู้สึกว่าปลานิลเดี๋ยวนี้มีขนาดเล็กลงเข้าใจว่าจะกลายพันธุ์ ทรงให้เร่งรัดเรื่องการศึกษาวิจัยทางพันธุกรรม ทรงรับสั่งว่าถ้าหาปลานิลพันธุ์แท้ไม่ได้ก็ให้มาเอาที่สวนจิตรลดา ด้วยมีพระประสงค์ให้กรมประมงปรับปรุงพันธุ์ปลานิลให้ดีขึ้น ให้มีตัวโตมีเนื้อมาก ซึ่งจากการศึกษาต่อมาพบว่าสายพันธุ์ปลานิลพระราชทาน เรียกทั่วไปว่า “สายพันธุ์จิตรลดา” เป็นสายพันธุ์ที่มีความบริสุทธิ์ ไม่มีการปะปนของสายพันธุ์ปลาหมอเทศ ซึ่งทำให้ปลามีขนาดเล็กลง ทรงพระราชทานลูกพันธุ์ปลานิลแก่เกษตรกรและพสกนิกรชาวไทย

 

เมื่อกรมประมงได้รับพระราชทานพันธุ์ปลานิล ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 แล้ว ได้ทำการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ปลานิลเพื่อแจกจ่ายไปยังเกษตรกร นอกจากนี้กรมประมงยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพันธุ์ปลานิลที่ทรงเพาะเลี้ยงได้จากบ่อทั้ง 6 บ่อ ในพระราชวังสวนจิตรลดา และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อขึ้นใหม่อีก 2 บ่อ รวมเป็น 8 บ่อ ในสวนจิตรลดา เพื่อทำการขยายพันธุ์และนำ ไปแจกจ่ายแก่ราษฎรอีกเป็นประจำทุกเดือน และเมื่อความทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ว่ามีราษฎรต้องการพันธุ์ปลานิลมาก ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุดบ่อขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งบ่อ เป็นบ่อที่ 9 เพื่อช่วยเร่งผลิตพันธุ์ปลานิล ให้เพียงพอแก่ความต้องการของพสกนิกรของพระองค์

จากวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ “ปลานิล” จึงกลายมาเป็นปลาเศรษฐกิจที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงเป็นอาชีพสร้างรายได้ และปลานิลก็เป็นอาหารที่สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆ ที่กินดีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อาทิ ปลานิลมีโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มการจดจำของสมอง ป้องกันโรคสมองเสื่อม ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือด และหัวใจ เพราะว่าปลานิลที่มีโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ และด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้ทรงเลี้ยงปลานิล ทำให้พระองค์ทรงไม่โปรดเสวยปลานิล เวลาที่มีผู้นำปลานิลไปตั้งเครื่องเสวย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปไว้ที่อื่น เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลถามพระองค์ว่า เพราะเหตุใดพระองค์จึงไม่โปรดเสวย ปลานิล ท่านทรงมีรับสั่งว่า

“ก็เลี้ยงมันมาเหมือนลูก แล้วจะกินมันได้อย่างไร”

ขอบคุณที่มาจากเว็บkapook

องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล เรียกร้องรัฐบาลไทย ห้ามใช้โทษประหารกับผู้ก่อความไม่สงบ

แอมเนสตี้ระบุเหตุระเบิดในศูนย์การค้าที่ปัตตานีเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เรียกร้องทางการไทย”ต้อง”สืบสวนอย่างมีอิสระเร่งด่วน และนำตัวผู้ก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยการไม่บังคับใช้การลงโทษประหารชีวิต

10 พ.ค. 60 – แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลตอบสนองต่อเหตุการณ์ระเบิด ณ ศูนย์การค้าในจังหวัดปัตตานี โดยแชมพา พาเทล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า “การโจมตีที่ศูนย์การค้าในปัตตานีนับเป็นการกระทำที่จงใจสร้างความสะเทือนขวัญต่อพลเรือน และยังแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนแต่อย่างใด”

“ทางการไทยต้องสั่งการให้มีการสอบสวนอย่างอิสระและมีประสิทธิภาพทันที โดยรัฐมีหน้าที่ในการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้มีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และไม่บังคับใช้การลงโทษด้วยการประหารชีวิต ทุกขั้นตอนที่ทางการไทยดำเนินการเพื่อยุติและป้องกันการโจมตีกรณีดังกล่าวต้องเคารพพันธกรณีที่ไทยมีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ” แชมพา พาเทล กล่าว

เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นที่ศูนย์การค้าบิ๊กซีในเมืองปัตตานี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 พ.ค. 2560 โดยเป็นเหตุระเบิดสองลูกห่างกันไม่กี่นาที ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 50 คน ซึ่งองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยระบุว่ามีเด็กรวมอยู่ด้วยและได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับองค์กรภาคประชาสังคมอื่นๆ อีกหลายแห่ง

 

ขอบคุณข่าวจาก